เกาะซาโดะ เป็นเมืองชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของจังหวัดนีงาตะ นับเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศญี่ปุ่น ในอดีต sado island ถือเป็นเกาะที่ห่างไกลซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่สำหรับเนรเทศนักโทษทางการเมือง ต่อมาในยุคเอโดะมีการพบทองคำบนเกาะจึงมีผู้คนอพยพเข้าทำงานในเหมืองทองคำเป็นจำนวนมาก ทำให้เกาะซาโดะ กลายเป็น “เกาะแห่งทองคำ” ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักในยุคนั้น ปัจจุบันแม้ธุรกิจเหมืองทองคำจะปิดกิจการไปแล้ว sado island ก็ยังคงเป็นหมุดหมายที่ผู้คนยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนในฐานะเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่ยังคงมีคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่แสนงดงาม
การเดินทางไปเที่ยวเกาะซาโดะ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายัง sado island ด้วยรถไฟชินคันเซนจากสถานีโตเกียว มาลงยังสถานีนีงาตะ และเดินทางต่อไปยังท่าเรือ Sado Kisen Terminal จังหวัดนีงาตะ เพื่อไปสู่ ท่าเรือ Ryotsu Port บนเกาะซาโดะ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการเรือได้ทั้งเรือ Ferry ที่สามารถนำรถส่วนตัวข้ามเกาะได้ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที และเรือเร็ว Jetfoil จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที
เมื่อไปถึงเกาะแล้ว ใครที่ไม่มีรถส่วนตัว จะมีบริการรถเช่าให้ค่ะ ซึ่งมีทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน หรือใช้บริการรถบัส Sado Bus Pass ที่สามารถเหมาบริการได้ไม่จำกัดเที่ยวต่อวัน ราคาเหมา 1 วันอยู่ที่ 1,500 เยน ราคาเหมา 2 วัน ราคา 2,500 เยน และ ราคาเหมา 3 วัน ราคา 3000 เยน จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเกาะซาโดะ
เที่ยวพิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำ Sado Kinzan Gold Mine
เริ่มต้นกันที่ Sado Kinzan Gold Mine พิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวการทำเหมืองทองคำบน sado island ซึ่งมีการค้นพบแร่ทองคำตั้งแต่สมัยเอโดะ ราวปี ค.ศ.1601 แร่ทองคำถือเป็นสินค้าเศรษฐกิจหลักนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่และรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนภายในเกาะซาโดะ ภายในพิพิธภัณฑ์มีถ้ำจำลองให้เราเดินเขาไปชมบรรยากาศเหมือง มีการจัดแสดงหุ่นจำลองการทำงานเหมือง การใช้ชีวิตของคนทำงานเหมือง การกินอยู่หลับนอนในถ้ำที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวดิน ทำให้เราได้เห็นภาพชัดเจนถึงความเป็นมาของทองคำ ซึ่งเหมืองทองคำแห่งเกาะซาโดะ เลิกกิจการในปี ค.ศ.1989 นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมสนุกด้วยการทดลองร่อนทองจากพื้นที่จำลองซึ่งทองคำที่ร่อนได้จะเป็นของเราด้วย ถ้าใครร่อนไม่ได้แนะนำให้ไปยกทองคำแท่ง 99.9 % น้ำหนัก 12,500 กรัม ในตู้โชว์ ถ้ายกออกมาได้ด้วยมือข้างเดียวเขาให้เอากลับบ้านไปได้เลย โซนขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์ ก็หนีไม่พ้นทองอีกนั่นแหละ เพราะจะมีสินค้าที่มีทองเป็นส่วนผสม ทั้งกาแฟ เครื่องสำอาง มีซอฟต์ครีมท็อปปิ้งด้วยผงทองคำแท้ด้วยค่ะ
Location : 1305 Shimoaikawa, Sado, Niigata 952-1501, Japan
นั่งเรือ Tarai Bune ชมทิวทัศน์ทะเล
นักท่องเที่ยวที่มาถึง sado island ไม่ควรพลาดกิจกรรมนั่งเรือ Tarai Bune เรือไม้ทรงกลมก้นแบนเหมือนอ่างไม้มากกว่าเรือที่เราคุ้นตา เรือทรงอ่างนี้ถูกออกแบบเพื่อทำประมงชายฝั่ง คือ การเก็บหอยเป๋าฮื้อ เก็บสาหร่าย จึงซึ่งต้องอาศัยเรือที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดและท้องแบนเพื่อหลบหลีกโขดหินปะการัง และเข้าไปในพื้นที่โขดหินแคบ ๆ ได้ง่าย และด้วยหน้าตาของเรืออ่างที่เป็นเอกลักษณ์ถูกจึงนำมาใช้พานักท่องเที่ยวนั่งชมทิวทัศน์ทะเลไปด้วย โดยมีคุณป้าแต่งตัวชุดยูนิฟอร์มเป็นเอกลักษณ์พายเรือให้นั่งไปชมจุดที่ได้รับความนิยมมาก คือ สะพานสีแดงกลางน้ำ
