“อิหร่าน” ประเทศในเอเชียที่หลายคนคุ้นเคยว่ามีความเป็นตัวเองสูงมากโดยเฉพาะเรื่องของศาสนาที่มีความเคร่งครัด อย่างไรก็ตามหากมีโอกาสได้ลองทัวร์อิหร่านจะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับความแตกต่างในหลายมุมมองทั้งเรื่องวัฒนธรรม การใช้ชีวิต กฎหมายบางข้อ ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจ ใครอยากเที่ยวอิหร่านลองมาศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ที่รวมเอาไว้ให้แบบละเอียดครบถ้วน เป็นความรู้ที่จะช่วยให้เที่ยวประเทศนี้ได้สนุกและน่าประทับใจยิ่งขึ้น
ข้อมูลเที่ยวทัวร์อิหร่าน
ประเทศอิหร่าน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน” (Islamic Republic of Iran) ตั้งอยู่บริเวณทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับประเทศอาเซอร์ไบจานและตุรกี ทิศตะวันตกติดกับประเทศอิรัก ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศเติร์กเมนิสถาน ทิศตะวันออกติดต่อกับประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถาน ทิศใต้ติดอ่าวเปอร์เซีย ทิศเหนือติดทะเลแคสเปียน เมืองหลวงชื่อ กรุงเตหะราน (Tehran) พื้นที่ประเทศรวมประมาณ 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 83 ล้านคน แทบทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม ภาษาทางการใช้ภาษาเปอร์เซีย ถือเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีวัฒนธรรมอันเก่าแก่และยาวนานของโลกตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรก่อนเอลาไมต์และเอลาไมต์ใน 3200–2800 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันการทัวร์อิหร่านจึงเป็นอีกตัวเลือกน่าสนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ทัวร์อิหร่านตามเมืองยอดนิยม
1. ทัวร์อิหร่าน เมืองเตหะราน (Tehran)
กรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศ จัดเป็นเมืองที่มีความเจริญมากสุด ศูนย์รวมของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี วัฒนธรรมหลากหลายด้าน และยังมีอิทธิพลในด้านพลังงานอีกด้วย ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวก็น่าสนใจและมีพื้นที่รวมถึงสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมากถึง 19 แห่ง จัดว่าเป็นเมืองที่มีการขึ้นทะเบียนเยอะสุดอันดับ 4 ของเอเชีย และอันดับ 12 ของโลก เลยทีเดียว
2. ทัวร์อิหร่าน เมืองอิสฟาฮาน (Isfahan)
เมืองทางตอนใต้ของประเทศห่างจากกรุงเตหะรานออกไปราว 340 กิโลเมตร มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ อดีตราชธานีที่ยังคงเอาไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมและความคลาสสิกบ่งบอกถึงการเจริญรุ่งเรืองในอดีตได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณจัตุรัสกลางเมืองอันแสนงดงาม พื้นที่โดยรอบเมืองถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำซายันเด (Zayande River) และยังพบกับสถาปัตยกรรมต่าง ๆ อีกเยอะมากเหมาะกับการทัวร์อิหร่านสุด ๆ
3. ทัวร์อิหร่าน เมืองมาแชด (Mashhad)
เมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่ติดกับชายแดนอัฟกานิสถานและเติร์กเมนิสถาน ด้วยทำเลที่ติดกับต่างประเทศเมืองแห่งนี้จึงเป็นศูนย์กลางด้านการค้ามาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ มีจุดเชื่อมต่อเส้นทางคาราวานในช่วงศตวรรษที่ 19 – 20 และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการเมืองในหลายช่วงเวลาด้วย ใครสนใจเที่ยวอิหร่านลองแวะเมืองนี้ไม่ผิดหวังแน่
4. ทัวร์อิหร่าน เมืองยาซิด (Yazd)
อีกเมืองน่าสนใจของการทัวร์อิหร่าน ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งด้วยสถาปัตยกรรมที่ยังคงความคลาสสิกแห่งยุคโบราณเอาไว้ได้อย่างลงตัว สภาพบ้านเรือนและอาคารหลายแห่งบ่งบอกถึงความเป็นยุคเก่าแบบไม่ต้องบรรยายใด ๆ มาก เสมือนย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนที่ประเทศจะยกตนเองเป็นรัฐอิสลามได้อย่างน่าประทับใจมาก
5. ทัวร์อิหร่าน เมืองชีราซ (Shiraz)
เมืองขนาดใหญ่อันดับ 6 ของประเทศ และมีความเก่าแก่กว่า 4,000 ปี มาพร้อมสมญานามว่า “เมืองนักกวีและนักปราชญ์แห่งเปอร์เซีย” ทุกคนจะได้มีโอกาสสัมผัสกับสถาปัตยกรรมอันแสนงดงาม รวมถึงมนต์เสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลและอยากใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิม ผู้คนยังคงเต้นการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ได้สัมผัสกลิ่นอายแห่งความย้อนยุคและคลาสสิกที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์อิหร่าน ยอดนิยม
1. พระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace)
ตั้งอยู่ในกรุงเตหะราน ได้รับการขนานนามว่า “พระราชวังแห่งดอกไม้” (Palace of Flowers) สถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกตามแบบศิลปะตะวันออกกลางตั้งแต่ยุคราชวงศ์กาจาร์และยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ด้านในมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ งานฝีมือ โคมไฟห้อยระย้า กระจกหลากสีสัน ทุกอย่างดูงดงามและล้ำค่าเกินบรรยาย ส่วนภายนอกก็มีกระเบื้องสวย ๆ หลากสีเช่นกัน ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี 2013 แล้วด้วย
2. มัสยิดนาซีร์ อัล โมลค์ (Nasir al Molk Mosque)
หรือจะเรียกว่าสุเหร่าสีชมพู ((Pink Mosque) ก็ได้เช่นกัน ตั้งอยู่ที่เมืองชีราซ โดดเด่นด้วยการเป็นมัสยิดเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1876 แต่จัดเต็มสีสันอันแสนงดงามที่สัมผัสถึงความหรูหราด้วยการใช้กระจกหลากสีต่างจากมัสยิดอื่น ๆ ของชาวอิสลาม นั่นทำให้เวลาดวงอาทิตย์ส่องแสงมากระทบจึงเกิดเป็นภาพสีที่ซ้อนกันลงตัวดุจการโดนสะกดให้ต้องหลงใหล ทัวร์อิหร่านแล้วต้องแวะมาให้ได้
3. เพอร์เซโปลิส (Persepolis)
ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา Kuh-e Rahmat ในเมืองชีราซ อดีตเมืองโบราณแห่งอาณาจักรเปอร์เซียที่เคยมีความรุ่งเรืองในอดีตในช่วงยุค 552-486 ปี ก่อนคริสตกาล สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยหินและดินตามรูปแบบของเมโสโปเตเมีย แม้ปัจจุบันจะหลงเหลือซากปรักหักพังเป็นส่วนใหญ่แต่ก็ยังมีความสวยงามและบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องถึงความก้าวหน้า
4. สะพานคาจู (The Khajou Bridge)
