Tax Refund คืออะไร?
ก่อนจะออกไปละลายทรัพย์สำหรับนักช็อปตัวยง วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ระบบ Tax Refund ของประเทศญี่ปุ่นกันก่อนค่ะ เพราะนี่คือตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้เราสามารถช็อปได้แบบประหยัดสุดๆ ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่า หากเราไปจับจ่ายซื้อของในญี่ปุ่น โดยปกติทั่วไปแล้วสำหรับสินค้าที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เรียกเก็บเพิ่มจากผู้บริโภคที่อัตรา 8 % เรียกว่าหากสินค้าราคา 100 บาท เราก็ต้องจ่าย 108 บาท ซึ่งก็สูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว สินค้าบางประเภทนักท่องเที่ยวสามารถซื้อแบบ Tax Refund ญี่ปุ่น ปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 8 % หรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 8 % ได้ โดยระบบ Tax Refund ญี่ปุ่นคือการที่ประเทศญี่ปุ่นใจดี งดเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 8 % สำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ ซึ่งระบบนี้ประเทศญี่ปุ่นเริ่มประกาศใช้ Japan Tax Refund มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2557 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั่นเอง แต่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับการใช้สิทธิ์ Tax Refund ญี่ปุ่น นะคะ เพราะนักท่องเที่ยวที่จะได้รับ Tax Refund นั้น จะต้องมีคุณสมบัติตามที่สรรพากรญี่ปุ่นกำหนดด้วย
ช้อปปิ้งร้านไหนสามารถขอ Tax refund ได้บ้าง ?
รู้จัก Tax Refund ญี่ปุ่นกันแล้ว ก่อนที่จะควักเงินเยนออกจากกระเป๋า สิ่งที่เราต้องสังเกตให้ดีหากตั้งใจจะช็อปแบบมี Japan Tax-free Shop ซื้อสินค้าในราคาปลอดภาษีมูลเพิ่ม (VAT) ก็คือ ต้องสังเกตป้ายสัญลักษณ์ Japan Tax-free Shop หรือ Tax Refund หรือ Tax-Free ซึ่งสังเกตได้ไม่ยากค่ะ เพราะร้านขายของส่วนใหญ่มักจะติดให้นักท่องเที่ยวเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่หน้าร้านยันในร้านเลยทีเดียว สัญลักษณ์หรือป้าย Tax Refund หรือ Tax-Free มักมีสีแดงขาว เห็นเด่นชัด ถ้าร้านค้ามีสัญลักษณ์ที่กล่าวมาแล้ว เราก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ ซึ่งบอกเลยว่าร้านที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือมี Japan Tax Refund ให้นั้น ไม่ได้มีเฉพาะร้านค้าขนาดใหญ่หรือในห้างสรรพสินค้าเท่านั้นนะคะ แทบทุกร้านที่ให้บริการในสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในชั้นใต้ดินสถานีรถไฟ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารขนมของฝาก แม้แต่ร้านค้าขนาดเล็กในปัจจุบันหลาย ๆ แห่ง ก็รองรับระบบ Japan Tax Refund กันมากแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นมองหาป้าย Tax Refund หรือ Tax-Free ก่อนช็อป รับรองมีเงินเหลือช็อปอีกเยอะเลย
ใครบ้างที่ขอ Tax refund ได้
ระบบ Japan Tax Refund หรือการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ นั่นก็หมายถึงว่าต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้พำนักในประเทศญี่ปุ่น โดยผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax Refund ญี่ปุ่นมีดังนี้ค่ะ
1. นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน (นับตั้งแต่วันที่เดินทางเข้าประเทศ)
2. บุคคลสัญชาติญี่ปุ่นที่มีถิ่นพำนักในต่างประเทศ เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นชั่วคราว ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
3. บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางที่มีสิทธิในการพำนักในสถานะนักการทูต หรือข้าราชการ (มีสิทธิพำนักเกิน 6 เดือนหลังจากวันที่เข้ามายังประเทศญี่ปุ่น)
ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax refund มีดังนี้
1. ผู้มีถิ่นพำนักอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาเกิน 6 เดือน
2. ผู้ที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่น
3. นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าในร้าน Tax Refund ญี่ปุ่น แต่ยอดชำระสินค้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
ข้อนี้ต้องดูให้ดีเลยนะคะ เพราะถึงแม้ว่าเราจะเป็นนักท่องเที่ยว แต่หากยอดรวมการจ่ายชำระสินค้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็อาจจะอดขอคืนภาษีได้ ดังนั้น ต้องแอบวางแผนการจับจ่าย ซื้อหลาย ๆ ยอดรวมกันเพื่อขอ Tax refund ค่ะ
ต้องซื้อสินค้าราคาเท่าไหร่ถึงขอ Tax Refund ญี่ปุ่นได้
อย่างที่บอกไปแล้วว่า นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าในร้าน Tax refund แต่ยอดชำระสินค้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ไม่สามารถที่จะขอ Japan Tax Refund ได้ ดังนั้น เราจึงต้องวางแผนการช็อปปิ้ง โดยทำความเข้าใจเรื่องของกำหนดยอดชำระที่ขอ Tax refund ได้ไว้หน่อย
สินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax refund ของญี่ปุ่น จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ สินค้าทั่วไป (General Items) และ สินค้าสิ้นเปลืองหรือสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้จะมีการกำหนดยอดชำระสินค้าที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. Tax Refund ญี่ปุ่นสินค้าทั่วไป (General Items) เช่น กล้อง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯนักท่องเที่ยวจะต้องมียอดชำระค่าสินค้า Tax Refund ญี่ปุ่น รวมกัน โดยต้องซื้อในร้านค้าเดียวกัน ตั้งแต่ 5,000 เยน ขึ้นไป ต่อวัน ต่อคน (ราคาสินค้าไม่นับรวมภาษี) ในส่วนนี้ เวลาที่เราไปช็อปปิ้งต้องดูว่ามีสินค้าในร้านเดียวกันที่เราต้องการไหม แล้วรวมซื้อทีเดียว โดยยอดจ่ายต้องเกิน 5,000 เยน และเป็นยอดจ่ายที่ไม่นับรวมภาษี 8 % ด้วยนะคะ
2. Tax Refund ญี่ปุ่นสินค้าสิ้นเปลือง หรือสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) เช่น ขนม อาหาร ยา นักท่องเที่ยวจะต้องมียอดชำระค่าสินค้า Tax Refund ญี่ปุ่นรวมกัน โดยต้องซื้อในร้านค้าเดียวกัน ตั้งแต่ 5,000 แต่ไม่เกิน 500,000 เยน (ราคาสินค้าไม่นับรวมภาษี) ต่อวันต่อคน ในส่วนนี้ ต้องดูให้ดีนะคะ เพราะแค่เกิน 5,000 ยังไม่พอ ในหนึ่งบิล หนึ่งร้าน ยอดรวมต้องไม่เกิน 500,000 เยน ด้วย และที่สำคัญ เราต้องแยกบิลตามประเภทของสินค้าด้วยค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถนำยอดการชำระ Tax refund ทั้ง 2 กลุ่มมารวมกันเพื่อขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้
สินค้าที่สามารถซื้อแบบงดเว้นภาษี
สินค้าของญี่ปุ่นแทบทุกอย่างสามารถซื้อแบบได้รับการขอเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax Refund ญี่ปุ่นได้ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าในห้างใหญ่ๆ ยูนิโคล่ เอ้าท์เล็ทมอร์ต่างๆ ไปจนถึง ขนมนมเนยในร้านสะดวกซื้อ อย่างเซเว่น อีเลฟเว่น แต่ต้องแบ่งซื้อและแบ่งจ่ายตามประเภทของสินค้าเพื่อทำการขอ Tax refund นั่นก็คือ สินค้าทั่วไป (General Items) เช่น กล้อง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ และ สินค้าสิ้นเปลือง หรือสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง ฯลฯ
สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องไม่ลืมก็คือ ในการขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax Refund ญี่ปุ่นนั้น เราจะต้องทำทันทีหลังซื้อสินค้าในวันนั้น ๆ โดยเมื่อซื้อสินค้าให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่เราชำระเงินด้วยค่ะ ว่าต้องการทำ Tax refund และดำเนินการต่อตามขั้นตอนซึ่งแต่ละร้านกำหนด เราจะไม่สามารถนำใบกำกับภาษีมาขอทำ Tax refund ย้อนหลังในวันอื่น ๆ ได้นะคะ
