Lake Como ล่องเรือชมทิวทัศน์อันงดงามของ ทะเลสาบโคโม่

หากเอ่ยถึงทะเลสาบ คนไทยอย่างเราอาจจะไม่ค่อยอินสักเท่าไหร่ แต่บอกได้เลยว่าหากคุณได้เห็น Lake Como ด้วยตาตนเองสักครั้ง คุณจะเปลี่ยนความรู้สึกเกี่ยวกับทะเลสาบไปอย่างสิ้นเชิง เพราะทะเลสาบ Lake Como อิตาลี นั้นทั้งงดงาม บรรยากาศดีและสุดจะคลาสสิค ลบภาพจำของทะเลสาบสีน้ำเงินออกดำที่เราเห็นกันจนชินตา เพราะทะเลสาบโคโม่ตั้งอยู่ที่เชิงเขาแอลป์ จึงทำให้โคโม่กลายเป็นทะเลสาบที่มีทัศนียภาพที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้น้ำในทะเลสาบยังมีสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ พร้อมวิลล่าที่งดงามให้คุณแวะชมได้ในคราวเดียวกันอีกด้วย

เรื่องน่ารู้ก่อนไปเยือน Lake Como

• ทะเลสาบที่ใหญ่อันดับ 3 ของอิตาลี Lake Como มีอีกชื่อหนึ่งในภาษาอิตาลีคือ ลา ริโอ (Lario) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี (รองจากทะเลสาบการ์ดาและทะเลสาบมัจจอเร) ด้วยความลึกสูงสุดประมาณ 410 เมตร จึงทำให้กลายเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
   
• ทะเลสาบมีรูปร่างเหมือนตัว Y กลับหัว ที่ Lake Como นั้นมีรูปร่างที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนทะเลสาบแห่งไหน เพราะรูปทรงของมันชวนให้นึกถึงตัว Y ที่กลับด้าน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะผลจากการละลายของธารน้ำแข็งรวมกับการกัดเซาะของแม่น้ำ Adda ในอดีตทำให้เกิดกิ่งก้านสาขา 2 กิ่ง จนกลายเป็นตัว Y ที่โด่งดังไปทั่ว โลก
   
• Lake como ไม่เหมาะกับการว่ายน้ำ แม้ทะเลสาบจะดูสะอาดและมีสีสวยสดใส แต่หากคุณคิดที่จะมาว่ายน้ำที่ทะเลสาบแห่งนี้ก็คงต้องคิดใหม่เสียก่อน เพราะทะเลสาบตั้งอยู่ในแอ่งของเทือกเขาแอลป์ อุณหภูมิของน้ำจะเย็นจัด นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหลังจากโดนแสงแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอันตรายได้ แม้จะไปว่ายน้ำในฤดูร้อนก็ตาม แนะนำให้เลือกใช้สระว่ายน้ำที่กระจายอยู่ทั่วทะเลสาบจะปลอดภัยกว่า
   
• ทะเลสาบโคโม่มีวิลล่าที่สวยงามหลายแห่ง แม้ทะเลสาบจะสวยขนาดไหน แต่หลายคนกลับอยากเดินทางไปเยี่ยมชมวิลล่าต่างๆ ที่อยู่รอบทะเลสาบโคโม่เสียมากกว่า เพราะวิลล่าในโซนนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตบรรจงแต่สมัยโรมัน แถมยังเป็นฉากหลังของหนังดังอย่าง Star Wars และ James Bond อีกด้วย วิลล่าสวยๆ โลเคชั่นงดงามมีหลายแห่งอาทิเช่น Villa del Balbianello, Villa d'Este, Villa Serbelloni

เคล็ดลับการเที่ยวทะเลสาบโคโม่แบบเจาะลึก

• เช็คตารางเดินเรือให้ดี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าเรือข้ามฟากไปยังเมืองต่างๆ นั้นมีไม่กี่รอบ ยิ่งหากคุณมีเวลาน้อยแต่ต้องการเดินทางไปรอบๆ ทะเลสาบ แนะนำให้ตรวจสอบตารางเวลาและเดินทางให้ตรงเวลา ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อจ้างเรือส่วนตัวก็เป็นได้
   
