เชื่อได้ว่าการได้ไปทัวร์ยุโรปนั้นเป็นอีกหนึ่งการท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ เพราะจะได้ไปสัมผัสกับดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ความสวยงาม สภาพแวดล้อม ศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และน่าสนใจอยู่ไม่น้อย จึงทำให้หลายคนถ้าหากมีโอกาสก็อยากที่จะไปทัวร์ยุโรปกันดูสักครั้ง วันนี้เราก็เลยรวบรวมข้อมูลการทัวร์ยุโรปที่น่าสนใจสำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวยุโรปมาฝากกันค่ะ
ข้อมูลเที่ยวทัวร์ยุโรป
ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือโดยส่วนมากจะอยู่ทางฝั่งซีกโลกตะวันออกโดยมีทิศเหนือติดกับมหาสมุทรอาร์กติก และทิศใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีทิศตะวันออกอยู่ติดกับทวีปเอเชียและอยู่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกทางด้านทิศตะวันตก มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 10,180,000 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2% ของผิวโลก โดยมีประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรมากที่สุด
ลักษณะทางภูมิประเทศที่สำคัญของทวีปยุโรปจะเป็นทางเขตที่ราบสูงซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางตอนกลางของทวีปโดยมีพื้นที่อยู่ประมาณร้อยละ 25 ของทวีปยุโรปได้แก่ บริเวณทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศสรวมไปถึงบริเวณภาคใต้ของเยอรมนีและโปแลนด์ ในขณะที่เขตเทือกเขาก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 เขตใหญ่ก็คือเขตเทือกเขาภาคเหนือ ได้แก่เทือกเขาในแถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวียในสกอตแลนด์ เวลส์ และเกาะไอซ์แลนด์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเทือกเขาขนาดเตี้ยและเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว ในขณะที่เทือกเขาภาคใต้จะเป็นแนวเทือกเขาที่มีขนาดสูงและเป็นเขตที่เกิดแผ่นดินไหวและมีภูเขาไฟประทุอยู่บ่อยครั้ง โดยประเทศในทวีปยุโรป มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 51 ประเทศ สามารถแบ่งภูมิภาคของยุโรปออกเป็น 4 ภูมิภาคใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ยุโรปกลางและตะวันออก ยุโรปเหนือ ยุโรปใต้ และยุโรปตะวันตก
ทั้งนี้ในทวีปยุโรปมีหลายเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการค้าของโลกจึงทำให้เป็นทวีปที่มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย และทันสมัย โดยส่วนใหญ่จะใช้ระบบรถรางอย่างเช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการคมนาคม นอกจากนี้การเดินทางในเส้นทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์ก็สะดวกสบายเช่นเดียวกัน โดยจะมีทางหลวงเชื่อมระหว่างเมืองและประเทศต่างๆ หลายประเทศ อาทิเช่น ปารีส ลอนดอน เบอร์ลิน วอร์ซอ และมอสโก ในขณะที่การคมนาคมทางอากาศก็มีสายการบินให้บริการอย่างหลากหลายทั้งการเดินทางภายในประเทศและต่างประเทศ เช่นเดียวกันกับการคมนาคมทางน้ำที่อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการค้าและการท่องเที่ยวอีกด้วย
ทัวร์ยุโรปแนะนำ
สำหรับผู้ที่วางแผนทัวร์ยุโรปแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกไปเที่ยวยุโรปกันที่ไหนดี เราก็มีทัวร์ยุโรปแนะนำสำหรับแต่ละภูมิภาคที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ
