พานั่ง รถไฟชินคันเซ็น รถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น ฉบับ 2023 Cover Page

การเดินทางด้วยรถไฟในประเทศญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างสะดวกรวดเร็ว และตรงเวลา เพราะระบบรถไฟญี่ปุ่นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทั่วถึงทุกภูมิภาค ยิ่งในยุคปัจจุบันมีรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) หรือที่เราเรียกกันเล่น ๆ ว่า “รถไฟหัวกระสุน” (Bullet Train) ซึ่งสามารถทำความเร็วได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งทำให้การเดินทางถึงที่หมายไวไม่ต่างสมญานามของมันเลย ระบบรถไฟฟ้าญี่ปุ่นไม่ได้พัฒนาเฉพาะความรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังพัฒนาความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารเพื่อรองรับการใช้บริการที่มากขึ้นตามลำดับ

 

ยาวไปอยากเลือกอ่าน
+
กำเนิดรถไฟหัวกระสุน : Shinkansen
เส้นทางเดินรถ Shinkansen
การเลือกที่นั่งในShinkansen
การซื้อตั๋ว Shinkansen

กำเนิดรถไฟหัวกระสุน : Shinkansen

 

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) Image1

 

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) เดิมชื่อว่า “Tokaido Shinkansen” แปลว่า รถไฟสายใหม่ เดิมประเทศญี่ปุ่นมีการใช้รถไฟมาก่อนจะมีรถไฟชินคันเซ็นอยู่แล้ว การพัฒนารถไฟด้วยการออกแบบให้รถไฟมีความเร็วสูงเกิดขึ้นอย่างจริงจังภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศญี่ปุ่นต้องการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจให้ทัดเทียมชาติตะวันตก ซึ่งในการพัฒนาดังกล่าวย่อมต้องการการขนส่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบโจทย์การขยายตัวทางการขนส่งสินค้า และผู้คนที่มีจำนวนมากขึ้น Shinkansen จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้นในการทำหน้าที่เชื่อมต่อเส้นทางระยะไกลให้รวดเร็วเพื่อประหยัดเวลามากขึ้น 

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) “ฮิคาริ” หมายเลข 1 และ 2 เริ่มใช้ในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกช่วงที่มีการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1964 โดยเปิดเส้นทางแรก คือ สายโตเกียว – โอซาก้า ด้วยความเร็วเริ่มต้นที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงครองตำแหน่งรถไฟที่เร็วที่สุดในโลกในเวลานั้น และค่อย ๆ พัฒนาเส้นทางเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันมีเส้นทางรถไฟชินคันเซ็นอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น ส่วนในเรื่องของความเร็วของ Shinkansen Trainนั้น ก็ได้ทำให้เส้นทางโตเกียว – โอซาก้าที่เคยใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงครึ่ง เหลือเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น และยังมีการพัฒนาความเร็วอย่างต่อเนื่อง

 

เส้นทางเดินรถ Shinkansen

 

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) Image2

 

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะการจอดตามสถานีต่าง ๆ ดังนี้

  1. โนโซมิ (Nozomi) จะจอดเฉพาะสถานีหลัก ๆ เท่านั้น เช่น ชินากาวะ (Shinagawa) ชินโยโกฮามา (Shin-Yokohama) นาโกย่า (Nagoya) เกียวโต (Kyoto) และ ชินโอซาก้า (Shin-Osaka) เป็นต้น
  2. ฮิคาริ (Hikari) จะจอดในสถานีหลักเหมือนกับโนโซมิ แต่จะจอดในสถานีย่อยเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง
  3. โคดามะ (Kodama) จะจอดในทุก ๆ สถานีตลอดเส้นทาง

 

ส่วนเส้นทางการวิ่งของรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) ที่ให้บริการทั้งหมด 9 สายทั่วประเทศญี่ปุ่น ได้แก่