ตั้งอยู่ในเมืองอิสฟาฮานพาดผ่านแม่น้ำ Zayandeh ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่แต่ยุคศตวรรษที่ 17 เพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่างเมืองอิสฟาฮานทางเหนือและใต้ให้สามารถเดินทางกันได้อย่างสะดวก ความยาว 132 เมตร กว้าง 12 เมตร และมีการทำเป็น 2 ชั้น ออกแบบในสไตล์เปอร์เซีย ทำซุ้มโค้งประตูสวยงาม และยังเป็นจุดสำหรับชมวิวแม่น้ำ รวมถึงการผ่อนคลายยามเย็นได้อย่างดี และยังเป็นเขื่อนขนาดย่อม ๆ อีกด้วย
5. จัตุรัสอิหม่าม (Imam Square)
จัตุรัสขนาดใหญ่ในเมืองอิสฟาฮานขนาดกว้าง 158 เมตร ยาว 507 เมตร โอบล้อมด้วยอาคารสุดคลาสสิกตามแบบสถาปัตยกรรมยุคราชวงศ์ซาฟาวิยะห์ (Safavid) รวมถึงยังมีสวนต้นไม้เขียวขจีให้ความร่มรื่นด้วย ใครเที่ยวอิหร่านที่นี่แล้วต้องไม่พลาดกับการชมความงดงามของมัสยิด Sheikh Lotfallah มีการใช้กระเบื้องเคลือบหลากสีสัน และการตกแต่งสุดหรูหราตามแบบฉบับเปอร์เซีย และกลุ่มอาคารอื่น ๆ อีกเยอะมาก
สภาพอากาศและฤดูกาลที่อิหร่าน
สำหรับสภาพอากาศของประเทศอิหร่านถือว่ามีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่และแต่ละฤดูกาลกันพอสมควร เหตุผลหลักมาจากขนาดและที่ตั้ง ทางตอนเหนือมีสภาพอากาศกึ่งเขตร้อน ส่วนตอนใต้จะมีสภาพาอากาศแบบเขตร้อน ส่วนพื้นที่ตรงกลางมีลักษณะอากาศแบบพื้นที่ราบแบบแห้งแล้งสลับภูเขา การทัวร์อิหร่านจึงต้องรู้จักกับสภาพอากาศให้ชัดเจน โดยทั่วไปแล้วแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล ได้แก่
ฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม ถือว่าอากาศกำลังเย็นสบายโดยเฉพาะตามพื้นที่ชายฝั่งทะเล ช่วงแรกอุณหภูมิอาจอยู่ราว 17 องศาเซลเซียส ขณะที่พื้นที่แถบภูเขามักมีความเย็นกว่าเล็กน้อย อุณหภูมิเฉลี่ยราว 10 องศาเซลเซียส จากนั้นอีก 2 เดือนถัดมาอุณหภูมิจะค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นราว 25 องศาเซลเซียส แต่ยังถือว่าไม่ร้อนมากเกินไป
ฤดูร้อน
ช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม มักเริ่มด้วยสภาพอากาศฝนตกและอุณหภูมิจะค่อย ๆ ปรับสูงขึ้น ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน ถือเป็นช่วงเวลาที่ร้อนและแห้งแล้วสุด ฝนไม่ค่อยตก กลางวันในบางวันอาจมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 36 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะฝั่งตอนเหนือติดทะเลแคสเปียนอาจแตะ 40 องศาเซลเซียสได้เลย ส่วนพื้นที่เชิงเขาจะเย็นสบายมากกว่า
ฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงระหว่างเดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน เป็นฤดูที่มีฝนตกเยอะมากสุดของประเทศโดยเฉพาะเดือนตุลาคม อาจมีปริมาณน้ำฝนระดับ 215 มิลลิเมตร ส่งผลถึงบางช่วงเวลาที่อุณหภูมิปรับตัวเย็นลง แต่พื้นที่ภูเขาอาจเจอกับลูกเห็บได้บ้าง อุณหภูมิตามแนวชายฝั่งเฉลี่ยราว 18 องศาเซลเซียส ส่วนตามแถบภูเขาอาจอยู่ที่ 13 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว
ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ หากเป็นตอนเหนือและฝั่งตะวันตกมักถูกปกคลุมด้วยหิมะ มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 1 องศาเซลเซียส ส่วนทางชายฝั่งหรือแถบตอนใต้ของประเทศจะไม่ค่อยหนาวเย็นมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ได้ระหว่าง 10-14 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามพื้นที่แถบภูเขามักมีสภาพอากาศหนาวเย็นจัดบางช่วงอุณหภูมิอาจอยู่ในเกณฑ์ติดลบได้เลย
