หากติดตามข่าวสารการเดินทางท่องเที่ยวประเทศลาว คุณอาจจะเคยได้ยินมาว่าปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงลาวนั้นเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ที่สำคัญรถไฟความเร็วสูงลาวเชื่อมต่อกับเมืองสำคัญๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในประเทศ สายแบกเป้คงเฝ้ารอวันที่จะขึ้นรถไฟความเร็วสูงกันสักครั้งในชีวิต แถมไม่ต้องถ่อสังขารไปไกลถึงญี่ปุ่น คุณก็มีโอกาสเปิดประสบการณ์ใหม่กับรถไฟความเร็วสูงได้แล้วที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรานี่เอง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูงลาว
รถไฟความเร็วสูงลาว – จีนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งถือว่าเป็นรถไฟขบวนแรกในประเทศลาว รถไฟจากเวียงจันทน์ไปบ่อเต็นใช้เวลาเพียง 3.5 ชั่วโมง
รถไฟความเร็วสูงลาวเริ่มก่อสร้างในเดือนธันวาคม 2559 ด้วยมูลค่ากว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและถือเป็นโครงการรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ว่าได้
เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างลาวและจีนนั้นน่าสนใจมากๆ สำหรับสายแบกเป้ เพราะด้วยรถไฟความเร็วสูง นักเดินทางสามารถไปยังชายแดนจีนได้โดยใช้เวลาน้อยกว่า 4 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับเวลาปกติ 15 ชั่วโมงโดยรถยนต์
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ เส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาวถือเป็นก้าวสำคัญในการเริ่มต้นเครือข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย ซึ่งในอนาคตจะมีเส้นทางที่ครอบคลุมในหลายประเทศ โดยตั้งต้นจากคุนหมิงไปลาวและสุดท้ายคือกรุงเทพฯ ส่วนเส้นทางตะวันตกจะทอดยาวผ่านพม่าและไทย เส้นทางตะวันออกจะข้ามเวียดนาม กัมพูชา และไทย ก่อนเชื่อมต่อที่กรุงเทพฯ และขยายไปทางใต้สู่มาเลเซียและสิงคโปร์
รายละเอียดการให้บริการรถไฟความเร็วสูงลาว
รถไฟความเร็วสูง ปัจจุบันมีรถไฟ 2 ประเภทที่ให้บริการในเส้นทางภายในประเทศลาวดังต่อไปนี้
รถไฟด่วน เป็นรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งด้วยความเร็วสูงถึง 160 กม./ชม. หากเทียบกับในสมัยก่อน การนั่งรถอาจใช้เวลาถึง 1 วันเลยทีเดียว แต่หากคุณหันมาใช้รถไฟความเร็วสูง การเดินทางจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางจะใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง โดยรถไฟจะจอดที่สถานีหลักดังต่อไปนี้เท่านั้น
- เวียงจันทน์
- วังเวียง
- หลวงพระบาง
- เมืองไช
- นาทวย
- บ่อเต็น
รถไฟท้องถิ่น รถไฟประเภทนี้จะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. โดยจะหยุดทุกสถานีและตั๋วจะมีราคาถูกกว่า ปัจจุบันอาจจะมีบางสถานีที่ยังไม่เปิดให้บริการ
รูปแบบรถไฟที่ให้บริการ
รถไฟความเร็วสูงลาว C81 ถึง C84 จะเป็นรถไฟที่ผลิตในจีน 8 คัน ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม. ประกอบไปด้วยตู้ชั้น 1 ตู้จัดเลี้ยง ตู้โดยสารธรรมดา ส่วนรถไฟท้องถิ่นจะเป็นรุ่น K11/K12 เป็นรถไฟธรรมดาชั้น 2 เท่านั้น ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. และเป็นห้องโดยสารแบบปรับอากาศ ภายในรถไฟจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ เช่น ห้องน้ำ ที่เสียบชาร์จไฟ รวมไปถึงอาจจะมีรถเข็นขายน้ำและอาหารด้วยในบางขบวน
