กรุงเตหะราน-DIZIN INTERNATIONAL SKI RESORT-พระราชวังเนียวาราน-หมู่บ้านอบียาเนห์-สะพานคาจู-สะพานอัลลาห์เวอร์ดีข่าน-พระราชวังเชเฮล โซตุน-วิหารแว้งค์-จัตุรัสนัค เอ ฌะฮาน-เมืองโบราณเปอร์เซโปลิส-ป้อมคาริม ข่าน-สุเหร่าสีชมพู
กรุงเตหะราน-DIZIN INTERNATIONAL SKI RESORT-พระราชวังเนียวาราน-หมู่บ้านอบียาเนห์-สะพานคาจู-สะพานอัลลาห์เวอร์ดีข่าน-พระราชวังเชเฮล โซตุน-วิหารแว้งค์-จัตุรัสนัค เอ ฌะฮาน-เมืองโบราณเปอร์เซโปลิส-ป้อมคาริม ข่าน-สุเหร่าสีชมพู
DAY 1: สนามบินสุวรรณภูมิ-กรุงเตหะราน
18.00 น. ท่านผู้โดยสารโปรดทราบขอ ให้ทุกท่านรวมตัวกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ณ จุด ๆ นี้ พวกเราชาว Drift จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกทางด้านเอกสารการเดินทางและสัมภาระการเดินทางของท่านให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
21.30 น.ขณะนี้เราพร้อมแล้ว ที่จะพาทุกท่านสู่ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดย Mahan Air เที่ยวบินที่ W5 050 ขอให้ทุกท่านรัดเข็มขัดนิรภัยด้วยค่ะ
DAY 2: กรุงเตหะราน
01:30น. ถึงแล้ว...ท่าอากาศยานกรุงเตหะราน หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากรเรียบร้อย และเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจะนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
นำทุกท่านเข้าพักค้างคืน ณ โรงแรม Espinas Hotel Palace หรือ เทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันแรก เราจะนำทุกท่านไปเที่ยวกันที่ DIZIN INTERNATIONAL SKI RESORT เป็นแหล่งสกี รีสอร์ท ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิหร่าน ตั้งอยู่ในเทือกเขาอัลลอร์ซ ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางเหนือ ประมาณ 70 กม. ก่อสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1960 ภายใต้การปกครองของ Mohammad Reza Pahlavi เป็นสวรรค์ของนักสกีอิหร่านที่นิยมเล่นสกี
ในระหว่างทางที่เราจะไปสัมผัสแหล่งสกีนี้ มีความสวยงามทั้ง วิว ทิวทัศน์ บอกเลยว่าที่สุด แทบไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่านี่คืออิหร่าน เราเดินทางผ่านทุ่งหญ้าสลับกับเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ผ่านทะเลสาบที่มีน้ำเป็นสี Turquoise ผ่านพ้นทะเลสาบไปไม่ไกล เราก็จะพบกับแหล่งสกีที่มีชื่อเสียง ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนไปหมด ช่างบริสุทธิ์จริง (ค่าเข้า Dizin ski resort รวมในแพ็คเกจแล้ว ยกเว้นเครื่องเล่นอื่นๆไม่รวม)
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย ไปต่อกันที่ พระราชวังเนียวาราน Niavaran Palace ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเตหะรานสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์คาจาร์ Qajar Dynasty สร้างในสวนที่มีความสวยงาม บนเนื้อที่กว่า 11 เฮกเตอร์ พระราชวังแห่งนี้เป็นของกษัตริย์ ชาห์ หรือพระเจ้าโมฮัมหมัด เรซาปาห์เลวี แห่งราชวงศ์ปาห์เลวี ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของอิหร่าน ซึ่งใช้เป็นที่ประทับร่วมกับครอบครัว ก่อนที่จะถูกปฏิวัติ โดยอะยาตุลเลาะห์โคไมนี
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
พักค้างคืน ณ Espinas Palace Hotel หรือเทียบเท่า
(โรงแรม 5 ดาว มาตรฐาน ประเทศอิหร่าน)
DAY 3: กรุงเตหะราน-เมืองอิสฟาฮาน