  1. สายซันโย ชินคันเซ็น (Sanyo Shinkansen) ต้นทาง ชินโอซาก้า (Shin Osaka) ปลายทาง ฮากาตะ (Hakata)  
  2. สายคิวชู ชินคันเซ็น  (Kyushu Shinkansen) ต้นทาง ฮากาตะ (Hakata) ปลายทาง คาโงะชิมะซูโอ (Kagoshima chuo)
  3. สายโฮะกุริกุ ชินคันเซ็น (Hokuriku Shinkansen) ต้นทาง คานาซาวะ (Kanazawa)  ปลายทาง โตเกียว (Tokyo)  
  4. สายนิชิ คิวชู ชินคันเซ็น  (Nishi Kyushu Shinkansen)  ต้นทาง ทะเคะโอะอนเซ็น (Takeo-onsen ) ปลายทาง นางาซากิ (Nagasaki)
  5. สายโจเอะสึ ชินคันเซ็น (Joetsu Shinkansen) ต้นทาง ทากาซากิ (Takasaki) ปลายทาง นีงาตะ (Niigata)  
  6. สายโทโฮะกุ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ต้นทาง โอมิยะ  (Omiya) ปลายทาง นะซุชิโอบะระ (Nasushiobara)
  7. สายโทไกโด ชินคันเซ็น (Tokaido Shinkansen) ต้นทาง โตเกียว (Tokyo) ปลายทาง ชินโอซาก้า (Shin Osaka)
  8. สายยามากาตะ ชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen) ต้นทาง โตเกียว (Tokyo) ปลายทาง ยามากาตะ (Yamagata)
  9. สายฮอกไกโด ชินคันเซ็น (Hokkaido Shinkansen) ต้นทาง ชินอาโอโมริ (Shin-Aomori) ปลายทาง ชิน-ฮาโกดาเตะ-โฮกุโตะ (Shin-Hakodate-Hokuto)

 

การเลือกที่นั่งในShinkansen

 

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) Image3

 

แม้การเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นจะถึงที่หมายด้วยความรวดเร็วเท่ากัน แต่ความสะดวกสบายที่ผู้โดยสารจะได้รับในระหว่างเดินทางมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทที่นั่งที่ได้เลือกไว้ ซึ่งรถไฟชินคันเซ็นมีที่นั่งให้นักท่องเที่ยวได้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีราคาที่แตกต่างกันตามลำดับการบริการที่ผู้โดยสารจะได้รับ

  1. Unreserved Seat แบบไม่ได้สำรองที่นั่งล่วงหน้า คือ ผู้โดยสารขึ้นไปหาที่นั่งบนรถไฟโดยไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า ข้อดี คือ ราคาถูกสุด ข้อเสีย คือ ต้องไปวัดดวงหาที่นั่งเอาเอง ถ้ามีผู้โดยสารจำนวนมากอาจจะไม่ได้นั่ง
  2. Reserved Seat แบบสำรองที่นั่งล่วงหน้า ข้อดี คือ ผู้โดยสารมีที่นั่งแน่นอนไม่ต้องลุ้น ข้อเสีย คือ ราคาจะแพงกว่าแบบ Unreserved Seat
  3. Green Car seats เทียบได้กับที่นั่งชั้น business ที่มีความสะดวกสบาย ขนาดที่นั่งกว้างกว่า 2 แบบแรกและปรับเอนนอนได้ มีบริการเครื่องดื่ม เหมาะกับการเดินทางในเส้นทางไกล ข้อเสีย คือ ราคาจะแพงกว่า 2 แบบที่กล่าวมาแล้ว
  4. Gran Class เทียบได้กับที่นั่งชั้น First Class ที่นั่งปรับเอนนอนได้มากกว่า มีบริการอาหารเครื่องดื่ม สาเก ผ้าห่ม ผ้าปิดตา แต่จะมีเฉพาะในรถไฟสาย Hokkaido Shinkansen, Tohoku Shinkansen และ Hokuriku Shinkansen เท่านั้น ข้อเสีย คือ ราคาแพงกว่าแบบอื่น ๆ  

 

การซื้อตั๋ว Shinkansen

 

รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) Image4

 

ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วรถไฟชินคันเซ็นได้ โดยผ่านช่องทาง ดังนี้

ซื้อตั๋วโดยสารผ่านตู้อัตโนมัติซึ่งมีอยู่ตามสถานีรถไฟที่มีรถไฟชินคันเซ็น โดยมีขั้นตอนการซื้อตั๋ว ดังนี้