เที่ยวทัวร์อิหร่าน ใช้งบเท่าไหร่
ในการทัวร์อิหร่านการทำความเข้าใจเรื่องงบประมาณก็เป็นสิ่งสำคัญอยู่พอสมควร เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในระหว่างเดินทางหรือการใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสกุลเงินของอิหร่านคือ เรียลอิหร่าน หรือ IRR แต่สำหรับใครที่จะเดินทางไปแนะนำให้แลกเป็นเงินยูโร (EUR) หรือ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) จากนั้นจึงนำไปแลกกับธนาคาร ร้านอาหาร โรงแรม หรือสถานที่รับแลกเงินจะดีที่สุด ทั้งนี้อัตราแลกเปลี่ยน 10,000 IRR จะอยู่ที่ประมาณ 8 บาท และการใช้จ่ายในประเทศผู้คนมักเรียกสกุลเงินเป็น Toman ซึ่งค่าเงินแบบเข้าใจง่ายให้ใช้วิธีลด 0 ออกไป 1 ตัว เช่น 1,000 Toman = 10,000 IRR ซึ่งงบเบื้องต้นสำหรับใช้เที่ยวอิหร่าน แบ่งออกได้ดังนี้
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ราคาจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและเมืองที่เดินทาง เช่น หากเป็นกรุงเตหะรานราคาเฉลี่ยต่อเที่ยวประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าเป็นเมืองชีราซราคาอยู่เที่ยวละ 15,000 บาท เป็นที่นั่งชั้นประหยัดปกติ
- ค่าเดินทางในประเทศ หากเป็นการเดินทางทั่วไปจะมีทั้งรถบัสและแท็กซี่ แต่สำหรับคำแนะนำให้ใช้บริการที่ชื่อว่า Snapp ลักษณะคล้ายแอปเรียกรถ Uber หรือ Grab ราคาจะถูกกว่าแท็กซี่กว่าเท่าตัว ราคาเริ่มต้นอยู่ประมาณ 10 บาท จากนั้นจึงคิดตามระยะทางเฉลี่ยกิโลเมตรละ 5 บาท แต่ต้องใช้ซิมของอิหร่าน
- ค่าอาหาร เครื่องดื่ม หากเป็นร้านอาหารทั่วไป หรืออาหารสตรีทฟู๊ด ราคาเฉลี่ยต่อมื้อต่อคนจะอยู่ประมาณ 100-200 บาท ส่วนอาหารร้านระดับกลางอาจอยู่ราว 500 บาท / คน / มื้อ แต่ทั้งนี้ก็จะมีร้านอาหารสุดหรูหราซึ่งราคาย่อมสูงตามไปด้วย
- ค่าที่พัก กรณีเลือกพักแนวโฮสเทลราคาต่อคืนประมาณ 500 บาท พักโรงแรม 3 ดาว ราคาประมาณ 1,500 บาท แต่ถ้าพักโรงแรมหรู หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญราคาก็จะสูงตามไปด้วยเช่นกัน
- ค่าเข้าชมสถานที่ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ
อาหารอิหร่าน ที่ไปแล้วควรลอง
1. Kabab Barg
เคบับสไตล์อิหร่านจะใช้เนื้อแกะ เนื้อวัว หรือเนื้อไก่เป็นหลัก ซึ่งส่วนยอดนิยมในการนำมาทำคือสันใน หรือช่วงขา หันเป็นชิ้นยาวหสักตามสูตรเฉพาะ จากนั้นก็เสียบไม้ย่างให้สุกได้ที่ซึ่งยังคงใช้วิธีย่างแบบดั้งเดิมบนเตาถ่าน เสิร์ฟพร้อมข้าวและผักย่างตามชอบ
2. Kateh
หากทัวร์อิหร่านแล้วอยากทานอาหารแบบง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเวลารอนาน นี่คือตัวเลือกชั้นเยี่ยม ส่วนมากจะใช้ข้าวบาสมาติเม็ดยาวหุงกับเครื่องเทศจนได้ที่แต่มีหลักสำคัญคือต้องใช้ไฟอ่อนเพื่อให้ข้าวดูดซับของเหลวเข้าไปจนได้รสชาติความอร่อย ส่วนมากมักเสิร์ฟคู่กับอาหารหลักจานอื่น
3. Bastani sonnati
หากชอบขนมหวานการเที่ยวอิหร่านคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์และเมนูนี้ก็ไม่ควรพลาดเป็นไอศกรีมที่มีการผสมหญ้าแชรฟฟรอน (วัตถุดิบแพงอันดับต้น ๆ ของโลก) ถูกคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ส่วนผสมหลักเป็นนม ครีม คัสตาร์ดแช่แข็ง และถั่วพิสตาซิโอฝาน พร้อมส่วนผสมสุดแพงอื่น ๆ อีกหลายตัวด้วย