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสฟาฮาน Isfahan ระหว่างทางแวะเยี่ยมชม หมู่บ้านอบียาเนห์ Abyaneh Village (ระยะทาง 331 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านชมความสวยงามของ หมู่บ้านอบียาเนห์ Abyaneh Village เป็นหมู่บ้านโบราณตั้งอยู่ในหุบเขาทางตอนกลางของเมืองคาชาน หมู่บ้านนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอิหร่านและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เนื่องจากยังมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิมๆ ใช้ภาษาพาร์เทียน เป็นภาษาพูดในหมู่บ้าน ผู้หญิงจะใช้ผ้าคลุมศีรษะเป็นลวดลายดอกไม้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่สำคัญคือ บ้านทุกหลังจะถูกฉาบด้วยดินโคลนสีแดง (เหมือนอิฐเผาบ้านเรา) ผสมกับเศษของต้นมอลท์ (พืชที่ใช้หมักเบียร์) เหมือนกันไปหมดทุกหลัง ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง ปัจจุบัน หมู่บ้านอบียาเน่ห์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2007ได้เวลาพอสมควร
นำท่านเดินทางสู่เดินทางสู่ เมืองอิสฟาฮาน( ระยะทาง 166 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.20 ชั่วโมง)
แวะเยี่ยมชมความสวยงามของ สะพานคาจู Khaju Bridge ซึ่งถูกสร้างขึ้นได้อย่างสวยงามตามแบบที่ไม่เคยพบเห็นในที่ใดมาก่อน ถูกสร้างตามคำสั่งของกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 2 ที่มีความกว้าง 12 เมตร และยาวถึง 132 เมตร เพื่อใช้สำหรับข้ามแม่น้ำซายันเดห์ และในขณะเดียวกันก็ใช้เป็นเขื่อนด้วย เวลาช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เป็นเวลาที่เหมาะยิ่งสำหรับการมาชมสะพานแห่งนี้ เพราะจะมีการเปิดไฟประดับประดาสวยงามมาก เป็นที่นิยมของคนในเมืองอิสฟาฮานที่จะมานั่งพักผ่อน ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ต่อด้วย สะพานอัลลาห์เวอร์ดีข่าน หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ซิโอ เซโปล Sio Sepol เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ชาห์ อับบาส ที่ 1 ในปี ค.ศ. 1599 สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1602 เป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาได้อย่างสวยงม เพื่อใช้สำหรับข้ามแม่น้ำซายันเดห์ ตัวสะพานมีความกว้าง 14 เมตร มีความยาวถึง 360 เมตร โดยที่ตลอดด้านข้างทั้งสองของสะพานแห่งนี้จะมีการตกแต่งเป็นทางเดินที่สวยงามและฐานด้านล่างของสะพานนั้นได้ถูกสร้างเป็นส่วนโค้งด้วยจำนวน 33 โค้ง เวลายามค่ำคืนนั้นจะเปิดไฟสว่างสวยงามเป็นอย่างมาก
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม
พักค้างคืน ณ Abbasi Hotel หรือเทียบเท่า (โรงแรม 5 ดาว มาตรฐาน ประเทศอิหร่าน)
DAY 4: เมืองอิสฟาฮาน
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังเชเฮล โซตุน Chehel Sotun Palace หรือ วัง 40 เสา ซึ่งความเป็นจริงแล้วมีเสาเพียง 20 เสาเท่านั้น แต่เมื่อมองผ่านเข้ามาทางสระน้ำหน้าพระราชวังจะเป็นเงาในน้ำอีก 20 ต้น พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1657 โดยสถาปนิก ชื่อ ชีคห์ บาไฮ รอบพระราชวังมีสวนเขียวชอุ่ม ดอกไม้ชูช่อสวยงามในฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะดอกกุหลาบที่ห้อยเป็นพวงระย้าส่งกลิ่นหอมน่าชื่นใจ
พระราชวังแห่งนี้สร้างในสมัยชาฮ์ อับบาสที่ 2 แต่ได้มีการออกแบบมาตั้งแต่สมัยชาฮ์อับบาสที่ 1 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์และบรรดานางสนม ต่อมาใช้เป็นที่ต้อนรับอาคันตุกะหรือแขกเมือง ในพระราชวังแห่งนี้มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า มีความยาว 100 เมตร และกว้าง 16 เมตร ชมการแกะสลักลวดลายประตู หน้าต่าง ภาพฝาผนัง ปูนปั้น ชมภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้ตำหนัก บอกเล่าเรื่องราวราชสำนักและประวัติศาสตร์การทำสงคราม
ต่อด้วยนำท่านชม วิหารแว้งค์ Vank Church เป็นโบสถ์ประจำชุมชนชาว อาร์เมเนีย ซึ่งพักอาศัยอยู่ในเขตนิวจุลฟาของเมือง อิสฟาฮาน นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด๊อกซ์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ของคนต่างนิกาย ต่างศาสนา แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และชี้ให้เห็นถึงความใจกว้างของผู้นำอิหร่านและผู้นำทางศาสนา ผู้นำในการบริหารประเทศซึ่งเป็นมุสลิม นิกายชีอ๊ะห์