• หากมีเวลาน้อยควรเลือกเมืองที่สนใจจริงๆ เนื่องจากในโซน Lake Como นั้นมีเมืองต่างๆ อยู่หลายเมือง อาทิเช่น Como, Bellagio, Varenna, Lecco, Lenno, Menaggio และอีกหลายแห่ง แต่บางเมืองก็มีค่าที่พักและค่าครองชีพสูง แถมอาจเข้าถึงได้ยากอีกด้วย ดังนั้นหากมีงบประมาณและเวลาที่จำกัด แนะนำให้เลี่ยงเมืองใหญ่ๆ หรือเมืองที่เข้าถึงยาก
   
• เลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเยือน lake como ไฮซีซั่นของทะเลสาบอันงดงามจะเป็นช่วงมิถุนายนถึงสิงหาคม ซึ่งถือเป็นสองเดือนที่คึกคักที่สุดของปีและราคาที่พักก็แรงอย่าบอกใคร แม้ว่าอากาศดี แต่ผู้คนก็แออัดและแย่งกันกินแย่งกันใช้พอสมควร หากไม่อยากจะเสียอารมณ์ ลองมองช่วงกลางฤดู อย่างเช่น ช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม หรือกันยายนและตุลาคม ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมทะเลสาบโคโม่ สภาพอากาศถือว่าค่อนข้างดี ราคาที่พักลดลง และนักท่องเที่ยวก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
   
• อยากเที่ยวให้ทั่วเช่ารถช่วยได้เยอะ แม้การไปเที่ยวทะลสาบจะทำให้หลายคนคิดว่าต้องนั่งเรือเป็นหลัก แต่แท้จริงแล้วสำหรับเลคโคโมแสนสวยไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากแต่ละเมืองเชื่อมโยงกันด้วยเส้นทางบนท้องถนน และเพื่อกันพลาดรอบเรือที่มีน้อยนิด การขับรถก็ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณสามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้อย่างแน่นอน

วิธีการเดินทางไป Lake como

ทะเลสาบตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลีบริเวณเชิงเขาแอลป์ อยู่ห่างจากมิลานเพียง 40 กม. ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมาจากมิลานเป็นหลัก เพราะบางท่านก็ลงจากสนามบินนานาชาติในมิลาน จากนั้นอาจจะเช่ารถหรือนั่งรถไฟมาที่เลคโคโม่ก็ถือว่าสะดวกทั้ง 2 แบบ

• วิธีการนั่งรถไฟ แนะนำให้ขึ้นรถไฟจากสถานีหลักของมิลานซึ่งก็คือ Milano Centrale และมาลงที่ Como (Como San Giovanni) โดยมักจะมีรถไฟสายตรงที่มาถึงสถานีทุกชั่วโมง โดยทั่วไปการเดินทางจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถเริ่มต้นการเดินทางโดยไปที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่สวยงามรอบๆ ทะเลสาบได้เช่น การลงที่สถานี Varenna – Esino แวะเที่ยวชมความงามของเมืองแล้วค่อยล่องเรือไปยังเมืองอื่นๆ ต่อ
   
• วิธีการขับรถ หากมาจากมิลาน แนะนำให้ใช้มอเตอร์เวย์ A9 ซึ่งเชื่อมระหว่างมิลานและโคโม จากนั้นควรใช้ทางออก Monte Olimpino ก็จะทำให้ถึงเมืองที่ใกล้กับทะเลสาบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเลี่ยงโซนอุตสาหกรรมที่รถอาจจะเยอะได้อีกด้วย

ไม่ว่าจะเดินทางไปยังทะเลสาบด้วยวิธีไหน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ความพร้อมของแผนการเดินทางและงบประมาณในกระเป๋าตังค์ ยิ่งมีเวลาน้อย การเช็ครอบรถไฟและตารางการเดินเรือก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น แต่หากงบประมาณและเวลาไม่ใช่ปัญหา เราก็ขอแนะนำว่าให้คุณใช้เวลาชิลล์ๆ อย่างผ่อนคลายอยู่ที่ทะเลสาบแสนสวยแห่งนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 2 – 3 วันเพื่อชาร์จพลังชีวิต