  1. เลือกภาษาอังกฤษ และประเภทที่นั่ง
  2. เลือกตั๋วโดยสารรถไฟชินคันเซ็น และเลือกเส้นทาง  
  3. เลือกสถานีต้นทาง ระบุวันที่ จำนวนผู้โดยสาร เลือกชนิดตั๋วเที่ยวเดียว หรือไป-กลับ
  4. เลือกระหว่างบัตรขึ้นรถไฟและบัตรรถไฟด่วนพิเศษ หรือ เฉพาะบัตรรถไฟด่วนพิเศษ
  5. ยืนยันการซื้อตั๋ว
  6. เลือกวิธีการชำระเงิน และหากผู้โดยสารต้องการใบเสร็จ ให้กด receipt แล้วรอรับใบเสร็จ
  7. เสร็จแล้ว รอรับบัตร

 

การซื้อตั๋วผ่านระบบออนไลน์ ผู้โดยสารสามารถจองตั๋วรถไฟชินคันเซ็นผ่านระบบออนไลน์จากนอกประเทศญี่ปุ่นได้ โดยมีขั้นตอน ดังนี้

  1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/overview/ ค้นหารายละเอียดของตั๋วรถไฟที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วรถไฟธรรมดาทั้งระบบจองที่นั่ง (reserved seat) และ ไม่จองที่นั่ง (unreserved seat) รวมถึงตั๋วรถไฟพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (เช่น JR WEST RAIL PASS) ก็สามารถซื้อจากหน้าเว็บไซต์ได้
  2. ให้ผู้โดยสารเลือกได้ว่าจะจองจากการเลือกรถไฟ หรือจากสถานีที่เราต้องการขึ้นลง กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ
  3. ระบบจะขึ้นข้อมูลให้ผู้โดยสารเลือกประเภทที่นั่ง ถ้าเลือกที่นั่งแบบ reserved seat (จองที่นั่ง) จะต้องจ่ายค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น (ตัดเงินในบัตรทันทีที่กดจอง) แต่ถ้าเป็นที่นั่งแบบ Unreserved seat ผู้โดยสารสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายโดยบัตรเครดิตทันที หรือจ่ายที่สถานีรถไฟในภายหลัง
  4. กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสาร  ชื่อ-สกุล E-mail และรหัสประจำตัว 4 หลัก เพื่อใช้ในการรับตั๋ว (ห้ามลืมรหัส)
  5. หน้าสุดท้าย ผู้โดยสารเลือกว่าจะชำระค่าโดยสารแบบใด หากจองที่นั่งแบบ reserved seat จะต้องจ่ายโดยบัตรเครดิตทันที แต่หากเลือกที่นั่งแบบ Unreserved seat ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตั๋วทันที และหลังจากการจองเสร็จเรียบร้อย ผู้โดยสารจะได้รับอีเมล์ยืนยันการจองสำเร็จ  

เมื่อผู้โดยสารเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว สามารถรับตั๋วรถไฟที่จองไว้ได้ที่ตู้ออกตั๋วอัตโนมัติ (Midori Ticket Machine) กรณีต้องการออกตั๋วรถไฟพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (เช่น JR WEST RAIL PASS) ผ่านตู้ออกตั๋วอัตโนมัติ จะสามารถทำได้เฉพาะตู้ที่มีระบบอ่านข้อมูลพาสปอร์ต (JR West Passport Reader) และตั๋วบางชนิดอาจไม่สามารถออกโดยตู้ออกตั๋วอัตโนมัติได้ หากผู้โดยสารมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่สำนักงานจำหน่ายตั๋ว (Midori no madoguchi) เพิ่มเติมได้

 

การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นด้วยรถไฟรถไฟชินคันเซ็นในปัจจุบัน ทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายมากขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ 1) มีการพัฒนาเส้นทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจนมีเส้นทางเชื่อมต่อไปทั่วทุกภูมิภาค 2) ความเร็วของรถไฟทำให้การเดินรถตรงต่อเวลาก็ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางได้ค่อนข้างแน่นอน และประหยัดเวลาในการเดินทางได้อย่างมาก 3) ความสะอาดของรถไฟทำให้ผู้โดยสารมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจากโอกาสในการติดเชื้อโรคต่าง ๆ 4) ความปลอดภัยในการให้บริการแม้จะเป็นรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูง แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีอุบัติเหตุ หรือการตกราง ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้โดยสารไว้วางใจใช้บริการรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen Train) เสมอมา

Powered by