1. ทัวร์ยุโรปกลางและตะวันออก
เส้นทางทัวร์ยุโรปกลางและตะวันออกยอดฮิตสำหรับใครที่วางแผนทัวร์ยุโรปก็จะเป็นเส้นทางทัวร์ยุโรปซึ่งประกอบด้วยประเทศยอดฮิตอย่าง เยอรมนี ออสเตรีย เช็ก สโลวาเกีย ฮังการี สวิตเซอร์แลนด์ ที่ให้คุณได้สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกและสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นตาตื่นใจไม่ว่าจะเป็น บูดาเปสต์ ฮีโร่สแควร์, ล่องเรือแม่น้ำดานูบ กรุงเวียนนา, วิหารเซนต์สตีเฟน, พระราชวังเชินบรุนน์,กรุงปราก, เมืองมรดกโลก Cesky Krumlov และ วิหารเซนต์ลอเรนซ์ เป็นต้น
2. ทัวร์ยุโรปตะวันตก
เส้นทางทัวร์ยุโรปตะวันตกยอดนิยมที่หลายคนเลือกไปก็คือ อิตาลี ฝรั่งเศส เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เส้นทางที่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติอันสุดแสนโรแมนติกงดงามราวกับหลุดเข้าไปในเมืองเทพนิยาย ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬาโคลอสเซียม, หอเอนปิซ่า, เทือกเขาแอลป์, มหานครปารีส, พระราชวังแวร์ซาย, หอไอเฟล, และ ยอดเขาจุงเฟรา เป็นต้น
3. ทัวร์ยุโรปใต้
เส้นทางทัวร์ยุโรปใต้ยอดนิยมสำหรับคนที่เลือกไปเที่ยวยุโรปก็คือ ประเทศสเปน โปรตุเกส ตุรกี กรีซ มอลต้า นครรัฐวาติกัน ให้คุณได้สัมผัสกับศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจและสภาพแวดล้อมที่มีความสวยงามและมนต์เสน่ห์แห่งท้องทะเล เยี่ยมชมเมืองบาร์เซโลน่า กรุงมาดริด, กรุงลิสบอน, มหาวิหารเจอโรนีโม รวมถึงสนามฟุตบอลคัมป์นู เป็นต้น
4. ทัวร์ยุโรปเหนือ
ชวนคุณไปเที่ยวยุโรปเหนือเพื่อสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็น ตามล่าแสงเหนือ เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมและวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนงดงามตระการตา ซึ่งเส้นทางทัวร์ยุโรปเหนือยอดนิยมก็จะประกอบไปด้วย สแกนดิเนเวีย สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ ลิทัวเนีย เยี่ยมชมเมืองโคเปนเฮเกน เมืองออสโล พระราชวังสตอกโฮล์ม และ ปราสาทโรเซนบอร์ก เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ยุโรป ยอดนิยม
1. ทัวร์ยุโรป สวิตเซอร์แลนด์
ประเทศในฝันของใครหลายคนเมื่อไปทัวร์ยุโรป เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและสุดแสนโรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยประมาณ 10 ถึง 15 ชั่วโมง สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau), ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matternhorn) , สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) , วิหารแห่งเมืองโลซานน์ (Lausanne Cathedral) , นั่งรถไฟสาย Glacier Express และ ทะเลสาบเจนีวา (Geneva lake) เป็นต้น
2. ทัวร์ยุโรป อิตาลี
ประเทศที่มีความโดดเด่นในเรื่องของประวัติศาสตร์และอารยธรรมโรมันโบราณ ใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยประมาณ 12 ชั่วโมง สถานที่ท่องเที่ยวยุโรปในอิตาลีที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ โคลอสเซียม, มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์, น้ำพุ Trevi Fountain, หอเอนปิซ่า, ปอมเปอี, คลองเวนิส, มหาวิหารดูโอโม่ (Milan Duomo) , เมืองฟลอเรนซ์ รวมถึง นครวาติกัน เป็นต้น