Location : Shukunegi, Sado, Niigata 952-0612, Japan
ย้อนรอยยุคเอโดะที่ Shukunegi Village
ชุมชนชุคุเนะงิ เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงบน sado island ในอดีตผู้คนในละแวกนี้ประกอบอาชีพต่อเรือ และที่นี้เคยเป็นท่าเรือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ มาเที่ยวที่นี่เราจะได้สัมผัสบรรยากาศชุมชนชาวประมงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม จุดที่น่าสนใจของหมู่บ้านชุคุเนะงิ คือ บ้านเรือนเก่าแก่ที่มีรูปทรงค่อนข้างแปลกตาซึ่งเป็นบ้านเรือนบางหลังถูกย้ายจากชุนชน Hamochi Ohashi มาตั้งในพื้นที่หลังเหตุการณ์น้ำท่วมในปี ค.ศ.1846 ตัวบ้านสร้างจากไม้กระดานเรือและต้องปรับให้เข้ากับพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องปรับรูปทรงจนเป็นอยู่ที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากจะมาเดินชมบรรยากาศแล้ว ในหมู่บ้านยังมีร้านกาแฟไว้บริการและเราสามารถติดต่อพักค้างคืนในบ้านบางหลังที่เปิดเป็นห้องพักได้ด้วยค่ะ
Location : 393 Shukunegi, Sado, Niigata 952-0612, Japan
เที่ยวสวนนกโทคิ (Toki Forest Park)
สวนนกโทคิ เป็นพื้นที่อนุรักษ์และเพาะขยายพันธุ์นกโทคิซึ่งเป็นนกประจำเกาะซาโดะที่สูญพันธุ์ไปจากการถูกล่าเพื่อเอาขนและเนื้อ นกที่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ในปัจจุบันเป็นพ่อแม่นกที่ได้รับจากประเทศจีน และนำมาขยายพันธุ์โดยใช้เทคโนโลยีการผสมเทียมได้สำเร็จตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 ปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่นจึงมีนกโทคิที่ sado island เพียงแห่งเดียวเท่านั้นค่ะ
Location : 383-2 Niibonagaune, Sado, Niigata 952-0101, Japan
ชมพระอาทิตย์ตกที่ อ่าวเซ็นซาคุ (Senkaku Bay)
เป็นจุดชมวิวหน้าผาสูงที่ถูกลมทะเลกัดกร่อนผ่านการเวลาอย่างยาวนาน ทำให้หน้าผาหินที่นี้มีรูปร่างที่สวยงามตามจินตนาการของธรรมชาติโดยแท้จริง ช่วงกลางวันที่มีแสงแดดจัดเหมาะแก่การนั่งเรือท้องกระจกชมความงามของท้องทะเลในอ่าวเซ็นซาคุ ส่วนช่วงเย็นจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่ดีที่สุดใน sado island เลยค่ะ หากมีเวลามากๆ ในทริปนี้ แนะนำว่าอย่าพลาดแวะมาชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตกดินในจุดนี้กันด้วยนะคะ
Location : 1561 Kitaebisu, Sado, Niigata 952-2133, Japan
ชมวิวภูเขา ทุ่งดอกลิลลี่ที่ ภูเขาโอโนกาเมะ (Ohnogame rock)
ภูเขาโอโนกาเมะเป็นจุดชมวิวและเส้นทางเดินบนภูเขาที่สวยงามและไม่ควรพลาด ด้วยระดับความสูงเพียง 167 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถไปถึงได้ง่าย นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงามทั้งภูเขาและทะเลไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ภูเขาโอโนกาเมะจะถูกปกคลุมไปด้วยทุ่งดอกลิลลี่สีเหลืองสดใส และงดงามจนได้รับการันตี ระดับ 2 ดาว Michelin Green Guide เลยทีเดียว
Location : Negai, Sado, Niigata 952-3203, Japan
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำมา 6 จุดแล้ว sado island ยังมีจุดท่องเที่ยวที่แสดงออกถึงความงดงามของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติอีกมากมาย และที่สำคัญเลย sado island ยังมีสินค้าที่ไม่ควรพลาดก็คืออาหารทะเลสด ๆ ทั้งปู หมึก หอยนางรม ซึ่งต้องบอกว่าสดมาก ๆ และราคาไม่แพง มีเทศกาลที่น่าไปเที่ยวชม ก็คือ เทศกาล Earth Celebration – World’s Best Japanese Drumming Festival เทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในเกาะซาโดะ จัดขึ้นในเมืองโอกิ (Ogi) ช่วงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี ภายในงานมีการแสดงโคะโด (Kodo) ของคณะนักตีกลองไทโกะ มีการสอนตีกลองไทโกะ การเต้นรำแบบดั้งเดิมของเกาะซาโดะ การทำขลุ่ยญี่ปุ่น และมีร้านอาหาร ของฝาก ของที่ระลึกมาร่วมเปิดร้านมากมาย สำหรับผู้ที่หลงใหลธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตแบบชาวเล เกาะซาโดะ รอต้อนรับคุณอยู่นะคะ