เอกสารที่จำเป็นในการขอ Tax refund
จะออกไปช็อปปิ้ง ต้องใช้อะไรบ้างในการขอ Tax Refund ญี่ปุ่น เอกสารที่ใช้ประกอบการขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax refund เราต้องมี
1. พาสปอร์ต (ต้องใช้ฉบับจริงเท่านั้น)
2. ใบกำกับภาษี
เมื่อเราซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้ว และได้แจ้งกับทางร้านว่าต้องการทำ Tax Refund ญี่ปุ่นเราจะต้องนำสินค้าและใบกำกับภาษี มายื่นในจุดที่รอรับเงินคืนพร้อมพาสสปอร์ตค่ะ แล้วทางร้านก็จะติด "ใบบันทึกรายการสินค้าปลอดภาษีอากรขาออก" ไว้ในพาสปอร์ตฉบับจริงของเรา ยิ่งช็อปมากรายการติดก็ยาวเหยียดเลย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องพกไปในการขอ Tax refund ก็คือ พาสปอร์ตฉบับจริง และใบกำกับภาษี นั่นเอง
แนะนำร้านค้า และ วิธีดูร้านที่สามารถขอ Tax refund ได้
หากนักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่นแล้วต้องการซื้อสินค้าในราคาปลอดภาษีมูลเพิ่ม (VAT) สิ่งสำคัญประการแรก คือ ต้องสังเกตป้ายสัญลักษณ์ Japan Tax-free Shop หรือ Tax Refund ญี่ปุ่นหรือ Tax-Free ซึ่งมักจะติดให้นักท่องเที่ยวเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่หน้าร้านยันในร้านเลยทีเดียว ถ้าร้านค้ามีสัญลักษณ์ที่กล่าวมาแล้วก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ ซึ่งร้านที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่ได้มีเฉพาะร้านค้าขนาดใหญ่เท่านั้น แม้แต่ร้านค้าขนาดเล็กในปัจจุบันหลาย ๆ แห่ง ก็รองรับระบบนี้กันมากแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น ตัวอย่างร้านค้า เช่น
1. Don Quijote ร้าน Japan Tax Refund ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ เพราะมีสินค้าราคาถูก มีสินค้าให้เลือกจำนวนมาก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา เครื่องสำอาง เครื่องดื่ม อาหารสด ขนม ของเล่นเด็ก ร้านนี้มีสาขาอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 100 สาขา และบางสาขาเปิด 24 ชั่วโมงอีกด้วย และที่ถูกใจนักท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก คือ นอกจากจะมี Tax Refund แล้ว ภายในร้านมีพนักงานที่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ และมีคำอธิบายด้วยภาษาไทยติดไว้ที่สินค้ายอดนิยมด้วย
2. It’s Demo ร้าน Japan Tax Refund จำหน่ายเครื่องสำอาง และของที่ระลึกลายลิขสิทธิ์ เช่น My Little Pony, Sailor moon, Princess Disney, Care Bear มีหลายสาขาในญี่ปุ่น
3. Matsumoto Kiyoshi ร้านขายยาที่มี Japan Tax Refund ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น สังเกตง่ายร้านจะใช้สีน้ำเงินเหลือง ซึ่งนอกจากจะมีระบบ Tax refund แล้ว ทางร้านยังมักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย
4. Big Camera ร้านจำหน่ายกล้องถ่ายภาพ กล้องวิดีโอ ที่มีระบบ Tax Refund ญี่ปุ่นซึ่งมีสาขาในประเทศไทยด้วย
5. ร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-11, Family Mart
ขั้นตอนการขอ Tax Refund ญี่ปุ่น
การขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax refund นั้น มี 2 กรณี คือ 1. ชำระเงินค่าสินค้าตามจริง โดยไม่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม และ 2. ชำระเงินค่าสินค้าตามจริงรวมภาษี แล้วขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีรายละเอียดดังนี้