3. ทัวร์ยุโรป ฝรั่งเศส
อีกหนึ่งประเทศในฝันสำหรับใครที่อยากไปทัวร์ยุโรป ดินแดนที่เต็มไปด้วยความคลาสสิคงดงามของสถาปัตยกรรม งานศิลปะ รวมไปถึงแฟชั่นระดับ hi-end ใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยประมาณ 12 ถึง 15 ชั่วโมง สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ หอไอเฟล, พระราชวังแวร์ซาย, มหาวิหารนอทเทอร์ดัม, มหาวิหารมงแซ็งมิเชล, ประตูชัยฝรั่งเศส, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, เส้นทางสายลาเวนเดอร์ (Sault Lavender Road) , เมืองโมนาโก, เมืองกอลมาร์ เป็นต้น
4. ทัวร์ยุโรป เยอรมนี
ประเทศซึ่งตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป ดินแดนที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม ปราสาท และวิวทิวทัศน์อันสวยงามราวกับเทพนิยาย ใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยประมาณ 12- 14 ชั่วโมง สถานที่ท่องเที่ยวเยอรมนีที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) , ประตูบรันเดนบูร์ก (Brandenburg) , มหาวิหารโคโลญจน์ (Cologne Cathedral) , มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) , ย่านเมืองเก่า Rothenburg ob der Tauber, ปราสาทไรชสบวร์ก (Reichsburg Castle) , มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) ,ทะเลสาบโอเบอร์เซ (Obersee) , ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (Zugspitze) , เกาะดอกไม้ไมเนา (Mainau Island) , และ เกาะรือเกิน (Rugen) เป็นต้น
5. ทัวร์ยุโรป อังกฤษ
ดินแดนที่เต็มไปด้วยความเจริญทั้งทางด้านวัฒนธรรม การศึกษา อุตสาหกรรม และภูมิประเทศที่มีความงดงาม อีกหนึ่งประเทศจุดหมายปลายทางที่หลายคนเลือกในการไปทัวร์ยุโรป ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงขึ้นไป สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ หอคอยแห่งกรุงลอนดอน, สโตนเฮนจ์, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ British Museum, หอนาฬิกาบิ๊กเบน, อาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน, มหาวิทยาลัย oxford, โครงการ Eden project, ปราสาทวินเซอร์, ชิงช้าสวรรค์ London Eye, พระราชวังบักกิงแฮม รวมถึง โรงอาบน้ำโรมันโบราณ เป็นต้น
6. ทัวร์ยุโรป เนเธอร์แลนด์
หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือประเทศฮอลแลนด์หรือฮอลันดานั่นเอง ดินแดนที่เต็มไปด้วยกังหัน ดอกทิวลิป และทัศนียภาพอันสวยงามโรแมนติก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงขึ้นไป สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ, สวนเคอเคนฮอฟ, หมู่บ้านกังหันลมซานส์ สคานส์ (Zaanse Schans) , ตลาดดอกไม้ Bloemenmarkt ,เมืองจำลอง Madurodam, หมู่บ้านกีโธร์น (Giethoorn) ,และ หมู่บ้านบูร์แตง (Bourtange) เป็นต้น
7. ทัวร์ยุโรป สเปน
เมืองกระทิงดุแห่งยุโรปใต้ที่หลายคนเลือกเป็นจุดหมายปลายทางเมื่อไปทัวร์ยุโรป เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ในทวีปยุโรป เต็มไปด้วยภูมิประเทศที่มีความหลากหลาย ใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยประมาณ 15 ชั่วโมงขึ้นไป สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ มหาวิหาร Sagrada Familia, มหาวิหารวาเลนเซีย, เมืองสีขาว The White Towns of Andalucía, ถนนสายช้อปปิ้ง La Ramblas, สนามฟุตบอล Bernabéu Stadium ของทีม Real Madrid, จัตุรัส Plaza Mayor, และเกาะแกรนด์คานารี เป็นต้น
