ชวนรู้จัก รูปปั้นฮาจิโกะ สุนัขแสนซื่อสัตย์ประจำย่านชิบูย่า Cover Page

คนที่รักสุนัขคงทราบกันดีแล้วว่า ลักษณะนิสัยของสุนัขเกือบทุกสายพันธุ์จะคล้ายกันตรงที่มีนิสัยรักเจ้าของ และซื่อสัตย์ โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ของสุนัขถือเป็นลักษะเด่นที่แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับสุนัขที่ต้องบอกว่าเป็นสุดยอดของความซื่อสัตย์ ถึงขนาดที่ต้องสร้างอนุสาวรีย์ให้กันเลยทีเดียว ซึ่งสุนัขตัวที่ว่านี้ ก็คือ ฮาจิโกะ (Hachiko) แห่งชิบูย่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแล้วมีโอกาสเดินทางไปสถานีรถไฟชิบูย่าคงต้องเคยเห็นรูปปั้นฮาจิโกะที่อยู่ตรงทางออกของสถานีรถไฟชิบูย่า (Shibuya) อย่างแน่นอน เพราะรูปปั้นฮาจิโกะเป็นเสมือนจุดนัดพบที่นักท่องเที่ยว นักเดินทาง หรือแม้แต่คนในพื้นที่ใช้ปักหมุดนัดเจอกัน และเป็นจุดเช็คอินเมื่อมาถึงชิบูย่า

 

ยาวไปอยากเลือกอ่าน
+
ฮาจิโกะ สุนัขแสนรู้สายพันธุ์ อาคิตะ อินุ
รูปปั้นฮาจิโกะ สัญลักษณ์และตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์
สิ้นสุดการรอคอย

ฮาจิโกะ สุนัขแสนรู้สายพันธุ์ อาคิตะ อินุ

 

รูปปั้นฮาจิโกะ (Hachiko Statue) Image1

 

กลับมาที่เรื่องราวของ รูปปั้นฮาจิโกะกันดีกว่า คนทั่วไปมักเรียกว่า “ฮาจิโกะ” แต่แท้จริงแล้ว สุนัขตัวนี้ชื่อว่าฮาจิ (Hachi) ส่วนคำว่า “โกะ” แปลว่า รูปปั้น บ้างก็แปลว่า “เจ้าชาย หรือ นายน้อย” ฮาจิโกะ เป็นสุนัขเพศผู้ สายพันธุ์อาคิตะ อินุ (Japanese Akita Inu) สุนัขพันธุ์อาคิตะจัดเป็นสุนัขประจำชาติของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมีถิ่นกำเนิดในเมืองอาคิตะ ภูมิภาคโทโฮคุ ส่วนคำว่า “อินุ” แปลว่า สุนัข  สุนัขพันธุ์อาคิตะเป็นสุนัขขนาดกลาง ข้อดีของสายพันธุ์นี้ คือ เฉลียวฉลาด อดทนต่ออากาศหนาวได้ดี แข็งแรงปราดเปรียว มีพละพลัง กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ รักสะอาด มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ค่อนข้างรักสันโดษ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก และไม่ค่อยเข้าใกล้คนแปลกหน้า ว่ากันว่าในสมัยโบราณสุนัขพันธุ์อาคิตะเคยถูกใช้เป็น สุนัขอารักขาองค์จักรพรรดิ และใช้เป็นสุนัขล่าสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งใช้ในกองทัพอีกด้วย ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้าง คือ ไม่ชอบอากาศร้อน และขี้เบื่อง่าย ส่วนใครที่สนใจอยากเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ ต้องศึกษานิสัยข้อดีข้อเสียให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ สิ่งสำคัญก็คือจะต้องมีกำลังทรัพย์ในการดูแล ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน หรือยามเจ็บป่วยต้องพาไปรักษา, มีเวลาพาสุนัขไปออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ และสามารถฝึกวินัย และการเข้าสังคมให้สุนัขได้ เพื่อลดอาการก้าวร้าวเมื่อพบคนแปลกหน้า  

ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของสุนัขพันธุ์อาคิตะ คือ ความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดีต่อเจ้าของ จนมีวลีที่กล่าวว่า "The Loyal Friend from the Land of the Rising Sun" แปลเป็นไทยว่า "เพื่อนผู้ซื่อสัตย์จากแดนอาทิตย์อุทัย" นี้คือสิ่งยืนยันได้ว่าไม่เพียงเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แม้ในต่างประเทศคนที่เคยเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ต่างยอมรับคุณสมบัติความภักดีของเพื่อน 4 ขากันทั้งสิ้น  

 

รูปปั้นฮาจิโกะ สัญลักษณ์และตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์  

 

รูปปั้นฮาจิโกะ (Hachiko Statue) Image2

 

เรื่องราวของฮาจิโกะ แห่งชิบูย่า เริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1932 มีหนังสือพิมพ์โตเกียว อะซะฮิ-ชิมบุน ของประเทศญี่ปุ่น ได้เผยแพร่สกรู๊ปชีวิตเรื่องราวของสุนัขตัวหนึ่งที่เฝ้ารอการกลับมาของเจ้าของทุกวันที่หน้าสถานีรถไฟชิบูย่า ผ่านบทความ “เรื่องราวของสุนัขที่เศร้าสร้อย” หลังจากนั้นชื่อของฮาจิโกะจึงเป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่น จนนำไปสู่การสร้างภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Hachiko Monogatari ในปี ค.ศ.1987 โดย Kaneto Shindo และยิ่งดังไกลไปถึงระดับโลก เมื่อ Hollywood ได้นำเรื่องราวของรูปปั้นฮาจิโกะไปสร้างเป็นภาพยนตร์ซ้ำอีกครั้ง ในเรื่อง Hachi : a Dog’s Tale ในปี ค.ศ.2009 ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้วทั่วโลก  

หากย้อนเรื่องราวกลับไป  จะเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดรูปปั้นฮาจิโกะ จึงถูกยกย่องในฐานะตัวแทนของความซื่อสัตย์ ฮาจิโกะเกิดในปี ค.ศ.1923 เคยเป็นสุนัขของศาสตราจารย์ฮิเดซาบูโร อุเอโนะ (Hidesaburo Ueno) ศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว (Tokyo Imperial University) ท่านได้นำฮาจิโกะมาเลี้ยงและพาไปอยู่ด้วยกันที่โตเกียว โดยตั้งชื่อว่า “ฮาจิ” ซึ่งแปลว่า เลข 8 หรือ Infinity ซึ่งเป็นเลขมงคลของคนญี่ปุ่น ทุก ๆ วันศาสตราจารย์อุเอโนะจะเดินทางไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยโตเกียว โดยไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบูย่า และมีฮาจิโกะคอยติดตามไปส่งขึ้นรถไฟในตอนเช้า และมารอคอยต้อนรับศาสตราจารย์กลับมาหลังจากเลิกงานตอนบ่ายสามโมงเป็นประจำทุกวัน หลังเลิกงานกลับมาบ้านศาสตราจารย์อุเอโนะจะดูแลฮาจิโกะ หาอาหาร และเป็นเพื่อนเล่น จึงทำให้ฮาจิโกะผูกพันกับศาสตราจารย์อุเอโนะเป็นอย่างมาก

และแล้วเรื่องเศร้าก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ.1925 ศาสตราจารย์อุเอโนะเสียชีวิตอย่างกะทันหันที่มหาวิทยาลัยโตเกียวด้วยอาการเลือดออกในสมอง ในวันนั้นฮาจิโกะยังคงทำหน้าที่ไปต้อนรับการกลับมาของศาสตราจารย์อุเอโนะเหมือนทุกวัน แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นวี่แววของเจ้านายตัวเองจะกลับมา และการรอคอยยังดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน ภายหลังจากศาสตราจารย์อุเอโนะเสียชีวิตลง ครอบครัวของท่านได้ย้ายที่อยู่ไปอยู่ที่อื่นและไม่ได้นำฮาจิโกะไปด้วย ตอนนี้สภาพฮาจิโกะจึงไม่ต่างจาก “โรนิน” หรือซามูไรไร้สังกัดที่ต้องระเหเร่ร่อนพเนจรไปวัน ๆ แต่สิ่งที่ทำให้โลกต้องตะลึง ก็คือ ในทุก ๆ วันฮาจิโกะยังคงกลับมาเฝ้าคอยอยู่ที่สถานีรถไฟชิบูย่า เพราะหวังว่าสักวันเจ้านายจะกลับมา แม้เจ้าหน้าที่รถไฟจะพยายามไล่ให้กลับบ้าน และบอกว่า “เจ้านายของแก เขาไม่กลับมาแล้วนะ”  

 

สิ้นสุดการรอคอย  

 

รูปปั้นฮาจิโกะ (Hachiko Statue) Image3

 

ยิ่งนานวันเข้าภาพของฮาจิโกะที่มานอนเฝ้าหน้าสถานีรถไฟชิบูย่า ก็ยิ่งเป็นภาพที่ชินตาของเหล่าผู้โดยสารรถไฟที่ผ่านไปผ่านมาเป็นประจำ จนเรื่องราวของสุนัขตัวนี้ได้ถูกเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ก็ยิ่งทำให้ผู้คนที่ได้รู้ความจริงยิ่งประทับใจในความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดี จนในปี ค.ศ.1934 มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการอนุสรณ์สถานฮาชิโกะขึ้น ประชาชนชาวญี่ปุ่นได้ตอบแทนความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะ ด้วยการระดมเงินบริจาค ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชาวญี่ปุ่นทั้งในและนอกประเทศ ตั้งแต่เด็กนักเรียนจนถึงคนสูงวัย ร่วมกันสร้างรูปปั้นฮาจิโกะไว้เป็นอนุสรณ์ที่หน้าสถานีรถไฟชิบูย่า บริเวณเดียวกับที่ฮาจิโกะเคยนั่งรอเจ้านายอยู่เสมอ  

ฮาจิโกะ เสียชีวิตลงอย่างสงบ ในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1935 กระดูกถูกนำไปฝังไว้ข้างหลุมศพของศาสตราจารย์อูเอโนะ  ส่วนหนังและขนถูกนำไปสต๊าฟไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติในกรุงโตเกียว ส่วนรูปปั้นฮาจิโกะที่เห็นในปัจจุบันซึ่งตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟชิบูย่า บริเวณ Hachiko exit เป็นรูปปั้นฮาจิโกะ ตัวที่สองซึ่งได้สร้างขึ้นใหม่ ภายหลังจากที่รูปปั้นฮาจิโกะตัวแรกได้รับความเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  และเนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีการจากไปฮาจิโกะ ในปี ค.ศ.2015 คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว ได้สร้างรูปปั้นจำลองฮาจิโกะและศาสตราจารย์อูเอโนะในอิริยาบถที่สุนัขกระโดดสองขาเข้าหาเจ้านายเมื่อได้กลับมาพบกัน เพื่อเป็นเกียรติแก่อดีตพนักงานและสุนัขผู้ซื่อสัตย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ภาควิชาการเกษตรและวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว

 

วันนี้ รูปปั้นฮาจิโกะเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์และภักดีที่มีให้แก่กัน รูปปั้นฮาจิโกะจึงไม่ใช่แค่จุดนัดพบเหมือนในอดีต แต่รูปปั้นฮาจิโกะยังถูกใช้เป็นพื้นที่แสดงสัญลักษณ์แห่งความรักที่มั่นคง มีหนุ่มสาวที่มาสัญญาว่าจะรักกันให้ยืนนานเหมือนกับฮาจิโกะที่ไม่เคยเปลี่ยนไป พื้นที่บริเวณโดยรอบมีงานศิลปะที่เชื่อมโยงไปถึงฮาจิโกะไม่ว่าจะเป็นโมเสกหลากสีบนกำแพงด้านหน้าประตู Hachiko Exit บริเวณฝาท่อใกล้ตัวรูปปั้นฮาจิโกะ รวมถึงรอยอุ้งเท้าสุนัขบริเวณพื้นทางเดินรถไฟใต้ดิน ราวกับว่าจะบอกว่าฮาจิโกะยังคงเดินมาที่สถานีรถไฟชิบูย่าทุกวันเพื่อรอรับเจ้านายกลับบ้าน และยังมีสินค้าที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับสุนัข เช่น ช็อกโกแลตฮาชิโกะ เค้กฮาชิโกะ หรือตุ๊กตาสำหรับสุนัขไว้เป็นที่ระลึกเพื่อไม่ให้ทุกคนหลงลืม เจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ตัวนี้

Powered by