ตัวโบสถ์สร้างระหว่างปี 1606-1655 หากมองจากภายนอกจะเห็นโดมของโบสถ์ เหมือนเป็นโดมมัสยิด แต่ถ้ามองให้ดีมองให้ละเอียดจะเห็นไม้กางเขนขนาดเล็กปักอยู่ที่โดม ใกล้ ๆ กับตัวโบสถ์จะมีพิพิธภัณฑ์ของชาวอาร์เมเนียน ซึ่งจัดแสดงภาพเขียนของบุคคลสำคัญของชาวอาร์เมเนียนและแบ่งส่วนจัดแสดงวิวัฒนาการเกี่ยวกับการพิมพ์ในอิหร่าน ซึ่งชาวอาร์เมเนียนเป็นผู้บุกเบิก
และส่วนสุดท้ายเป็นแผนที่ขนาดใหญ่จัดแสดงให้เห็นพื้นที่สังหาร ซึ่งชาวอาร์เมเนียนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประเทศตุรกี ถูกสังหารหมู่ครั้งแล้ว ครั่งเล่า รวมจำนวนแล้วมากกว่า 500,000 คน ซึ่งพวกเขายังพยายามเรียกร้องความยุติธรรมต่อชาวโลกมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ไร้การเหลียวแลจากองค์กรต่าง ๆ โบสถ์แห่งนี้ยังมีนาฬิกาที่มาจากประเทศไทยของเรา ครั้งในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จเยือนอิหร่านอีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย ไปลุยกันต่อที่ จัตุรัสนัค เอ ฌะฮาน Naqsh-E-Jahan จัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจัตุรัสเทียนอันเหมิน มีความกว้าง 165 เมตร และมีความยาวถึง 500 เมตร รวมเนื้อที่ประมาณ 80,000 กว่าตารางเมตร ใหญ่กว่าจัตุรัสแดงในกรุงมอสโคว์ถึง 2 เท่า ในอดีตเป็นสนามแข่งโปโล
หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า จัตุรัสอิหม่าม Imam Square นับว่าเป็นอัญมณีแห่งโลกมุสลิมที่ผนวกรวมทั้งแนวความคิด ปรัชญา และสถาปัตยกรรมที่สวยงามเอาไว้ในที่เดียวกัน เช่น มัสยิดอิหม่าม Imam Mosque เป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1612 โดยมียอดโดมสูง 30 เมตร และมีเสามินาเรตที่มีความสูง 40 เมตร
มัสยิดชีคห์ ลอทฟอลลาห์ Sheikh Lotfollah Mosque สร้างโดยชาห์ อับบาสที่ 1 เช่นเดียวกัน ซึ่งจะใช้เป็นมัสยิดส่วนพระองค์และราชวงศ์เท่านั้นโดยเฉพาะตัวโดม ซึ่งถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศ พระราชวังอาลี คาปู Ali Ghapou Palace ถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 1 โดยมีการสร้างเพิ่มเติมจนมีทั้งหมด 6 ชั้น ตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมโดยช่างฝีมือชั้นยอดจิตรกรชั้นครูในสมัยนั้น พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับและรับรองแขกบ้านแขกเมือง พร้อมกันนี้ชั้นบน สุดยังตกแต่งเป็นห้องสำหรับฟังเพลงและเล่นดนตรี
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
พักค้างคืน ณ Abbasi Hotel หรือเทียบเท่า (โรงแรม 5 ดาว มาตรฐาน ประเทศอิหร่าน)
DAY 5: เมืองอิสฟาฮาน-เมืองชีราซ
เมืองชีราซ เป็นเมืองที่มีประชากรเป็นอันดับ 6 ของประเทศอิหร่านและเป็นเมืองหลวง ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาคมามากกว่า 1 พันปี และยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองแห่งกวี วรรณกรรม ไวน์และดอกไม้ เป็นเมืองอุตสาหกรรม ซีเมนต์ น้ำตาล ปุ๋ย สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ไม้ งานโลหะ และพรม
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยังเมืองชีราซ (ระยะทาง 421 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย เราจะไปลุยกันที่ เมืองโบราณเปอร์เซโปลิส Persepolis แนะนำให้ทุกท่านสวมรองเท้าผ้าใบสวมใส่สบาย และควรเตรียมร่มกันแดดไปด้วย เพราะแดดค่อนข้างจัด ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงและเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเปอร์เซีย ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ สร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราช ประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงรัชสมัยของดาริอุสที่ 3 มหานครแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงต่อเติมมาตลอดระยะเวลา 150 ปี ลักษณะเป็นป้อมปราการ และมีศูนย์กลางที่ประกอบไปด้วยพระราชวังต่าง ๆ รวมถึงห้องโถงใหญ่ ซึ่งเป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติ และสิ่งของมีค่า ในปี ค.ศ. 331 ก่อนคริสตกาล มหานครแห่งนี้ก็ถูกกองทัพของอเล็กซานเดอร์ มหาราช บุกเข้าทำลายและเผาผลาญจนพินาศ คือร่องรอยความงดงามของสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ โอฬารตระการตา
และต่อด้วย สุสาน 4 กษัตริย์ Naqsh -E Rostam เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่งดงามและน่าทึ่งที่สุดของจักรวรรดิ Achaemenid ซึ่งประกอบด้วยหลุมฝังศพขนาดมหึมา โดยมีสุสานขนาดใหญ่สี่แห่งที่ถูกตัดสูงลงไปในหน้าผา สิ่งเหล่านี้มีการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมเป็นหลัก แต่อาคารมีแผงขนาดใหญ่เหนือประตูซึ่งแต่ละส่วนมีเนื้อหาคล้ายกันมากโดยมีรูปของกษัตริย์ที่พระเจ้าลงทุนอยู่เหนือโซนที่มีรูปปั้นขนาดเล็กเรียงเป็นแถวพร้อมด้วยทหารและเจ้าหน้าที่ ตัวเลขทั้งสามคลาสมีขนาดที่แตกต่างกันอย่างมาก ทางเข้าแต่ละหลุมฝังศพเป็นศูนย์กลางของแต่ละข้างซึ่งเปิดออกสู่ห้องขนาดเล็กที่กษัตริย์นอนในโลงศพ
ไปต่อกันที่ สุสานฮาเฟซ Hafez tomb (ระยะทาง 61 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นสุสานที่สวยงามของกวีที่ยิ่งใหญ่ชาวเปอร์เซียชื่อฮาฟิส ว่ากันว่าในบ้านชาวอิหร่านทุกหลังต้องมีหนังสือบทกวีของท่านถูกสร้างขึ้นในสวนใน 1773 ในรัชสมัยของคาริมข่าน Zand Hāfezieh ตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของแม่น้ำ Rudkhaneye Khoshk ตามฤดูกาลในสวน Musalla
และต่อด้วย ที่ ป้อมคาริม ข่าน Karim Khan Fort (ถ่ายรูปด้านนอก) ป้อมนี้คาริมข่านได้สั่งให้สร้างไว้เป็นที่พักอาศัยและเป็นศูนย์กลางการบริหารงานอยู่ที่ใจกลางเมือง ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนป้อม มีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน และไปช้อปกันต่อที่...วากีลบาซาร์ Vakil Bazaar ไปเลือกซื้อสินค้านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นกล่องแกะสลักฝังโมเสคสินค้าที่ทำจากหนัง กระเป๋า หมวก ผ้าลูกไม้ ผลไม้แห้งหลากหลายชนิด ฯลฯ
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
พักค้างคืน ณ Shiraz Grand Hotal หรือเทียบเท่า (โรงแรม 5 ดาว มาตรฐาน ประเทศอิหร่าน)
DAY 6: เมืองชีราซ-เมืองเตหะราน
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พาทุกท่านไปเยี่ยมชม สุเหร่าสีชมพู Pink Mosque หรือ Na sir Al Molk Mosque เป็นสุเหร่าที่สำคัญที่สุดของอิหร่านตอนใต้ ได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่สวยมาก สร้างสรรค์โดย มีร์ซา ฮาซาน อลี นาซีร์ อัล มอล์ค ในปี ค.ศ. 1876 และเสร็จในปี ค.ศ. 1887 ซึ่งมี ฮัจญ์ โมฮัมหมัด ฮาสซาน เป็นสถาปนิกออกแบบ และ มีร์ซา เรซา เป็นผู้ตกแต่งพวกกระเบื้องต่าง ๆ
และต่อด้วย สวนนาเรนเจสตาน (Narenjestan Garden) ซึ่งเป็นสวนที่มีความสวยงามอีกแห่งของชีราช ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1879 และเรียบร้อยในปี ค.ศ.1886 เพื่อให้เป็นที่พำนักของแขกต่างเมืองที่มาเยี่ยมเยือน แต่ต่อมาก็ได้กลายเป็นที่พักของเจ้าเมืองในราชวงศ์กอจาร์ในอดีต ซึ่งภายในทางเข้าได้ถูกตกแต่งด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ ด้วยฝีมือที่สวยงาม และห้องต่างๆที่อยู่รอบด้านก็ได้มีการตกแต่งด้วยกระจกสีที่บานหน้าต่างอีกด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งที่อยู่บริเวณข้าง ๆกัน ยังมีการตกแต่งภายใน และมีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของบุคคลที่สำคัญในอดีตของเปอร์เซีย