สภาพอากาศและฤดูกาลที่ยุโรป
ใครที่วางแผนทัวร์ยุโรปควรที่จะต้องทราบเกี่ยวกับข้อมูลของสภาพอากาศและฤดูกาลก่อนที่จะวางแผนเที่ยวยุโรปกันด้วยนะคะ โดยสภาพอากาศของทวีปยุโรปก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 7 เขตด้วยกัน ได้แก่ เขตภูมิอากาศแบบทุนดรา, เขตภูมิอากาศแบบกึ่งขั้วโลกหรือ Tiga, เขตภูมิอากาศอบอุ่นชื้นภาคพื้นทวีป, เขตภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก, เขตภูมิอากาศอบอุ่นชื้น, เขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน, และเขตภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย โดยสามารถแบ่งฤดูกาลในทวีปยุโรปออกได้เป็น 4 ฤดูกาล ดังนี้
- ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นช่วงที่พืชพรรณและต้นไม้ผลิดอกออกใบสวยสดงดงาม อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 ถึง 22 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวยุโรปเป็นอย่างมาก
- ฤดูร้อน (Summer) ช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม เป็นช่วงที่มีอากาศร้อนที่สุดและมีช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานกว่าจึงทำให้เรามีเวลาท่องเที่ยวได้นานมากขึ้น มีฝนตกเป็นระยะ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 18 ถึง 30 องศาเซลเซียส
- ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) ช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามเป็นอย่างมาก อากาศเริ่มเย็นลง ช่วงกลางคืนยาวนานขึ้น อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 ถึง 18 องศาเซลเซียส
- ฤดูหนาว (Winter) ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ สภาพแวดล้อมจะเต็มไปด้วยหิมะปกคลุมขาวโพลน แม่น้ำลำคลอง ทะเลสาบหลายแห่งเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ถึง -10 องศาเซลเซียส
เที่ยวทัวร์ยุโรป ใช้งบเท่าไหร่
สำหรับการวางแผนทัวร์ยุโรปสิ่งที่จำเป็นจะต้องตระเตรียมให้เพียงพอก็คือค่าใช้จ่ายนั่นเองค่ะ ซึ่งงบการเที่ยวยุโรปก็สามารถเลือกเที่ยวได้หลายแบบทั้งแบบประหยัดติดดิน เที่ยวแบบกลางๆ ธรรมดาทั่วไป และเที่ยวแบบหรูหราไฮโซ รวมไปถึงระยะเวลาที่ในการท่องเที่ยว ซึ่งก็จะมีงบประมาณที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- เที่ยวยุโรปแบบประหยัดติดดิน ประมาณ 10 วัน ค่าใช้จ่ายก็จะอยู่ที่ประมาณ 50,000-60,000 บาทต่อคน แบ่งออกเป็น ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดประมาณ 30,000 บาท ค่าที่พักประมาณ 800-1,000 บาทต่อคืน ค่าเดินทางประมาณวันละ 700 บาท ค่ากินประมาณวันละ 500 บาท
- เที่ยวยุโรปแบบกลางๆ ประมาณ 10 วัน ค่าใช้จ่ายก็จะอยู่ที่ประมาณ 70,000-80,000 บาท ต่อคน แบ่งออกเป็นค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดประมาณ 30,000 บาท ค่าที่พักประมาณ 1,500 - 2,000 บาทต่อคืน ค่าเดินทางประมาณวันละ 1,500 บาท ค่ากินประมาณวันละ 1,000 บาท
- เที่ยวยุโรปแบบหรูหรา ประมาณ 10 วัน ค่าใช้จ่ายก็จะอยู่ที่ประมาณ 200,000 - 300,000 บาท แบ่งออกเป็นค่าตั๋วเครื่องบินประมาณ 100,000 บาท ค่าที่พักประมาณ 3,000 - 5,000 บาทต่อคืน ค่าเดินทางประมาณวันละ 3,000 บาท ค่ากินประมาณ 3,000 บาทต่อวัน
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเสื้อผ้า, ค่าวีซ่า (ประมาณ 2,500-3,000 บาท) , ค่าซิมการ์ด, ค่าโทรศัพท์, ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และ ค่าช้อปปิ้ง เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ก็งบประมาณของแต่ละคนค่ะ
อาหารยุโรป ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
1. พิซซ่าต้นตำรับฉบับอิตาเลี่ยน (Italian Original Pizza)
ถึงแม้ว่าจะเป็นเมนูที่หากินได้ไม่ยากในบ้านเรา แต่ถ้าหากได้มีโอกาสไปทัวร์ยุโรปกันที่อิตาลีก็แนะนำให้ลองกินพิซซ่าแบบ Original ต้นฉบับกันดูสักครั้ง แนะนำให้ลองพิซซ่าหน้าอิตาเลียนของแท้ทั้ง 3 แบบได้แก่ พิซซ่ามาร์เกรีต้า (Pizza Margherita) พิซซ่ามารีนารา (Pizza Marinara) และ พิซซ่า 4 ฤดู (Pizza quattro stagioni)
2. ฟองดูชีส (Cheese Fondue)
อาหารประจำชาติของชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นเมนูที่ใช้การตั้งหม้อไฟร้อนๆ แล้วนำชีสมาละลายจากนั้นนำขนมปังและเนื้อสัตว์จุ่มลงไป ซึ่งเมนูนี้ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีของชาวสวิตเซอร์แลนด์กันอีกด้วย
3. ปาเอญ่า (Paella)
อาหารประจำชาติของสเปน โดยเป็นเมนูข้าวผัดหรือข้าวอบที่ใช้ข้าวสารที่ยังไม่หุงสุกและเนื้อสัตว์ต่างๆ อย่างเช่น เนื้อไก่ กุ้ง หอย ปลาหมึก มาปรุงรสกับน้ำซุป เครื่องเทศ ให้สัมผัสที่กรุบกรอบเวลาเคี้ยว
4. ทาร์ตไข่โปรตุเกส (Pastel de nata)
ใครไปทัวร์ยุโรปกันที่โปรตุเกสไม่ควรพลาดเมนูนี้เพราะเรียกว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดของทาร์ตไข่กันเลยทีเดียว โดยเป็นของหวานที่นำเอาแป้งกรุเป็นขอบ เทไข่ผสมน้ำตาลลงไปหยอดในตัวขนมแล้วนำไปอบ มีรสชาติหวานหอมอร่อย
5. ขนมอบเพรทเซิล (Pretzel)
อกจากไส้กรอกและเบียร์แล้ว เมนูนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารยอดนิยมของประเทศเยอรมันเช่นเดียวกันค่ะ โดยสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขนม ร้านอาหาร รวมไปถึง Beer Hall เสิร์ฟคู่กับท็อปปิ้งต่าง ๆ อย่างเช่น แฮม ชีส เมล็ดฟักทอง เป็นต้น
6. ไก่อบทั้งตัวสไตล์ฝรั่งเศส (Poulet Rôti)
อาหารเมนูคลาสสิคของประเทศฝรั่งเศสที่ใคร ๆ ก็กินกัน สามารถหาซื้อได้ง่ายตามตลาดนัดที่ขายอาหาร โดยจะใช้ไก่ที่ถูกเลี้ยงโดยการกินหญ้าแล้วนำมาอบด้วยเนย เครื่องเทศ และสมุนไพรจนได้เนื้อไก่ที่แสนอร่อยชุ่มฉ่ำ
7. สเต็กปลาทอดและมันฝรั่งทอด (Fish and Chips)
เป็นเมนูยอดนิยมที่หลายคนยกให้เป็นอาหารประจำชาติของอังกฤษกันไปแล้ว ซึ่งบอกเลยว่ารสชาติแตกต่างจากที่เมืองไทยอย่างแน่นอน จุดเด่นของเมนูนี้ก็คือเนื้อปลาสด ๆ ที่ผ่านการทอดจนกรอบนอกนุ่มในขับเน้นรสหวานอร่อยของปลาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม กินคู่กับมันฝรั่งทอดและจิ้มซอสมะเขือเทศหรือซอสสูตรพิเศษของทางร้านรับรองได้เลยว่าจะต้องติดใจ
8. แซนด์วิชเปิดหน้า (Smorrebrod)
อาหารยอดนิยมของเดนมาร์กที่มาพร้อม ขนมปังแซนด์วิชทาด้วยเนยแล้วโปะด้วยท็อปปิ้งต่าง ๆ ที่สดใหม่ ทั้งเนื้อสัตว์ เนื้อปลา ชีส พร้อมเครื่องเทศต่าง ๆ บอกได้เลยว่าเป็นการเปิดประสบการณ์เมนูแซนด์วิชที่แปลกใหม่และอร่อยอีกด้วย
9. กูลาซ (Goulash)
