1 ใน 5 พระราชวังเกาหลีแห่งราชวงศ์โชซอนในกรุงโซลที่มีชื่อเสียง นอกจากพระราชวังเคียงบกกุงซึ่งเป็นพระราชวังหลวงแห่งแรกของราชวงศ์โชซอนแล้ว พระราชวังหลักแห่งที่ 2 อย่างพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระราชวังที่มีความสวยงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นพระราชวังในเกาหลีที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดของกษัตริย์แห่งโชซอนมาหลายพระองค์ และยังเป็นพระราชวังเกาหลีที่ได้รับความเสียหายน้อยที่สุดในบรรดาพระราชวังโชซอนทั้ง 5 แห่ง ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ในยุคโชซอน รวมไปถึงสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้พระราชวังชางด็อกกุงยังมีชื่อเสียงในเรื่องของสวนลับหรือสวนต้องห้ามที่เรียกว่าสวนฮูวอน (Huwon) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนพระราชวังชางด็อกกุงกันอีกด้วย เราจึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) แห่งราชวงศ์โชซอนมาฝากกันค่ะ
ข้อมูลทั่วไปของพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
สถานที่และสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจภายในพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
การเดินทางและการเยี่ยมชมพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
ข้อมูลทั่วไปของพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
พระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) มีความหมายตามตัวอักษรในภาษาเกาหลีว่า "พระราชวังแห่งความเจริญรุ่งเรือง" ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเขตจองโน (Jongno) กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ พระราชวังแห่งนี้เป็นหนึ่งในพระราชวังทั้ง 5 ที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอนภายในกรุงโซล ซึ่งได้มีการปกครองอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1392–1897 และเนื่องจากพระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังเคียงบกกุงและพระราชวังชางคยองกุง จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าพระราชวังตะวันออก (East Palace) ซึ่งพระราชวังชางด็อกกุงได้รับความสำคัญตั้งแต่ในสมัยของพระเจ้าซองจง กษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์โชซอน จากนั้นก็ได้กลายเป็นที่ประทับของกษัตริย์อีกหลายพระองค์ ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ก็ได้ถูกทำลายลงในช่วงสงครามอินจินเมื่อปี ค.ศ. 1592 ด้วยเช่นกัน โดยในปัจจุบันยังคงมีโครงสร้างดั้งเดิมก่อนที่จะถูกทำลายประมาณ 30% ที่ยังคงอยู่รอด และได้กลายมาเป็นสมบัติของชาวเกาหลีมานานหลายศตวรรษ บริเวณที่มีชื่อเสียงคือสวนด้านหลังห้องโถงใหญ่ที่เรียกกันว่าสวนลับหรือสวนฮูวอน (Huwon) ซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตามธรรมชาติโดยถูกรบกวนจากฝีมือมนุษย์น้อยที่สุด เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมภายในพระราชวังที่มีความสวยงามมากโดยเฉพาะการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
พระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) เป็นพระราชวังแห่งที่ 2 ที่สร้างโดยราชวงศ์โชซอนก่อสร้างหลังจากพระราชวังเคียงบกกุงโดยพระเจ้าแทจงแห่งโชซอน (Taejong of Joseon) ที่ได้มีการใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังหลักแทนที่พระราชวังเคียงบกกุง เนื่องจากพระองค์ได้ทรงสังหารพี่น้องต่างมารดาทั้งหลายในพระราชวังเคียงบกกุงเพื่อแย่งชิงอำนาจนั่นเอง การก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1405 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1412 โดยในรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซอน (Seonjo of Joseon) กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์โชซอน ได้ทำการขยายพื้นที่พระราชวังออกไปอีกประมาณ 500,000 ตารางเมตร รวมทั้งสร้างสวนฮูวอน (Huwon) ขึ้นมาด้วย