การตรวจรักษาความปลอดภัย
ที่สถานีเวียงจันทน์จะมีจุดตรวจรักษาความปลอดภัยก่อนเข้าสู่สถานี โดยห้ามพกพาอาวุธและของมีคม เช่น มีด เจลแอลกอฮอล์ ยาไล่แมลง และผลิตภัณฑ์ที่ติดไฟได้ หลังจากผ่านจุดเข้าแล้วจะมีการตรวจสอบตั๋วบนชานชาลาก่อนขึ้นรถไฟ
สถานี
สามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มสำหรับการเดินทางก่อนเข้าสถานีได้ หลังผ่านจุดตรวจความปลอดภัยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ที่นั่งรอ โดยสถานีหลักเวียงจันทน์จะอยู่ห่างใจกลางเมืองราวๆ 14 กม. หรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 30 นาที ส่วนสถานีหลวงพระบางจะอยู่ห่างจากตัวเมืองราวๆ 12 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีด้วยรถแท็กซี่
การขึ้นรถไฟและสัมภาระ
ควรไปรอขึ้นรถไฟล่วงหน้า 30 นาทีก่อนออกเดินทาง ผู้โดยสารจะได้รับอนุญาตให้นำสัมภาระติดตัวได้มากขึ้นหากโดยสารรถไฟท้องถิ่น K11/K12 แต่สำหรับรถไฟความเร็วสูงจะมีการจำกัดน้ำหนักสัมภาระผู้โดยสาร 20 กิโลกรัมต่อคน
ประเภทที่นั่ง
สำหรับผู้ที่ใช้บริการรถไฟความเร็วสูงจะสามารถเลือกซื้อที่นั่งได้ 2 แบบคือ แบบชั้น 1 (First Class) ที่นั่งจะเป็นแบบ 2x2 มีพื้นที่วางขาพอสมควร ทำให้นั่งเหยียดขาได้สบาย ส่วนที่นั่งแบบชั้น 2 (Second Class) จะเป็นแบบ 3×2 แถว ดังนั้นที่นั่งจะแคบและเล็กกว่าชั้น 1
การซื้อตั๋ว
วิธีการซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงลาวอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย เพราะไม่มีการขายตั๋วทางออนไลน์ และจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าเพียง 3 วันเท่านั้น วิธีการซื้อตั๋วหลักๆ มีดังนี้
- ซื้อตั๋วผ่านสำนักงานขายตั๋ว ปัจจุบันจะมีสำนักงานขายตั๋วแค่ในเวียงจันทน์และหลวงพระบาง นักเดินทางสามารถซื้อตั๋วจากห้องขายตั๋วที่ห้างสรรพสินค้าเวียงจันทน์เซ็นเตอร์ได้ แต่ปัญหาคือ เรื่องการชำระเงิน เพราะที่นี่บังคับใช้การชำระเงินผ่าน One pay เท่านั้น
- ซื้อตั๋วที่สถานี สามารถซื้อตั๋วที่สถานีได้ แต่ต้องใช้หนังสือเดินทางและมีหลักฐานการฉีดวัคซีน ต้องชำระเป็นเงินสดและเป็นเงินกีบเท่านั้น
- ซื้อตั๋วผ่านตัวแทนจำหน่าย สำหรับนักเดินทางที่อยากจองล่วงหน้าและไม่อยากปวดหัวกับระบบการชำระเงิน สามารถใช้บริการจากบริษัททัวร์ ซึ่งเป็นตัวแทนขายตั๋ว (แบบไม่เป็นทางการ) จะมีการบวกค่าบริการ แต่ก็เป็นวิธีที่สะดวก
[ ทำความรู้จักกับ คำศัพท์ภาษาลาวเบื้องต้น ที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยว ]
แม้จะอยากนั่งรถไฟความเร็วสูงลาวขนาดไหน แต่ด้วยระบบการจำหน่ายตั๋วที่เป็นปัญหา ก็อาจจะทำให้การวางแผนการเดินทางสะดุดลงได้ ดังนั้นแนะนำว่าอย่าไปเสี่ยงซื้อตั๋วที่หน้างาน บางครั้งการยอมจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับที่นั่งบนรถไฟให้กับตัวแทนจำหน่ายก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ช่วยทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้ตั๋วสำหรับรถไฟความเร็วสูงอย่างแน่นอน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ควรเลือกตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวซึ่งจะทำให้คุณสบายใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว