หอเอนปิซ่า | Tower of Pisa สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งอิตาลี Cover Page

หลายคนรู้จักหอเอนเมืองปิซา ประเทศอิตาลี เนื่องจากจำได้จากในตำราเรียนที่อธิบายถึงหอเอนที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในโลก แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ความเอนเอียงของหอคอยที่ทำเอาหลายคนต่างก็สงสัยว่า tower of pisa นั้นเอนแบบนี้ตั้งแต่ตอนสร้างเลยหรือไม่ ซึ่งข้อสงสัยเหล่านี้ถูกพิสูจน์ด้วยจำนวนผู้เข้าชมหอเอนปิซามากกว่า 5 ล้านคนต่อปี ดังนั้นหากหอเอนแห่งนี้เป็นสถานที่ในลิสต์การเดินทางของคุณ แนะนำให้ลองมาค้นหาคำตอบด้วยตนเองดู เชื่อว่าการได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงบางอย่างอาจจะช่วยทำให้การเที่ยวสนุกและมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น

 

ยาวไปอยากเลือกอ่าน
+
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหอเอนปิซ่า
หอเอนปิซ่านั้นเอนเพราะเหตุใด
วิธีเดินทางไปหอเอนปิซ่า

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหอเอนปิซ่า

 

หอเอนปิซ่า (Tower of Pisa) Image1

 

  1. การก่อสร้างอันยาวนาน tower of pisa เริ่มก่อสร้างขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1173 แต่การก่อสร้างก็หยุดชะงักหลายครั้งด้วยสงครามและปัญหาด้านการเงิน จนเวลาการก่อสร้างล่าช้าออกไปอีกเป็น 200 ปี แต่ในที่สุดหอเอนปิซาก็สร้างเสร็จในกลางปี ​​ค.ศ. 1300
     
  2. หอเอนปิซ่าไม่ใช่หอเอนแห่งเดียวในเมือง ผู้คนส่วนใหญ่มักคิดว่าหอเอนแห่งเมืองปิซาน่าจะเป็นหอเอนเพียงแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ แต่แท้จริงแล้ว ปัญหาเรื่องพื้นดินที่อ่อนยวบภายในเมืองก็ทำให้หอคอยอื่นๆ ในเมืองเอนเอียงด้วยเช่นกัน อาทิเช่น หอระฆังของโบสถ์ St. Michele dei Scalzi  
     
  3. หอคอยไม่เพียงแต่เอียงแต่ยังโค้งด้วย นอกเหนือจาก tower of pisa จะเอนแล้ว จริง ๆ แล้วหอคอยยังโค้งในบางจุดของโครงสร้างอีกด้วย แต่วิศวกรก็พยายามแก้ไขการเอียงด้วยการสร้างชั้นบนด้านหนึ่งให้สูงกว่าอีกด้านหนึ่ง
     
  4. มีบันไดถึง 296 ขั้นสู่ยอดหอเอน หากอยากขึ้นไปชมวิวสวยๆ จากหอเอนปิซ่าสักครั้ง เราจะต้องไต่บันไดขึ้นไปทั้งหมด 296 ขั้น เพราะหอเอนเก่าแก่แห่งนี้ไม่มีลิฟต์ให้บริการ แต่ต้องยอมรับว่าวิวจากด้านบนนั้นคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยอย่างแน่นอน  
     
  5. ระฆัง 7 ใบบนหอคอยไม่ดังตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว หอคอยปิซ่ามีระฆังขนาดใหญ่ 7 ใบ ตั้งอยู่บนยอด โดยระฆังแต่ละอันจะมีชื่อที่สอดคล้องกับโน้ตดนตรีทั้ง 7 ตัว ซึ่งวิศวกรหลายคนกังวลเกี่ยวกับการสั่นสะเทือนของระฆังที่อาจส่งผลให้หอเอนนั้นเกิดการเอนมากขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีเสียงระฆังอีกต่อไป
     
  6. หอเอนปิซ่าเอนไปหลายทิศทาง เชื่อหรือไม่ว่าการเอนที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เอนไปในทิศทางเดียวเท่านั้น วิศวกรหลายคนได้พยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นเวลากว่าร้อยปี โดยเมื่อเริ่มสร้างหอคอยขึ้นอีกครั้งในชั้นที่ 3 ในช่วงศตวรรษที่ 13 วิศวกรพยายามที่จะหยุดการเอียงโดยการสร้างหอคอยให้ตรงขึ้น แต่จุดศูนย์ถ่วงกลับไม่เป็นใจ ส่งผลให้หอคอยเริ่มเอนไปในทิศทางที่ต่างออกไปจากเดิม แต่ในขณะที่การก่อสร้างดำเนินไป ในที่สุดหอคอยก็กลับมาเอียงไปทางทิศใต้เองโดยอัตโนมัติ