ในช่วงสงครามอิมจินที่เกาหลีถูกรุกรานโดยจักรวรรดิญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1592 ซึ่งเป็นปีที่ฉลองครบรอบ 200 ปีแห่งการสถาปนาราชวงศ์ ขุนศึกชาวญี่ปุ่นนามว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) เป็นผู้นำในการเข้ารุกรานเกาหลี ซึ่งสงครามนี้กินเวลายาวนานถึง 7 ปี พร้อมกับการเผาทำลายพระราชวังต่าง ๆ ที่อยู่ในกรุงโซล ซึ่งพระราชวังชางด็อกกุงนั้นได้ถูกเผาทำลายลงด้วยเช่นกัน และเมื่อสงครามสิ้นสุดลงพระราชวังแห่งนี้ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1609 โดยพระเจ้าซ็อนโจและองค์ชายควังแฮกุน แต่หลังจากนั้นไม่นานพระราชวังแห่งนี้ก็ถูกไฟไหม้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1623 เนื่องจากเหตุจราจลอันเกิดจากความไม่พอใจของขุนนางที่มีต่อเจ้าชายควังแฮกุนและได้ทำการเข้ายึดอำนาจ พร้อมทั้งสถาปนาองค์ชายนึงยางขึ้นเป็นพระเจ้าอินโจ (Injo of Joseon) กษัตริย์รัชกาลที่ 16 แห่งราชวงศ์โชซอน และเนรเทศองค์ชายควังแฮกุนไปยังเกาะคังฮวา พระราชวังแห่งนี้ยังถูกโจมตีอีกครั้งโดยราชวงศ์ชิงที่นำโดยชาวแมนจู
พระราชวังชางด็อกกุงถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ ที่ว่าราชการ พระราชสำนัก และที่ทำงานของขุนนางถึงปี ค.ศ. 1868 จนกระทั่งพระราชวังเคียงบกกุงซึ่งเป็นพระราชวังหลวงแห่งแรกได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิเกาหลี โดยสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจงได้ทรงประทับอยู่ที่พระราชวังชังด็อกเรื่อยมาจนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1926 โดยที่บริเวณต่าง ๆ ของพระราชวังก็ยังคงถูกใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์ต่อมาจนถึงปี ค.ศ. 1989 ในปัจจุบันยังคงมีอาคารดั้งเดิมที่หลงเหลืออยู่ 13 หลังภายในเขตพระราชวัง และมีศาลาทั้งหมด 28 หลังอยู่ในสวนครอบคลุมพื้นที่ 110 เอเคอร์ หรือประมาณ 280 ไร่ พระราชวังถูกกำหนดให้เป็นสมบัติแห่งชาติเกาหลีหมายเลข 122 และได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997
สถานที่และสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจภายในพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
สวนฮูวอน (Huwon)
สวนของพระราชวังที่อยู่ทางด้านหลังห้องโถงด้านในซึ่งถูกเรียกว่าสวนลับ สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าแทจง ถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนของสมาชิกในราชวงศ์ สวนแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า Bugwon และ Geumwon แต่ภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Biwon Garden หรือ Secret Garden หลังจากที่พระเจ้าโคจงขึ้นครองราชย์ พื้นที่ภายในสวนได้รับการดูแลให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยมีสถานที่หลายแห่งตั้งอยู่ภายในสวนเช่น ศาลา Buyongjeong, สระน้ำ Buyongji, ศาลา Juhamnu, ประตู Eosumun, ห้องโถง Yeonghwadang, ประตู Bullomun, ศาลา Aeryeonjeong และห้องโถง Yeongyeongdang ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในการชมสวนคือช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง เป็ฯไฮไลท์ที่ใครได้มาในช่วงนี้รับรองว่าจะประทับใจสุดๆ เลยล่ะ
ประตูทงฮวามุน (Donhwamun Gate)
ประตูหลักของพระราชวังชางด็อกกุง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1412 ประตูใช้โครงสร้างไม้แบบศาลา 2 ชั้น เป็นประตูที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในบรรดาประตูทั้งหมดของพระราชวัง ประตูแห่งนี้ถูกไฟไหม้ระหว่างการรุกรานของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1592 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1608
พระที่นั่งอินจอง (Injeongjeon Hall)
เป็นห้องโถงหลักของพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeonkgung Palace) ถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับว่าราชการ รวมไปถึงพิธีสำคัญต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์องค์ใหม่ และพิธีต้อนรับทูตต่างประเทศ เดิมทีถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1405 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกคือในปี ค.ศ. 1610 หลังจากถูกไฟไหม้ระหว่างสงครามอิมจินในปี ค.ศ. 1592 และครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1804 หลักจากถูกไฟไหม้
พระที่นั่งซอนจอง (Seonjeongjeon Hall)
ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับส่งงานของกษัตริย์และขุนนาง รวมไปถึงการประชุมกับขุนนางระดับสูง เดิมมีชื่อว่าพระที่นั่งโชกเยชอง (Jogyecheong Hall) แต่ด้วยความที่ตัวอาคารนั้นมีขนาดเล็กจึงทำให้ไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานจึงได้มีการย้ายไปทำงานที่พระที่นั่งฮีจอง (Huijeongdang Hall) แทน ตัวอาคารเดิมถูกเผาและได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากในช่วงสงครามอิมจิน และได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่ โดยถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติหมายเลข 814 ในปี ค.ศ. 1985
พระที่นั่งฮีจอง (Huijeongdang Hall)
เดิมที่ถูกใช้เป็นห้องบรรทมของกษัตริย์ และได้ถูกใช้เป็นที่ทรงงานแทนพระที่นั่งซอนจอง (Seonjeongjeon Hall) ที่มีพื้นที่คับแคบจนเกินไปสำหรับการทำงานของเหล่าขุนนาง แต่ถูกเผาทำลายลงในปี ค.ศ. 1917 และได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยโครงสร้างที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงอันเนื่องมาจากอิทธิพลของตะวันตก ซึ่งมีการใช้ทั้งพื้นไม้ พรม หน้าต่างกระจก และโคมไฟระย้า พระที่นั่งแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติแห่งชาติเกาหลีหมายเลข 815 ในปี ค.ศ. 1985
ศาลาจูฮัมนู (Juhamnu Pavilion)
หนึ่งในสามของศาลาพระราชวังที่สร้างขึ้นรอบ ๆ สระบูยงจิในสวนด้านหลังของพระราชวังชางด็อกกุง เป็นอาคาร 2 ชั้นที่สร้างขึ้นในสวนด้านหลังของพระราชวังเพื่อเป็นที่เก็บงานเขียนของกษัตริย์และใช้เป็นหอสมุดของราชวงศ์ โดยทั่วไปแล้วศาลาแห่งนี้ถือเป็นเวทีหลักในการปฏิรูปการเมืองของกษัตริย์จองโจ และการฟื้นฟูศิลปวิทยาทางวัฒนธรรมของโชซอน อีกทั้งยังเป็นสถานที่สอบราชการที่หน้าพลับพลาเฉพาะพระพักตร์ในโอกาสพิเศษอีกด้วย
สะพานกึมชองโย (Geumcheongyo Bridge)
เป็นสะพานหินเก่าแก่ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1411 สร้างขึ้นพาดผ่านอยู่บนลำธารซึ่งไหลผ่านระหว่างประตูทงฮวามุน (Donhwamun Gate) และประตูชินซอนมุน (Jinseonmun) ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์การแบ่งเขตทางเข้าสู่เขตพระราชฐานในพระราชวัง เป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงเทคนิคและรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่งดงามในสมัยโชซอนได้เป็นอย่างดี และถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติเกาหลีหมายเลข 1762 เมื่อปี ค.ศ. 2012
พระตำหนักแทโจ (Daejojeon Hall)
ใช้เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์และราชินีแห่งราชวงศ์โชซอน คำว่า Daejo ยังหมายถึง 'ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่' ซึ่งหมายถึงการประสูติของเจ้าชายที่ชาญฉลาด หลังจากถูก เผาทำลายในปี ค.ศ 1917 พระตำหนักแห่งนี้ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่โดยวัสดุที่นำมาจากพระตำหนักในพระราชวังเคียงบกกุง และถูกใช้เป็นที่ประทับของราชินีองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โชซอน
การเดินทางและการเยี่ยมชมพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเยี่ยมชมพระราชวังแห่งนี้ สามารถเดินทางมายังพระราชวังชางด็อกกุง โดยรถไฟใต้ดินสาย 3 มาลงที่สถานีอันกุกทางออกที่ 3 แล้วเดินต่อไปทางทิศตะวันออกประมาณ 300 เมตร ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ (อายุ 25-64 ปี) 3,000 วอน ค่าเข้าชมเป็นกลุ่ม (มากกว่า 10 คน คน) อยู่ที่ 2,400 วอน การเข้าชมสวนฮูวอนหรือสวนลับมีพื้นที่จำกัดและต้องเดินทางพร้อมไกด์ โดยมีค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ (อายุ 25-64 ปี) 8,000 วอน, กลุ่มตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป 7,400 วอน, เด็กและวัยรุ่น (อายุ 7-18 ปี) 2,500 วอน, ผู้ใหญ่ (อายุ 19-24 ปี) และผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี 5,000 วอน และเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี เข้าชมฟรี
เรียกได้ว่าพระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) นั้นมีความสวยงามและน่าสนใจไม่แพ้พระราชวังเคียงบกกุงกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะเป็นพระราชวังหลักแห่งที่ 2 ที่ถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งโชซอนมาหลายรัชกาล นอกจากนี้จุดเด่นของพระราชวังอย่างสวนลับฮูวอน (Huwon) ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงาม และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนที่มีความงดงามเป็นอย่างมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกันอีกด้วย สำหรับใครที่ชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ต้องบอกเลยว่าพระราชวังชางด็อกกุงนั้นเป็นสถานที่ๆ ไม่ควรพลาดค่ะ