4. Tahchin
อาหารอิหร่านอีกชนิดที่มีชื่อเสียงมากวิธีทำจะใช้ข้าวบาสมาติปรุงด้วยหญ้าแชรฟฟรอนผัดกับเครื่องเทศ ผัก และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ในกระทะ จากนั้นจึงนำไปอบ เมื่อได้ที่ก็จับคว่ำลงคล้ายก้อนเค้กหั่นเป็นชิ้น ได้รสชาติอร่อยแบบไม่เหมือนใครแถมยังอิ่มท้องมาก ๆ เลยด้วย
5. Kufteh Tabrizi
อารมณ์เป็นลักษณะลูกชิ้นขนาดใหญ่ถูกยัดไส้เอาไว้ด้านในทำจากเนื้อแกะหรือเนื้อวัวบด ผสมถั่วลันเตา ข้าว สมุนไพรสด และเครื่องเทศอื่น ๆ อีกหลากชนิด ขณะที่ไส้ข้างในมักเป็นส่วนผสมของถั่วกับผลไม้แห้ง หรือบางสูตรก็ใช้ไข่ลวก รสชาติกลมกล่อมและอร่อยในแบบที่คุณคาดไม่ถึง
แหล่งช้อปปิ้งในอิหร่าน ยอดนิยม
1. The Grand Bazaar
ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน ถือเป็นตลาดท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงหากต้องการของพื้นเมือง สมุนไพร ผัก ผลไม้ พรม เสื้อผ้า อาหารท้องถิ่น หรืองานแฮนด์เมดต่าง ๆ แวะมาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง นอกจากได้ของดีตามต้องการยังราคาถูกอีกด้วย
2. Iran Mall
ห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่สุดในโลก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเตหะราน เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2018 นี่คือศูนย์รวมสินค้าทุกสิ่งที่คุณต้องการเอาไว้ให้แบบพร้อมสรรพทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง รองเท้า ของพื้นถิ่น ของที่ระลึก ร้านอาหาร และอีกสารพัด
3. Vakil Bazaar
ทัวร์อิหร่านที่เมืองชีราซ ต้องไม่พลาดแวะมาเดินชิลกับตลาดขนาดใหญ่ของเมืองแห่งนี้เด็ดขาด จัดเป็นพื้นที่เก่าแก่ที่คาดว่าน่าจะถูกใช้เป็นสถานที่ซื้อขายสินค้ากันมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 11 จึงเต็มไปด้วยสินค้าพื้นเมืองเยอะมาก รวมถึงพรมเปอร์เซีย เครื่องเทศ งานหัตกรรมทองแดง และอื่น ๆ
4. Tajrish Bazaar
ในแถบชานเมืองของกรุงเตหะรานนี่คืออีกแหล่งช้อปปิ้งสำหรับคนเที่ยวอิหร่านไม่ควรพลาด มีการก่อตั้งมายาวนานกว่า 200 ปี ถูกสร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมสังเกตจากซุ้มประตูโค้ง มีร้านขายสินค้าเยอะมากทั้งกลุ่มสินค้าไอที เสื้อผ้า เครื่องประดับ งานศิลปะ งานแฮนด์เมด รวมถึงอาหารอร่อย ๆ
5. Bazaar of Tabriz
ตั้งอยู่ในเมือง Tabriz ถือเป็นตลาดที่มีความเก่าแก่มากอีกแห่งของอิหร่าน และยังเป็นตลาดในร่มขนาดใหญ่สุดของโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และปัจจุบันก็ยังคงเป็นสถานที่ซื้อขายสินค้าที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมาก
โรงแรมและที่พักในอิหร่านแนะนำ
1. Persian Plaza Hotel
โรงแรมสุดหรูหราในเมืองเตหะราน โดดเด่นตั้งแต่การออกแบบในสไตล์เปอร์เซียยุคเก่าที่ยังคงความคลาสสิกไว้ได้อย่างน่าประทับใจทั้งภายนอกและภายใน ห้องพักกว้างขวางตกแต่งตามแบบเปอร์เซียเช่นกัน มีสระว่ายน้ำ ห้องเล่นบิลเลียด และอื่น ๆ ให้ทัวร์อิหร่านของคุณมีกิจกรรมทำอีกเยอะมาก
2. Isfahan Heritage Hostel
หากต้องการที่พักในราคาประหยัดนี่คือตัวเลือกชั้นยอด โฮสเทลเปิดใหม่ในกรุงเตหะราน มีตัวเลือกห้องพักให้คุณได้จับจองตามความสะดวกของตนเองไม่ว่าจะเป็นห้องพักแบบแยกเดียว หรือนอนรวม ก็ไม่มีปัญหา บรรยากาศเรียบง่าย สะอาด ปลอดภัยแน่นอน