อาหารยอดนิยมของฮังการีที่มีลักษณะคล้ายกับซุปข้นหรือสตู ใช้ส่วนผสมหลัก ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ อย่างเช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่งวง นำไปเคี่ยวจนเปื่อย ผสมผสานกับรสเผ็ดของผงพริกปาปริก้า ได้รสชาติที่เข้าเนื้อและนุ่มละลายในปาก
แหล่งช้อปปิ้งในยุโรป ยอดนิยม
1. Carnaby Street (London, England)
แหล่งกำเนิดและศูนย์รวมแฟชั่นของอังกฤษ ตั้งอยู่บนถนน Carnaby หลังห้าง Liberty บน Regent street เป็นถนนช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ โดยมีสินค้าแฟชั่นทั้งแบรนด์เก่าแก่และแบรนด์จากดีไซเนอร์หน้าใหม่มาให้เราเลือกซื้อกันอย่างจุใจ
Location : London, UK
2. Corso buenos aires (Milan, Italy)
แหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญในตรงมิลานประเทศอิตาลี แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ รวมไปถึง Outlet ของแบรนด์ดัง ซึ่งถนนเส้นนี้ก็ยังสามารถมุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางเมือง buenos aires ได้อีกด้วย
Location : Milan, Italy
3. Feira do Relógio (Lisbon, Portugal)
ใครไปเที่ยวยุโรปกันที่โปรตุเกสอย่าลืมสัมผัสกับบรรยากาศช้อปปิ้งในสไตล์ท้องถิ่นกันได้ที่นี่ ซึ่งสินค้าก็มีให้เลือกตั้งแต่ผลไม้ ดอกไม้ ไปจนถึงเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เต็มไปด้วยร้านค้าจากหลากหลายเชื้อชาติและสินค้าพื้นเมืองต่างๆที่มีราคาไม่แพง
Location : Lisboa, Portugal
4. ย่าน Las Salesas (Madrid, Spain)
เป็นย่านช้อปปิ้งที่ประกอบไปด้วยถนนหลัก 2 สายก็คือ Piamonte และ Almirante เต็มไปด้วยร้านค้าจากแบรนด์นานาชาติต่าง ๆ ให้เลือกมากมายรวมไปถึงสินค้าสัญชาติสเปนให้เราได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน เป็นต้น
Location : Madrid, Spain
5. ถนนฌ็องเซลิเซ่ Champs-Élysées (Paris, France)
ย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เป็นแหล่งรวมของร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงละคร ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ที่แท้จริงแห่งการช้อปปิ้งกันได้ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ของฝากของที่ระลึก และสินค้าจากแบรนด์ดังต่าง ๆ อีกมากมาย
Location : Paris, France
6. Kurfürstendamm (Berlin, Germany)
ถนนช้อปปิ้งที่ขาช้อปตัวจริงไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวยุโรปกันที่เยอรมัน เพราะที่นี่เรียกว่าเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มากมายเรียงรายอยู่ตลอดทางที่ยาวกว่า 3 กิโลเมตร มีให้เลือกตั้งแต่สินค้าราคาไม่แพงไปจนถึงสินค้าแบรนด์ดัง และยังมีจุดให้แวะพักท่องเที่ยวในระหว่างที่ช้อปปิ้งกันได้อีกด้วย
Location : Berlin, Germany
7. Kalverstraat (Amsterdam,Netherlands)
ถนนสายช้อปปิ้งใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัมที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมและแบรนด์ยอดนิยมต่าง ๆ มากมาย สัมผัสกับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยความคึกคักด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนที่มีอยู่อย่างหนาแน่นตลอดทั้งวัน
Location : Amsterdam, Netherlands
โรงแรมและที่พักในยุโรปแนะนำ
1. Hilton Stockholm Slussen (Stockholm, Sweden)
