ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวนมาก ซึ่งมีทั้งเกาะญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง และเกาะร้างญี่ปุ่นสุดหลอน หนึ่งในนั้นคือ “ฮาชิมะ” เกาะร้างในญี่ปุ่นที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีอาถรรพ์สุดลี้ลับ ด้วยบรรยากาศสุดวังเวง และเรื่องราวชวนสยองขวัญที่ถูกเล่าขานกันมาทำให้เกาะฮาชิมะได้รับความสนใจจนโด่งดังติดอันดับเกาะสุดหลอนของโลก อีกทั้งยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์สยองขวัญสุดท้าทาย และสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง รวมทั้งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย หากคุณชื่นชอบเรื่องราวสุดลี้ลับ และอยากท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ พร้อมไปสัมผัสความหลอนของเกาะร้างญี่ปุ่นแห่งนี้สักครั้ง วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักประวัติความเป็นมา และเรื่องราวสุดหลอนสุดเฮี้ยนของเกาะฮาชิมะกันค่ะ
ความเป็นมา “เกาะฮาชิมะ”
เรื่องเล่าสุดลี้ลับของ ฮาชิมะ เกาะร้างญี่ปุ่น
วิธีการเดินทาง และอัตราค่าเข้าชม เกาะร้างญี่ปุ่น
เกาะร้างอื่นๆ ในญี่ปุ่น
ความเป็นมา “เกาะฮาชิมะ”
ฮาชิมะ (Hashima) หรือ กุงกันจิมะ (Gunkanjima) เกาะร้างญี่ปุ่น ที่มีรูปทรงคล้ายเรือรบลอยอยู่บนทะเล ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือเมืองนางาซากิ (Nagasaki) ประมาณ 15 กิโลเมตร แต่เดิมฮาชิมะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แต่โดดเด่นด้วยทรัพยากรถ่านหินจำนวนมากจึงถูกพัฒนา และขยายพื้นที่ตั้งแต่ปี 1887 โดยบริษัทยักษ์ใหญ่มิตซูบิชิเพื่อประกอบกิจการถ่านหิน และเพื่อรองรับจำนวนผู้คนที่มาเป็นแรงงานเข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะแห่งนี้ รวมทั้งมีการสร้างตึกที่พักในรูปแบบคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติจากพายุไต้ฝุ่น และคลื่นลมทะเล ด้วยค่าจ้างแรงงานที่สูงจึงทำให้มีจำนวนประชากรแรงงานที่เพิ่มมากขึ้นจนมีการบันทึกสถิติไว้ในปี 1959 ว่าบนเกาะฮาชิมะมีประชากรอาศัยอยู่ 5,000 คน หรือเฉลี่ย 1,391 คนต่อพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ซึ่งมีความหนาแน่นที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ร้านค้า บาร์ และร้านเหล้าต่าง ๆ ซึ่งในสมัยนั้นเป็นยุคอุตสาหกรรมที่มีความรุ่งเรืองอย่างมาก
แต่ต่อมาเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้คนบนเกาะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ความอดยาก การเจ็บป่วย และล้มตายจำนวนมาก รวมทั้งยังใช้เป็นสถานที่คุมขังเชลยศึกสงครามชาวจีน และชาวเกาหลีเพื่อบังคับเป็นแรงงานทาสของเหมืองถ่านหินแห่งนี้ ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย และมีความเสี่ยงสูงของสารพิษจากเหมืองถ่านหิน รวมถึงภัยธรรมชาติจากพายุ ทำให้ในปี 1974 มีการประกาศนโยบายให้มาใช้น้ำมันแทนถ่านหิน ทำให้ธุรกิจถ่านหินของบริษัทมิตซูบิชิเลิกกิจการลง ส่งผลให้ระบบสาธารณูปโภคทุกอย่างถูกตัดขาด ผู้คนต่างอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น จนทำให้เป็นเกาะร้างไร้ผู้คนในที่สุด ด้วยบรรยากาศที่วังเวงแบบไร้สิ่งมีชีวิต ไร้ผู้คน มีแต่ความมืด ตึกร้าง และซากปรักหักพังชวนให้สุดหลอน ทำให้ ฮาชิมะ ถูกขนานนามว่าเป็น “เกาะผี” และติดอันดับ 1 ใน 5 เกาะที่หลอนที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
อย่างไรก็ตามในปี 2009 ฮาชิมะ ได้เปิดตัวให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเกาะร้างญี่ปุ่นแห่งใหม่ และมีการสร้างท่าเทียบเรือเพื่อใช้เป็นที่จอดเรือทัวร์เที่ยวชมเกาะร้างโดยบริษัททัวร์ท้องถิ่น และในปี 2015 เกาะฮาชิมะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในกลุ่มของอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ญี่ปุ่นต้องยอมรับในการกระทำอันโหดร้ายที่เคยก่อไว้กับแรงงานต่างชาตินับหมื่นคนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่ามกลางกระแสคัดค้านของเกาหลีใต้ และชาวจีน
เรื่องเล่าสุดลี้ลับของ ฮาชิมะ เกาะร้างญี่ปุ่น
ฮาชิมะ เป็นเกาะร้างญี่ปุ่นที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความหลอนติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก จึงทำให้มีกองถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังมาใช้สถานที่บนเกาะแห่งนี้เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์นั่นเอง หนึ่งในนั้นคือเรื่อง “Battle Royale” โดยผู้กำกับ คันจิ ฟูกาซากุ ได้ยืนยันว่า เกาะแห่งนี้มีอาถรรพ์จริง ๆ โดยพบความผิดปกติขณะถ่ายทำตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มเสียทั้ง ๆที่เป็นฟิล์มใหม่ เพิ่งเปิดใช้งาน หรือมีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก แต่เหตุการณ์สุดหลอนที่สุดในกองถ่ายคือ นักแสดงหญิง ชิอากิ คูริยามา ซึ่งรับบทเป็นนักเรียนเมื่อเข้าฉาก เธอได้ถูกบางอย่างครอบงำจนมีอาการเหมือนถูกผีสิง จนทำให้กองถ่ายต้องหยุดพักกองเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีกองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่มาใช้สถานที่เกาะร้างแห่งนี้เป็นฉากถ่ายทำ เช่น เจมส์ บอนด์ (James Bond) ภาค Skyfall และภาพยนตร์ไทย ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ ที่พบเจอเรื่องราวสุดหลอนไม่แพ้กัน
ด้วยเรื่องราวสุดหลอนที่เกิดขึ้นบนเกาะร้างญี่ปุ่นแห่งนี้ทำให้ ฮาชิมะ ได้รับความน่าสนใจอย่างมาก จนมีนักท่องเที่ยวอยากบุกพิสูจน์ความหลอนของเกาะร้างแห่งนี้ ซึ่งไม่แค่กองถ่ายทำภาพยนตร์ที่พบเจอเรื่องราวสุดหลอนชวนขนรุกเท่านั้น นักท่องเที่ยวหลายคนที่ชอบความท้าทายอยากลองมาเที่ยวบนเกาะร้างแห่งนี้สักครั้งจนได้พบกับเรื่องราวสุดหลอนต่าง ๆ บางคนสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่สามารถเล่าออกมาเป็นคำพูดได้ บางคนเห็นสิ่งแปลก ๆในซากปรักหักพัง และบางคนเจอความหลอนปนความเศร้าที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะร้าง รวมทั้งชาวประมงที่ออกไปหาปลาในบริเวณที่ใกล้กับเกาะร้างก็พบกับเหตุการณ์หลอน ๆ ทำให้ไม่กล้าไปหาปลาในบริเวณแถวเกาะร้างอีกเลย
วิธีการเดินทาง และอัตราค่าเข้าชม เกาะร้างญี่ปุ่น
เมื่อ ฮาชิมะ ได้เปิดตัวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แนวใหม่ในสไตล์เกาะร้างญี่ปุ่น ทำให้มีบริษัทเรือทัวร์ให้บริการทัวร์ชมเกาะร้างหลายบริษัท โดยใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือเมืองนางาซากิไปกลับ พร้อมทั้งเที่ยวชมเกาะร้างประมาณ 3 ชั่วโมง โดยมีไกด์พาเที่ยวชมพร้อมอธิบายตามจุดต่าง ๆ อย่างไรก็ตามจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมเกาะร้างด้วยตัวเอง จะต้องเดินทางไปกับบริษัททัวร์เท่านั้น รวมทั้งจะต้องอยู่ในจุดต่าง ๆที่กำหนดไว้ ห้ามเดินเข้าไปในตัวอาคารโดยเด็ดขาด หากได้รับอันตราย หรือบาดเจ็บจากการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงบริษัททัวร์จะไม่รับผิดชอบ ทั้งนี้เนื่องจากตัวอาคาร และซากปรักหักพังต่าง ๆบนเกาะแห่งนี้ได้มีการชำรุด และสามารถทรุดตัวในทุกขณะนั่นเอง
สำหรับอัตราค่าเดินทาง และค่าเช้าชมเกาะร้างญี่ปุ่นแห่งนี้ขึ้นอยู่กับบริษัททัวร์ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 – 5 พันเยน ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวมีสุขภาพที่ไม่ดี หรือมีสภาพอากาศที่เลวร้าย เกิดพายุรุนแรง สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินเรือจะมีการยกเลิกทัวร์โดยทันที
เกาะร้างอื่นๆ ในญี่ปุ่น
นอกจาก ฮาชิมะ เกาะร้างญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแล้ว ญี่ปุ่นยังมีเกาะร้างอีกหลายเกาะ โดยเฉพาะหมู่เกาะโทโมกะชิมะ ประกอบด้วย 4 เกาะร้าง คือ เกาะจิโนะชิมะ, เกาะโทระจิมะ, เกาะคามิชิมะ และเกาะโอคิโนะชิมะ ซึ่งตั้งอยู่ช่องแคบคิตัน แห่งทะเลในเซโตะ จังหวัดวากายามะ ซึ่งในอดีตบริเวณหมู่เกาะแห่งนี้ใช้เป็นที่หลบซ่อนของโจรสลัด และเป็นฐานทัพลับของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีซากปืนใหญ่ ป้อมปราการ อุโมงค์ลับ และอาคารโกดังจัดเก็บอุปกรณ์สงครามที่พรางไปด้วยต้นไม้ต้นหญ้าเขียวรก นอกจากนี้ยังถูกใช้ในการบำเพ็ญตนคัตสึรางิ เพื่อฝึกตนสำหรับการฝึกผนของชูเง็นโดะอีกด้วย ปัจจุบันหมู่เกาะโมโมกะชิมะเป็นเกาะร้างญี่ปุ่นที่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ชอบเดินเขา ปิกนิก แคมป์ปิ้ง และสำรวจธรรมชาติได้เที่ยวชมวิวธรรมชาติที่สวยงามโดยมีเรือข้ามฟากไปกลับให้บริการในราคาที่เริ่มต้น 2,000 เยน
และทั้งหมดนี้คือประวัติความเป็นมา พร้อมเรื่องราวสุดลี้ลับของ “ฮาชิมะ” เกาะร้างญี่ปุ่นสุดหลอน หากคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศการท่องเที่ยวเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น พร้อมทั้งสัมผัสบรรยากาศสุดเฮี้ยนของจริงท่ามกลางซากปรักหักพังของตึกร้าง สามารถจองคิวกับบริษัททัวร์ที่เปิดให้บริการทัวร์เกาะร้าง แต่หากใจยังไม่พร้อม แต่อยากเห็นเกาะฮาชิมะสักครั้ง สามารถชมวิวของเกาะร้างญี่ปุ่นแห่งนี้ได้จากปลายแหลมใต้สุดของท่าเรืองเมืองนางาซากิเมื่อฟ้าเปิด แต่ถ้าไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นสามารถรับชมผ่าน Street View จาก Google Maps ได้ รับรองคุณจะพบกับความหลอนสุดเฮี้ยนเสมือนเหมือนอยู่บนเกาะร้างของจริงอย่างแน่นอน