3. Espinas International Hotel, At The Boulevard
สัมผัสกับสุดยอดประสบการณ์อันแสนหรูหรากับโรงแรมย่านใจกลางกรุงเตหะราน มีการออกแบบด้วยการใช้องค์ประกอบที่ผสานระหว่างยุคคลาสสิกและยุคโมเดิร์นเอาไว้ได้อย่างลงตัวทั้งภายในและภายนอก ภายในห้องพักกว้างขวาง มีส่วนกลางที่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เดินทางสะดวกมาก
4. Saraye Ameriha Boutique Hotel
โรงแรมในเมืองอีสฟาฮานที่มีการรีโนเวทจากอาคารหลังเก่าที่มีอายุมากกว่า 200 ปี ที่ยังคงความคลาสสิกในด้านการออกแบบและความเหนือระดับเอาไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย สระว่ายน้ำกลางแจ้งพร้อมสวนหย่อมให้อารมณ์เหมือนคุณหลุดไปอีกโลกที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองมาก
5. Yazd Hostel Restup
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองยาซิด หรูหราไปอีกระดับกับการเลือกใช้ดีไซน์ตกแต่งสไตล์เปอร์เซียที่รวมเอาความสะดวกต่าง ๆ ไว้ครบครันทั้งสระว่ายน้ำกลางแจ้ง พื้นที่พักผ่อนในร่ม ห้องพักกว้างขวาง สไตล์เอกลักษณ์และอบอุ่นมากกว่าเคย เที่ยวอิหร่านแล้วได้พักที่นี่ต้องประทับใจแน่
แนะนำของฝาก อิหร่าน
1. แชรฟฟรอน
หรือจะเรียกหญ้าฝรั่นก็ได้เช่นกัน ถือเป็นเครื่องเทศที่มีราคาเฉลี่ยสูงสุดในโลก และเป็นวัตถุดิบราคาแพงลำดับต้น ๆ เช่นกัน ด้วยการนำมาปรุงแต่งอาหารแล้วได้สัมผัสกับรสชาติอันแตกต่าง ยิ่งใครนิยมอาหารแถบอินเดีย หรือสไตล์อาหรับต้องซื้อกลับไปปรุงเลย รับรองอร่อยแน่
2. ถั่วพิสตาซิโอ
สำหรับคนที่ชื่นชอบการทานถั่วนี่คือตัวเลือกของฝากในการทัวร์อิหร่านที่ไม่ควรพลาด การันตีความอร่อยติดอันดับต้น ๆ ของโลก แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย มีหลายรูปแบบการปรุงแต่งให้ได้เลือกสรรไม่ว่าจะเป็นแบบสด แบบแห้ง คลุกเกลือ หรือเครื่องเทศอื่น ๆ
3. พรมเปอร์เซีย
หนึ่งในของฝากอิหร่านที่มีชื่อเสียงแถมด้วยราคาสุดแพง แต่ยืนยันได้ถึงคุณภาพตั้งแต่การเลือกวัสดุเพื่อใช้ในการถักทอ ไปจนถึงฝีมืออันแสนประณีตที่ส่งต่อกันมาอย่างยาวนาน ลวดลายสะดุดตาโดนใจ มีไว้ที่บ้านช่วยเพิ่มภาพลักษณ์และความหรูหราอีกหลายเท่า
4. งานหัตถกรรมทองแดง
เป็นอีกของฝากในการทัวร์อิหร่านที่ยืนยันในเรื่องของคุณภาพได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำออกมาแบบมืออาชีพ ไปจนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งใครก็ทำเลียนแบบได้ยาก ซื้อกลับมาแล้วตอบโจทย์แน่
5. ขนมกาซ
ถ้าอยากลองทานขนมแสนอร่อยแล้วต้องซื้อกลับไปฝากคนที่เมืองไทย นี่คือตัวเลือกชั้นยอดที่ใครชิมก็ต้องหลงรัก ทำจากไข่ขาว น้ำตาล น้ำกุหลาบ ผสมถั่วพิสตาซิโอ และอัลมอนด์ ได้รสชาติแห่งความกลมกล่อมทานคู่กับชาหรือกาแฟยามเช้าก็ดีงามมาก
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลอันน่าสนใจสำหรับคนที่วางแผนอยากเที่ยวอิหร่านสักครั้ง จัดเป็นเมืองที่มีเสน่ห์แบบเฉพาะตัวและยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงขั้นได้รับการยกย่องในฐานะมรดกโลกจำนวนมาก ลองมาทัวร์อิหร่านด้วยตนเองสักครั้งเชื่อว่าจะทำให้คุณประทับใจและอยากกลับมาซ้ำใหม่อีกหลายรอบแบบไม่ต้องสงสัยอย่างแน่นอน