โรงแรมระดับ 4 ดาวในแถบยุโรปเหนือ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ผสมผสานทั้งความทันสมัยและความเก่าแก่ได้อย่างลงตัว ในราคาเริ่มต้นประมาณ 5,000 บาทต่อคืน ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของอ่าว Riddarfjärd อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงละครเซาท์เทิร์น, จัตุรัสสตอร์ทอเรียต, ศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม, พิพิธภัณฑ์ Army Museum และ มหาวิหารแห่งสตอกโฮล์ม เป็นต้น
2. ARTIEM Madrid (Madrid, Spain)
โรงแรม 4 ดาวทำเลดีเยี่ยมย่านใจกลางกรุงมาดริดสำหรับใครที่เลือกมาเที่ยวยุโรปใต้ ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 บาทต่อคืน อยู่ใกล้กับสนามบินและสถานีรถไฟใต้ดิน และใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น ศูนย์จัดงาน IFEMA, สนามฟุตบอล Santiago Bernabeu, สวน Parque del Buen Retiro, พิพิธภัณฑ์ Prado Museum, สวนสนุกมาดริด, จัตุรัส Plaza Mayor, และ พระราชวังมาดริด (The Palacio Real de Madrid) เป็นต้น
3. Ibis Paris Gare Du Nord La Fayette 10Eme (Paris, France)
โรงแรมระดับ 3 ดาว ฝั่งยุโรปตะวันตกอย่างฝรั่งเศส ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3,700 บาทต่อคืน โรงแรมขนาดเล็กในกรุงปารีสที่อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น ย่านมงต์มาตร์ (Montmartre), มหาวิหาร Basilique du Sacre-Coeur de Montmartre, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, หอไอเฟ,และ ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นต้น
4. Leonardo Royal Hotel Frankfurt (Frankfurt, Germany)
โรงแรมระดับ 4 ดาวทันสมัยตั้งอยู่ใจกลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ต สำหรับใครที่เลือกมาเที่ยวยุโรปตะวันออกกันที่ประเทศเยอรมัน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 2,800 บาทต่อคืน อยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต และใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น มหาวิหาร Cathedral of St. Bartholomew, พิพิธภัณฑ์ Städel, พิพิธภัณฑ์ German Film Museum, โรงละคร English Theater รวมถึง พิพิธภัณฑ์บ้าน Goethe House เป็นต้น
5. IntercityHotel Zuerich Airport (Zurich,Switzerland)
โรงแรมระดับ 4 ดาวราคาเริ่มต้นประมาณ 3,800 บาทต่อคืน สำหรับใครที่มาเที่ยวยุโรปยุโรปตะวันตกกันที่สวิตเซอร์แลนด์ อยู่ใกล้กับสนามบินซูริคและใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ Landesmuseum ,ย่านเมืองเก่า Old Town, โบสถ์หอคอยคู่กรอสมุนเตอร์ (Grossmunster Church,) พิพิธภัณฑ์ Museum of Art และ โบสถ์ Fraumünster เป็นต้น
6. Mercure Wien Westbahnhof Hotel (Vienna, Austria)
โรงแรมระดับ 4 ดาวราคาเริ่มต้นประมาณ 3,200 บาทต่อคืนสำหรับผู้ที่เลือกมาเที่ยวยุโรปตะวันออกกันที่ออสเตรีย ตั้งอยู่ในทำเลดีเยี่ยมติดกับสถานีรถไฟแล้วอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติเวียนนา แล้วอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ ,พระราชวังเชินบรุนน์, มหาวิหารเซนต์สตีเฟน, พระราชวังฮอฟบูร์ก, รวมถึง เมืองมรดกโลก (Historic Centre of Vienna) เป็นต้น
7. Santa Claus Holiday Village (Rovaniemi, Finland)