 

หอเอนปิซ่านั้นเอนเพราะเหตุใด

 

หอเอนปิซ่า (Tower of Pisa) Image2

 

หากเอ่ยถึง tower of pisa ภาพในหัวก็จะจินตนาการได้ถึงหอคอยที่มีความเอียงอย่างแปลกตา แม้จะเห็นจากในรูปแต่ก็รู้ได้ในทันทีว่าหอคอยแห่งนี้เอนเอียงจริงๆ ข้อสงสัยนี้ในที่สุดก็ถูกเฉลยว่าแท้จริงแล้วก็คือ หลังจากที่หอคอยแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1173 เมื่อถึงเวลาที่ผู้สร้างได้สร้างถึงชั้นที่สามในปี ค.ศ. 1178 ดินที่อ่อนนุ่มใต้ตัวฐานของหอคอยก็เคลื่อนตัว จนทำให้ฐานรากของหอคอยไม่มั่นคง จึงทำให้หอคอยนั้นเอนเอียงอย่างที่เราเห็น และแม้ว่าสถาปนิกและวิศวกรต่างก็พยายามหาวิธีแก้ไข แต่ก็ไม่เป็นผล หอเอนปิซ่ายังคงเอนเอียงมากขึ้นเรื่อย ๆ  

 

วิธีเดินทางไปหอเอนปิซ่า

 

 

หอคอยอันโด่งดังแห่งนี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ตั้งแต่ปี 1987 ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างก็หลั่งไหลเข้ามาชม tower of pisa ของจริงให้เห็นกับตา ดังนั้นลองมาดูกันว่าวิธีการเดินทางไปยังหอเอนปิซ่านั้นจะยากง่ายอย่างไร และไปด้วยตนเองได้หรือไม่

การเดินทางไป tower of pisa ด้วยตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะประเทศอิตาลีมีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบายและล้ำหน้าพอสมควร โดยปกติหากเดินทางจากต่างเมือง วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การนั่งรถไฟ จากนั้นเมื่อรถไฟมาถึงสถานี Pisa Centrale ก็นั่งรถบัสสาย 1 ต่ออีกเพียงสองกิโลเมตรก็ถึงหอเอนปิซ่าแล้ว โดยแบ่งรถไฟเป็น 3 ประเภทดังนี้

 

  • รถไฟความเร็วสูง AV Frecciarossa เป็นรถไฟหรูหราที่มีแอร์เย็นสบาย มีร้านอาหาร ปลั๊กไฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายให้กับผู้โดยสาร แต่ราคาอาจจะสูงอยู่เสียหน่อย  
     
  • รถไฟ Regionale Veloce (RV) สายประหยัดอาจจะนั่งรถไฟ RV ซึ่งให้บริการรถไฟกึ่งเร็ว มีทั้งรถไฟเก่าและใหม่สลับกันไป หากไปช่วงหน้าร้อนและได้นั่งรถไฟธรรมดาที่ไม่มีแอร์ คุณก็อาจจะรู้สึกอึดอัดได้ แต่หากได้รถไฟรุ่นใหม่ๆ ก็อาจจะได้ทั้งความทันสมัยและความเย็นสบายจากแอร์
     
  • รถไฟสาย Italo รถไฟสายนี้เป็นรถไฟของเอกชน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่แพงที่สุดและหรูหราที่สุด ซึ่งจะพาคุณไปยังเมืองปิซาภายใน 1.45 ชั่วโมงจากโรม ซึ่งถือว่าสะดวกและรวดเร็วมาก แต่ราคาก็สูงด้วยเช่นกัน

 

ในแต่ละวันจะมีรถไฟหลายร้อยขบวนผ่านมายังปิซ่า แค่โรมที่เดียวก็มีรถไฟกว่า 70 ขบวนแล้ว โดยบางขบวนเป็นรถไฟสายตรง และบางขบวนอาจจะต้องเปลี่ยนระหว่างทาง รถไฟขบวนแรกมักออกเวลา 7.00 น. และเที่ยวสุดท้ายประมาณ 20.00 น. ในวันธรรมดาอาจจะมีรถไฟน้อย ดังนั้นแนะนำให้เช็คตารางรถไฟก่อนวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และหากคุณสามารถจองล่วงหน้าได้แต่เนิ่นๆ ราคาตั๋วรถไฟก็จะถูกยิ่งขึ้น

Powered by