Tax Refund ญี่ปุ่น กรณีที่ 1 ชำระเงินค่าสินค้าตามจริง โดยไม่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้นักท่องเที่ยวเลือกสินค้าที่ต้องการส่งให้กับพนักงานประจำร้าน พร้อมแนบพาสปอร์ตฉบับจริงและระบุกับพนักงานว่าต้องการทำ Tax refund พนักงานจะทำการตรวจสอบรายละเอียด เช่น ชื่อ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด วันที่เดินทางเข้าประเทศ ถ้าเอกสารในพาสปอร์ตถูกต้อง นักท่องเที่ยวสามารถชำระค่าสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งร้านค้าที่ใช้ระบบนี้มักจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ร้านขายยา
Tax Refund ญี่ปุ่น กรณีที่ 2 ชำระเงินค่าสินค้าตามจริงรวมภาษี แล้วขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
1. นักท่องเที่ยวเลือกสินค้าที่ต้องการแล้วชำระเงินพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 8 % จากนั้นนำสินค้าที่ชำระเงินแล้ว ใบเสร็จค่าสินค้า และพาสปอร์ตฉบับจริง นำไปยื่นที่ Tax Free Counter และแจ้งพนักงานว่าต้องการทำ Tax refund พนักงานจะทำการตรวจสอบรายละเอียด เช่น ชื่อ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด วันที่เดินทางเข้าประเทศ
2. พนักงานจะบันทึกข้อมูลสินค้าลงใน “ใบบันทึกรายการสินค้าปลอดภาษีอากรขาออก” และจะนำใบบันทึกดังกล่าวติดไว้ในพาสปอร์ต ผู้ซื้อสินค้าจะต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบก่อนเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น
3. ผู้ซื้อสินค้าจะต้องอ่านรายละเอียดที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และลงลายมือชื่อรับรองเอกสาร โดยมีข้อกำหนดให้ปฏิบัติตาม ดังนี้
ผู้ซื้อสินค้าจะนำสินค้าทั่วไปออกนอกประเทศ ผู้ซื้อสินค้าจะไม่ใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่ซื้อมาในระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และจะนำออกไปนอกประเทศภายใน 30 วันหลังจากซื้อสินค้า หากผู้ซื้อสินค้าไม่ได้นำสินค้าดังกล่าวติดตัวไปด้วยในวันที่เดินทางออกนอกประเทศ ก็ยินดีที่จะชำระค่าปรับทั้งหมด 4. พนักงานดำเนินการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 8 % ให้กับผู้ซื้อสินค้า โดยเมื่อคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว มูลค่าของสินค้าจะต้องไม่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้น จะถือว่าการขอยกเว้นภาษีเป็นโมฆะ 5. เมื่อผู้ซื้อสินค้าจะเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะทำการตรวจสอบพาสปอร์ตและสินค้าที่ซื้อมา แล้วเก็บใบบันทึกรายการสินค้าปลอดภาษีอากรขาออก ซึ่งสินค้าที่ทำ Japan Tax Refund หรือการขอภาษีคืนนั้น ผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้นำออกนอกประเทศทั้งหมด
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Tax Refund ญี่ปุ่น Tax refund กับ Duty Free ต่างกันอย่างไร ? Tax Refund ญี่ปุ่นหรือ Tax Free คือ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 8 % สมมุติว่าคนญี่ปุ่นซื้อสินค้า 1 ชิ้น ราคา 500 เยน เมื่อบวก VAT อีก 8 % จะต้องชำระเงิน 540 เยน แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจะสามารถซื้อได้ถูกกว่า ถ้าเข้าร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Tax refund หรือ Tax Free แล้วแจ้งพนักงานร้านว่าต้องการ Tax refund ก็จะจ่ายแค่ 500 เยนเท่านั้น Duty Free คือ สินค้าปลอดภาษีอากรที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า - ส่งออก ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต โดยนักท่องเที่ยวไม่ต้องยุ่งยากไปทำเรื่องขอภาษีมูลค่าเพิ่มคืนเหมือนกับ Tax refund ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งร้าน Duty Free ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในสนามบิน
บุคคลอื่นสามารถขอ Tax Refund ญี่ปุ่นแทนได้หรือไม่ ? นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจะต้องดำเนินการแจ้งทำ Tax refund ด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถให้บุคคลอื่นทำแทนได้ เพราะจะต้องใช้พาสปอร์ตฉบับจริงของผู้ซื้อสินค้าประกอบการขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
หลังจากทำ Tax Refund ญี่ปุ่นแล้วสามารถเอาของมาใช้ตอนที่ยังอยู่ญี่ปุ่นได้ไหม ซื้อของที่ญี่ปุ่น โดยใช้ Tax Refund ญี่ปุ่นสามารถนำของที่ซื้อมาใช้ได้เลยหรือเปล่า ในส่วนนี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากๆ ค่ะ เพราะหากสินค้าที่เราซื้อ เป็นกรณีสินค้าทั่วไป (General Items) เช่น กล้อง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ เราสามารถนำมาใช้ได้เลย ไม่มีปัญหาในการสุ่มตรวจตอนเราบินกลับ
แต่ในกรณีสินค้าสิ้นเปลือง หรือสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) เช่น อาหาร ขนมของฝากต่างๆ เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องสำอาง ฯลฯ อันนี้ เราห้ามแกะใช้ หรือแกะมาทานโดยเด็ดขาด เพราะเป็นสินค้าที่จะมีการสุ่มตรวจว่ามีของจริงๆ ดังนั้น เวลาที่เราซื้อสินค้าในกลุ่มสินค้าสิ้นเปลือง อุปโภค บริโภค พวกขนม อาหาร ยา เครื่องสำอาง พนักงานขายจะบรรจุของใส่ในถุงสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นถุงที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถรู้ได้ทันทีเมื่อมีการเปิดถุง เราห้ามเปิดถุงดังกล่าวก่อนออกนอกประเทศค่ะ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรสนามบินทำการสุ่มตรวจแล้วไม่พบสินค้า จะถือว่าการขอยกเว้นภาษีเป็นโมฆะ และต้องเสียภาษีส่วนต่างเพิ่มเติม
ของที่ทำเรื่องขอคืนภาษีแล้ว ต้องหิ้วขึ้นเครื่องหรือโหลดใต้เครื่อง เนื่องจาก สินค้าที่มีการขอ Japan Tax Refund จะต้องมีการสุ่มตรวจ ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องนำสินค้า Japan Tax Refund ที่ขอยกเว้นภาษีขึ้นเครื่องไปด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจเช็คได้ เพราะจุดตรวจของศุลกากรประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ถัดไปจากจุดที่นักท่องเที่ยวต้องตรวจสัมภาระค่ะ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องสำอาง หรืออื่น ๆ ที่เป็นของเหลว ไม่สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ ทำยังไงดี ในกรณีที่เราซื้อสินค้าโดยขอ Japan Tax Refund และเป็นสินค้าที่เป็นของเหลว เช่น เครื่องดื่ม น้ำหอม ยา หรือเครื่องสำอางที่เป็นของเหลวที่มีปริมาตรเกิน 100 มิลลิลิตร ไม่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ ให้เราใส่กระเป๋าโหลดใต้เครื่องได้ค่ะ โดยที่เมื่อนักท่องเที่ยวผ่านจุดตรวจศุลกากรให้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าได้นำสินค้า Japan Tax Refund ดังกล่าวใส่กระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องแล้ว
หลังจากที่ทำเรื่องขอภาษีคืนเสร็จแล้ว ให้คนอื่นช่วยเอากลับแทนได้มั้ย? ซื้อสินค้า Japan Tax Refund ที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว นักท่องเที่ยวจะต้องถือกลับด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถยกให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้ เพราะเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขอ Tax refund จะติดอยู่กับพาสสปอร์ตของเรา และมีการตรวจเช็คโดยละเอียดค่ะ
และทั้งหมดนั้นคือข้อมูลเกี่ยวกับการขอ Tax Refund ญี่ปุ่นที่เหล่านักเดินทางสายช็อปปิ้งต้องรู้ ซึ่งหากกล่าวโดยสรุปแล้ว สิ่งสำคัญของการทำ Tax refund ที่นักท่องเที่ยวต้องไม่ลืม คือ การสังเกตสัญลักษณ์ Japan Tax Refund ก่อนซื้อสินค้าทุกครั้ง จากนั้นสำรวจราคาของสินค้าให้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด อย่าลืมพกพาสปอร์ตไปด้วยทุกครั้ง และต้องทำขอเงินคืน หรือยื่นขอ Tax Refund ญี่ปุ่นทันทีหลังจากซื้อสินค้าในแต่ละวัน แค่นี้ก็จะไม่พลาดโอกาสในการช็อปปิ้งในราคาสุดพิเศษแล้ว