ใครที่อยากมาสัมผัสอากาศหนาวเย็นสุดขั้วและตามล่าแสงเหนือกันที่ฟินแลนด์เมื่อไปเที่ยวยุโรปเหนือก็แนะนำที่นี่เลย เป็นที่พักในหมู่บ้านซานตาคลอสในราคาเริ่มต้นประมาณ 3,800 บาทต่อคืน ให้คุณได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมฤดูหนาวได้อย่างเต็มรูปแบบ อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านซานตาคลอส, สนามกอล์ฟ Arctic Golf Finland, สะพาน Lumberjack's Candle Bridge,และ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ Arktikum Science Centre เป็นต้น
8. Moov Hotel Porto Centro (Porto,Portugal)
สำหรับใครที่เลือกมาเที่ยวยุโรปใต้กันที่ประเทศโปรตุเกสก็สามารถเลือกพักกันได้ที่นี่ เรียกว่าเป็นโรงแรม 2 ดาวสุดคุ้มที่มีราคาเริ่มต้นต่อคืนประมาณ 2,200 บาทเท่านั้น ตั้งอยู่ในทำเลดีเยี่ยมใกล้กับสถานีรถไฟและสถานีรถไฟใต้ดินและอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก มีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ Church of Saint Ildefonso, ชายหาด Lavadores Beach, จัตุรัส Ribeira Square, พระราชวัง Palacio da Bolsa รวมถึง สะพาน Dom Luis I เป็นต้น
แนะนำของฝาก ยุโรป
สำหรับของฝากจากยุโรปแบ่งออกตามภูมิภาคที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านเมื่อมาทัวร์ยุโรปกันก็มีดังนี้
- ของฝากยุโรปเหนือ ใครที่เลือกไปทัวร์ยุโรปเหนือก็มีของฝากที่น่าสนใจ ได้แก่ เสื้อไหมพรม, ช็อกโกแลต, ขนมปังขิง, สบู่ไข่ขาว Victoria Sweden Egg, สินค้า Handmade และสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ของแต่ละประเทศ เป็นต้น
- ของฝากยุโรปตะวันออก สำหรับใครที่เลือกมาเที่ยวยุโรปตะวันออกก็มีของฝากที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นแก้วเบียร์, น้ำหอมหรือโคโลญจน์, เครื่องสำอาง, เสื้อกันหนาว, คริสตัล, ช็อกโกแลต, เนื้อหมักเค็ม (Salami) , สินค้าเซรามิค, เครื่องแก้วเจียระไน และสินค้าพื้นเมืองของแต่ละประเทศ เป็นต้น
- ของฝากยุโรปตะวันตก สำหรับใครที่เลือกมาเที่ยวยุโรปตะวันตก ก็มีของฝากที่น่าสนใจอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง, สินค้าแบรนด์เนม, โปสการ์ด, ผ้าพันคอ, น้ำหอม, ช็อกโกแลต, ชีส, สินค้าที่ระลึกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สินค้าพื้นเมืองของแต่ละประเทศ เป็นต้น
- ของฝากยุโรปใต้ ใครที่เลือกไปทัวร์ยุโรปใต้ก็มีของฝากที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นเครื่องเคลือบจากโปรตุเกส, สบู่ Claus Porto, ผลิตภัณฑ์ไม้ก๊อก, พัดสเปน, ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะกอก, รวมไปถึงของที่ระลึกในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมไปถึงสินค้าพื้นเมืองของแต่ละประเทศ เป็นต้น
สำหรับใครที่กำลังวางแผนทัวร์ยุโรปกันอยู่ก็ลองจัดทริปกันดูนะคะว่าจะไปเที่ยวในภูมิภาคไหนกันดี ซึ่งการไปเที่ยวยุโรปในแต่ละประเทศหรือแต่ละภูมิภาคนั้นก็มีความแตกต่างกันค่อนข้างมากทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม สังคมและวัฒนธรรม ดังนั้นจึงควรวางแผนการเดินทางแล้วหาข้อมูลโดยละเอียดของประเทศที่ต้องการไปให้เรียบร้อย หรือถ้าไม่อยากยุ่งยากก็แนะนำให้เลือกซื้อแพ็คเกจทัวร์ยุโรปจากบริษัททัวร์ต่างๆ ก็เป็นตัวเลือกน่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