12:00-13:30 เราจะพาทุกท่านเดินทางสู่เมืองเตหะราน โดยสายการบิน Mahan Air เที่ยวบินที่ W5 1088
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับตำหนัก Sa’Ad Abad Palace ในสถานที่นี้ประกอบไปด้วย ตำหนักถึง 7 ตำหนักด้วยกัน มีเนื้อที่กว้างใหญ่ประมาณ 410 เฮกต้าร์ แต่ละที่ก็สวยงามตามท้องเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำหนักเขียวและตำหนักขาวในอดีต
ตำหนักขาว White Palace เป็นที่ประทับของกษัตริย์ชาร์ ปาห์ลาวี กษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนถูกโคไมนีปฏิวัติ และเป็นที่เก็บสะสมของมีค่ามากมาย อาทิเช่น พรมเปอร์เซียที่มีชื่อเสียง เครื่องประดับต่าง ๆ และเครื่องปั้นดินเผา
และ ตำหนักเขียว Green Palace ซึ่งสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป โดยใช้หินอ่อนสีเขียว ภายในประดับด้วย สถาปัตยกรรมกระจกที่งดงามตระการตาอย่างมาก
จากนั้นนำท่านไปเที่ยวที่ สะพานทะเบียนอัต Tabiat Bridge เป็นสะพานลอยที่ใหญ่ที่สุดใน กรุงเตหะราน ได้รับการออกแบบโดย Leila Araghian ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของการ แข่งขัน ระดับท้องถิ่น สำหรับการออกแบบสะพานเพื่อ เชื่อมสวนสาธารณะสองแห่งในตอนเหนือของเตหะราน
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
พักค้างคืน ณ Espinas Hotel 5 * (โรงแรม 5 ดาว มาตรฐาน ประเทศอิหร่าน)
DAY 7: กรุงเตหะราน-กรุงเทพมหานคร
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมความสวยงามของ พระราชวังโกเลสตาน Golestan Palace หรือ วังสวนกุหลาบ วังที่ต้องมา เป็นวังเก่าแก่ย้อนไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาฟาวิด เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีร่องรอยสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลืออยู่ คือ ป้อมสูง Citadel ที่เอาไว้สำหรับส่องดูข้าศึก และสถานอาบน้ำแบบเติร์ก ตัวอาคารเป็นแบบตะวันตก ที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบันนั้นมีการสร้างเพิ่มเติมเข้ามาสมัยกษัตริย์ราชวงศ์รองสุดท้ายของเปอร์เซีย คือ ราชวงศ์คาจาร์ กษัตริย์นัสเซอร์ อัล-ดิน ชาห์
ได้เสด็จเยือนยุโรปแล้วเห็นความเจริญ และความสวยงามทางสถาปัตยกรรม แล้วเกิดความประทับจิตรประทับใจจึงนำศิลปะยุโรป เข้ามาผสมกับวิถีชีวิตของชาวอิหร่าน ดังเช่น ตำหนักแบบนีโอคลาสสิคของยุโรป จากนั้นไปช้อปปิ้ง หาซื้อของฝากของที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย เตหะราน บาร์ซาร์ Tehran Bazaar
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
16:00 ออกเดินทาง สู่ สนามบินระหว่างทางมีบริการ snack box สำหรับมือค่ำ โบกมือ บ๊าย บาย
21:45 ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน Mahan Air เที่ยวบินที่ W5 051
DAY 8: กรุงเทพมหานคร
07.50 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิ์ภาพ พร้อมความประทับใจ
ช่วงเวลา | ผู้ใหญ่ |
อัตราค่าบริการ โปรแกรม ไฮไลท์ อิหร่าน 8 วัน
ข้อแนะนำบางประการและต้องแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบก่อนการเดินทาง
อัตราค่าบริการนี้รวมถึง
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวมถึง
เงื่อนไขการจองทัวร์ โปรแกรม อิหร่าน อายะธรรมเปอร์เซีย ฤดูหนาว 8 วัน
กรณียกเลิกทัวร์ โปรแกรม อิหร่าน อายะธรรมเปอร์เซีย ฤดูหนาว 8 วัน
หมายเหตุ
ตั๋วเครื่องบิน
โรงแรมและห้อง
กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน
สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ
การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย