หากให้พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันไปทั่วโลกของเกาหลี ชื่อของพระราชวังเกาหลี อย่างพระราชวังคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) คือหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน พระราชวังในเกาหลีแห่งนี้เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่นที่สุดในบรรดาพระราชวังเกาหลีที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ พระราชวังอันโดดเด่นแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศเกาหลี ที่ให้เราได้สามารถสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคโชซอนรวมไปถึงพิธีกรรมของราชวงศ์ได้เป็นอย่างดี และวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) มรดกแห่งเกาหลีใต้ กันให้มากขึ้นค่ะ
ข้อมูลทั่วไปของพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
สถานที่และกิจกรรมที่น่าสนใจภายในพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
การเดินทางมายังพระราชวังเคียงบกกุง
ค่าธรรมเนียมการเข้าชมพระราชวังเคียงบกกุง
ข้อมูลทั่วไปของพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพระราชวังเหนือ (Northern Palace) เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของพระราชวังนั้นอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือมากที่สุดเมื่อเทียบกับพระราชวังชางด็อกกุง (พระราชวังตะวันออก) และคยองฮีกุง (พระราชวังตะวันตก) ที่อยู่ใกล้เคียง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัสกวางฮวามุน เป็นพระราชวังหลักที่ถูกสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในราชวงศ์โชซอน มีขนาดใหญ่และงดงามมากที่สุดของพระราชวังทั้ง 5 ในกรุงโซล พระราชวังเคียงบกกุงอยู่ในฐานะของพระราชวังหลักแห่งราชวงศ์โชซอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1592 ถึงปี ค.ศ. 1598 โดยประกอบไปด้วยอาคารมากกว่า 300 หลังภายในพระราชวัง รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติ (National Folk Museum) และพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติเกาหลี (National Palace Museum of Korea) ซึ่งพระราชวังเคียงบกกุงแห่งนี้เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำหรับการท่องเที่ยวในกรุงโซลและเกาหลีใต้ที่ห้ามพลาด นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจบริเวณพระราชวังโดยรอบและตื่นตาตื่นใจไปกับเศษซากปรักหักพังรวมไปถึงอาคารที่ยังคงหลงเหลืออยู่แห่งราชวงศ์โชซอนได้อย่างใกล้ชิด และยังสามารถเช่าชุดฮันบกเพื่อถ่ายรูปกันได้อีกด้วย
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) เป็นพระราชวังแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โชซอนในปี ค.ศ. 1395 โดยพระเจ้าแทโจ (Taejo) ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกและผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นหลังจากที่ราชวงศ์โชซอนก่อตั้งขึ้นได้ 3 ปี โดยมีภูเขา Bugak เป็นฉากหลัง และมีประตู Gwanghwamun เป็นทางเข้าหลักของพระราชวัง เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซลของเกาหลีใต้ ซึ่งในสมัยของพระเจ้าแทโจนั้นได้มีการก่อสร้างพระราชวังขยายออกไปเรื่อย ๆ แต่ในระหว่างการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่นหรือสงครามอิมจินในช่วงปี ค.ศ. 1592 - 1598 พระราชวังเคียงบกกุงได้ถูกเผาทำลายอันเนื่องมาจากความโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อราชสำนักและพระราชวงศ์ของกษัตริย์ซอนโจ ที่ได้มีการอพยพลี้ภัยสงครามออกจากกรุงโซล จึงทำให้พระราชวังเคียงบกกุงถูกทิ้งร้างกลายเป็นซากปรักหักพัง และได้มีการย้ายราชสำนักไปที่พระราชวังหลักแห่งใหม่ ได้แก่ พระราชวังชางด็อกกุง ในเวลาต่อมา
หลังจากถูกทิ้งร้างเป็นเวลาถึง 273 ปี พระราชวังเคียงบกกุงได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1867 ภายใต้การนำของ Yi Ha-eung ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของราชวงศ์โชซอนในช่วงนั้น ทำให้พระราชวังแห่งนี้ประกอบไปด้วยอาคารขนาดใหญ่ถึงกว่า 330 หลัง และห้อง 5,792 ห้อง บนพื้นที่ 432,703 ตารางเมตร แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 1894 พระราชวังเคียงบกกุงถูกชาวญี่ปุ่นเข้ายึดครองในเหตุการณ์ที่เรียกว่า การยึดครองพระราชวังเคียงบกกุงของญี่ปุ่นหรือเหตุการณ์กาโบ ที่ได้มีการบังคับให้พระเจ้าโคจงจัดตั้งรัฐบาลที่สนับสนุนญี่ปุ่น และในปี ค.ศ. 1895 จักรพรรดินีมยองซองในพระเจ้าโคจงได้ถูกลอบสังหารโดยสายลับชาวญี่ปุ่น จึงทำให้พระเจ้าโคจงเสด็จออกจากพระราชวังแห่งนี้และไม่เคยกลับมาอีกเลย
ในช่วงปี ค.ศ. 1911 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองเกาหลี จักรวรรดิญี่ปุ่นได้มีการรื้อถอนอาคารทั้งหมดภายในพระราชวังยกเว้นอาคาร 10 หลัง และได้มีการสร้างอาคารรัฐบาลกลางของญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าอาคารหลักเพื่อเป็นการทำลายสัญลักษณ์และมรดกของราชวงศ์โชซอน นอกจากนี้ยังได้มีการย้ายประตูหลักควางฮวามุนและประตูทิศใต้ของพระราชวังออกไปทางด้านทิศตะวันออก ทำให้โครงสร้างไม้ของประตูหลักควางฮวามุนเกิดความเสียหายทั้งหมด ซึ่งในช่วงนี้จักรวรรดิญี่ปุ่นได้มีการใช้พื้นที่ของพระราชวังในการงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ โดยอาคารที่รอดพ้นจากการรื้อถอนทำลายได้แก่ Geunjeongjeon, Gyeonghoeru Pavilion, Hyangwonjeong Pavilion, Jagyeongjeon Hall, Jibokjae Hall, Sajeongjeon Hall และ Sujeongjeon Hall
ต่อมาในปี ค.ศ. 1989 รัฐบาลเกาหลีได้ริเริ่มโครงการฟื้นฟูพระราชวัง เพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างหลายร้อยแห่งที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่ในช่วงที่เกาหลีตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น ได้มีการรื้อถอนอาคารรัฐบาลกลางของญี่ปุ่นออกไปแล้วสร้างประตูฮึงแนมุน (Heungnyemun Gate) และระเบียงทางเดินขึ้นมาใหม่ โดยทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้มีแผนการบูรณะพระราชวังเคียงบกกุงในระยะยาว เพื่อให้กลับมาสู่สภาพเดิมที่สมบูรณ์ในที่สุด ในปัจจุบันพระราชวังเคียงบกกุงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศเกาหลีใต้และราชวงศ์โชซอน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่และกิจกรรมที่น่าสนใจภายในพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
พระที่นั่งคึนจองจอน (Geunjeongjeon)
อาคารซึ่งเป็นที่ประทับหลักของกษัตริย์ ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1935 พร้อมกับการสร้างพระราชวังในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์แทโจแห่งโชซอน (Taejo of Joseon) ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ที่ตั้งอยู่บนแท่นหิน 2 ชั้นซึ่งอยู่บริเวณใจกลางของลานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ภายในพระราชวัง ประดับประดาไปด้วยประติมากรรมจำนวนมากที่แสดงภาพสัตว์ในจินตนาการ เช่น มังกร และนกฟีนิกซ์ ภายในพระที่นั่งประกอบไปด้วยทางเดินและห้องทั้งหมด 14 ห้อง ภายในมีห้องบรรทม และห้องสำหรับเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก มีท้องพระโรงเพื่อออกว่าราชการและพบปะเหล่าคณะทูตจากที่ต่าง ๆ รวมไปถึงประกาศวาระสำคัญแห่งชาติและจัดพิธีการสำคัญ โดยพระที่นั่งแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติเกาหลีหมายเลข 223
ศาลาคยองโฮรู (Gyeonghoeru Pavilion)
อาคาร 2 ชั้นที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้และหิน ตั้งอยู่กลางทะเลสาบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ที่สวยงามท่ามกลางธรรมชาติ ใช้สำหรับจัดงานเลี้ยงและพิธีการสำคัญต่าง ๆ ของราชวงศ์โชซอน ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติเกาหลีในลำดับที่ 224 ศาลาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ 1412 ซึ่งเป็นปีที่ 12 ในรัชสมัยของพระเจ้าแทจง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน ตัวอาคารไม้ตั้งอยู่บนยอดเสาหินขนาดใหญ่ 48 ต้นที่มีบันไดไม้เชื่อมต่อระหว่างชั้น 2 กับชั้น 1 บริเวณขอบด้านนอกของศาลารองรับด้วยเสาสี่เหลี่ยมในขณะที่เสาด้านในเป็นรูปทรงกระบอกตามแนวคิดของหยินและหยาง และได้ตกแต่งเสาด้วยรูปปั้นมังกรที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่รายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้ถูกทำขึ้นมาหลังจากการสร้างอาคารใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 19 มีสะพานหินที่เชื่อมต่อศาลากับบริเวณพระราชวังโดยที่มุมของราวบันไดจากประดับประดาไปด้วยประติมากรรมรูปสัตว์ของทั้ง 12 นักษัตร
ศาลาฮยางวอนจอง (Hyangwonjeong Pavilion)
ศาลาหกเหลี่ยม 2 ชั้นขนาดเล็กที่สร้างขึ้นในช่วงประมาณปี 1873 ตามคำสั่งของพระเจ้าโคจง (Gojong) ถูกสร้างขึ้นบนเกาะเทียมของทะเลสาบ Hyangwonji ในเขตพระราชฐานชั้นใน ชื่อของศาลาฮยางวอนจองนั้นมีความหมายว่า “ศาลาแห่งการเข้าถึงกลิ่นหอมอันไกลโพ้น” ซึ่งบริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบที่ใช้สร้างศาลานั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะต้นซากุระ โดยมีสะพานไม้ชวีฮยางกโย (Chwihyanggyo Bridge) ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในสมัยนั้นเชื่อมต่อตัวศาลากับบริเวณพระราชวัง ซึ่งเดิมทีสะพานไม้แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบริเวณด้านทิศเหนือของเกาะแต่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามเกาหลี และได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทางด้านทิศใต้ และต่อมาในปี ค.ศ. 2019 จึงได้มีการย้ายสะพานกลับไปอยู่ทางด้านทิศเหนือเช่นเดิม ศาลาแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งงดงามมากที่สุดในพระราชวังเลยทีเดียว
พระที่นั่งซาจอนจอง (Sajeongjeon Hall)
เป็นพระที่นั่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางด้านหลังของพระที่นั่งคึนจองจอน (Geunjeongjeon) ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1395 พร้อมกับการสร้างพระราชวัง และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1867 หลังจากได้รับความเสียหายในช่วงการรุกรานของเกาหลีหรือสงครามอิมจิน โดยคำว่า Sajeongjeon หมายถึง“การคัดเลือกความคิด” ในภาษาเกาหลี ซึ่งที่นี่ถูกใช้เป็นที่ทรงงานของกษัตริย์และจัดประชุมขุนนางระดับสูงในสมัยราชวงศ์โชซอน และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติแห่งชาติเกาหลีหมายเลข 1759 ในปี ค.ศ. 2012
พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ (National Palace Museum of Korea)
สถานที่จัดแสดงโบราณวัตถุและประวัติศาสตร์ของราชวงศ์โชซอน ที่รวบรวมมาจากพระราชวังหลวงทั้ง 5 แห่งของราชวงศ์โชซอน นำมาจัดแสดงเอาไว้ถึงกว่า 40,000 ชิ้น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) แบ่งออกได้เป็น 2 ชั้นและมีชั้นใต้ดิน จัดแสดงเกี่ยวกับศิลปะ พิธีกรรม วิถีชีวิต ของราชวงศ์โชซอน รวมไปถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสมัยราชวงศ์โชซอน ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของสะสมต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum)
ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของพระราชวัง เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปวัฒนธรรมและสิ่งประดิษฐ์ รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันของชาวเกาหลีในอดีต แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง การเกษตร ความเชื่อและวัฒนธรรม ตั้งแต่ในช่วงก่อนประวัติศาสตร์จนถึงช่วงสุดท้ายของราชวงศ์โชซอน ภายในพิพิธภัณฑ์มีโซนที่เรียกว่า Children’s Museum ที่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และสนุกสนานไปกับกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวเกาหลีได้อย่างไม่น่าเบื่อ
พิธีเปลี่ยนเวรยาม (Gyeongbok Palace Royal Guard – Changing Ceremony)
จัดขึ้นที่ประตูหลักควางฮวามุน (Heungnyemun Gate) เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในพระราชวังสมัยโชซอนกันเลยทีเดียว โดยที่นักท่องเที่ยวสามารถเช่าชุดฮันบกที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมาเก็บภาพสวย ๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศกันได้อีกด้วย
การเดินทางมายังพระราชวังเคียงบกกุง
สามารถเดินทางมายังพระราชวังโดยรถไฟใต้ดินสาย 3 (Seoul Subway Line 3) มาลงที่สถานี Anguk Station ทางออกที่ 1 หรือสถานี Gyeongbokgung Palace Station ทางออก 5 หรือเดินทางโดยรถไฟใต้ดินสาย 5 (Seoul Subway Line 5) มาลงที่สถานี Gwanghwamun Station ทางออก 1 แล้วเดินต่อมาอีกประมาณ 400 เมตร
ค่าธรรมเนียมการเข้าชมพระราชวังเคียงบกกุง
ค่าธรรมเนียมแรกเข้าในการเข้าชมพระราชวังสำหรับผู้เข้าชมที่มีอายุ 19 - 64 ปี จะอยู่ที่ราคา 3,000 วอนต่อคน และราคา 2,400 วอนสำหรับผู้เข้าชมเป็นกลุ่ม 10 คนขึ้นไป ผู้เข้าชมอายุ 7-18 ปีมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 1,500 วอนต่อคน และ 1,200 วอนสำหรับกลุ่ม 10 คนขึ้นไป โดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปีและมีอายุมากกว่า 65 ปีสามารถเยี่ยมชมพระราชวังได้ฟรี นอกจากนี้ในช่วงวันพุธสุดท้ายของเดือน นักท่องเที่ยวที่ใส่ชุดฮันบอกสามารถเข้าเยี่ยมชมพระราชวังได้ฟรีอีกด้วย
เรียกได้ว่าพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเกาหลีใต้กันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้เราได้ตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของพระราชวัง รวมไปถึงวัฒนธรรมและประเพณีของเกาหลีในสมัยโชซอนกันแล้ว ยังสามารถใส่ชุดฮันบกเพื่อถ่ายรูปสวย ๆ เพื่อเก็บภาพความประทับใจ ให้เราได้รู้สึกเหมือนกับหลุดเข้าไปอยู่ในยุคโชซอนกันเลยทีเดียวค่ะ