เมืองมรดกโลก สเปน-โปรตุเกส พระราชวังหลวงแห่งมาดริด • สะพานส่งน้ำโบราณเซโกเบีย • มหาวิหารแห่งเซบีญา • โบสถ์โครงกระดูกแอวูรา • ระบำฟามิงโก • เมืองลิสบอน • โบสถ์แม่พระฟาติมา • แหลมโรก้า • หอคอยแบล็ม • พระราชวังแห่งชินตรา • อารามเจโรนิโมส์
เมืองมรดกโลก สเปน-โปรตุเกส พระราชวังหลวงแห่งมาดริด • สะพานส่งน้ำโบราณเซโกเบีย • มหาวิหารแห่งเซบีญา • โบสถ์โครงกระดูกแอวูรา • ระบำฟามิงโก • เมืองลิสบอน • โบสถ์แม่พระฟาติมา • แหลมโรก้า • หอคอยแบล็ม • พระราชวังแห่งชินตรา • อารามเจโรนิโมส์
วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ • อิสตันบูล ตุรเคีย
20.00 น. พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เคาน์เตอร์ U ประตู 9 Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
23.30 น. ออกเดินทาง สู่ประเทศตุรเคีย เมืองอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK 69 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
วันที่สอง อิสตันบูล ตุรเคีย • มาดริด • ประตูพระอาทิตย์ • อนุสาวรีย์หมีและต้นไม้สตรอเบอร์รี่ • สัญลักษณ์แผ่นหินบนทางเท้า • ตลาดซานมิเกล • พลาซ่ามายอร์ (-/-/เย็น)
06.10 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล สนามบินแห่งใหม่ของ ประเทศตุรเคีย (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
08.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน โดยเที่ยวบินที่ TK1857
11.00 น. เดินทางถึง สนามบินอาดอลโฟ ซัวเรซ มาดริด-บาราคัส (Adolfo Suárez Madrid Barajas Airport ) ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)
นำท่านเดินทางเข้าสู่ กรุงมาดริด (Madrid) เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของทวีปยุโรป รองจาก กรุงลอนดอน และกรุงเบอร์ลิน และในเขตเมืองยังเป็นอันดับที่ 3 ของยุโรป รองจากกรุงลอนดอน และกรุงปารีส อีกด้วย กรุงมาดริด
จากนั้น นำท่านเข้าสู่ ปูเอร์ตา เดล โซล (Puerta del Sol) หรือประตูพระอาทิตย์เป็นจัตุรัสสาธารณะกลางกรุงมาดริด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย และมีผู้คนพลุกพล่านที่สุดในเมือง ในย่านแห่งนี้มีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกมากมาย
ใกล้กันท่านจะได้พบกับ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากดังไปทั่วโลก อนุสาวรีย์หมีและต้นไม้สตรอเบอร์รี่ (El Oso y el Madroño)
และฝั่งตรงข้าม ปูเอร์ตา เดล โซล มีอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ สัญลักษณ์แผ่นหินบนทางเท้า (Kilometer Zero) ที่เก่าแก่มีอายุตั้งแต่ปี ค.ศ.1950 ทำหน้าที่เป็นศูนย์กม.จากการวัดถนนในแนวรัศมีทุกเส้นในสเปน ซึ่งแสดงให้เห็นโดยแผ่นป้ายบนพื้นของจัตุรัสซึ่งระบุจุดที่แน่นอนของกม.0 ก่อตั้งในปี ค.ศ.1857
จากนั้น นำท่านเข้าสู่ ตลาดซานมิเกล (Mercado San Miguel) เป็นตลาด ในอาคารที่มีหลังคากระเบื้องสีน้ำตาล มีความเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 มีร้านอาหารหลากหลายมาก ที่นี่เป็นทั้งแหล่งช็อปปิ้ง ตลาดนัด ถนนคนเดิน มีซุ้มและโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหาร มีทั้งอาหารท้องถิ่นสเปน อาหารเอเชีย อาหารทะเล ทาปาส และเบเกอรี่
จากนั้น นำท่านเข้าสู่ พลาซ่ามายอร์ (Plaza Mayor) เป็นพื้นที่สาธารณะที่สำคัญในใจกลางกรุงมาดริด สร้างขึ้นครั้งแรก ค.ศ. 1580 – 1619 ซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลจากปูเอร์ตา เดล โซล โดยรอบๆมี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เครื่องของที่ระลึก และร้านค้าอีกมากมายให้ท่านได้เลือกซื้อ
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษกับเมนู เมนูข้าวผัดสเปน
ที่พัก NH Ventas หรือเทียบเท่า 4 ดาว (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
วันที่สาม ประตูชัยอาคาล่า มาดริด • น้ำพุไซเบเลส • พลาซ่า เดอ เอสปาน่า • พระราชวังหลวงแห่งมาดริด • เมืองเซโกเบีย • สะพานส่งน้ำโบราณ • กรุงมาดริด (เช้า / กลางวัน / เย็น )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ระหว่างทางผ่านชม ประตูชัยอาคาล่า มาดริด (Splendid puerta de alcala) เป็นอดีตประตูเมืองฝั่งตะวันออกของมาดริด ที่สร้างในสมัยกษัตริย์คาร์ลอสที่ 3 สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1778 ซึ่งเป็นจุดเด่นโดยรวมของประตูเมืองแห่งนี้ที่ได้รับการออกแบบโดย Francisco Sabatini คือ การใช้ศิลปะภาพนูนสูง รูปสลัก และรูปปั้น ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินและประติมากรร่วมสมัยคือ Robert de Michel และ Francisco Gutiérrez
ผ่านชม น้ำพุไซเบเลส (Fountain of Cybele) สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน ตั้งอยู่ที่จัตุรัสซิเบเลส (Plaza de la Cibeles) ซึ่งเป็นวงเวียนสำคัญ เป็นจุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองมาดริด และเป็นจุดที่ทีมฟุตบอลเรอัลมาดริดจะใช้เฉลิมฉลองการแข่งขันชิงแชมป์
จากนั้น นำท่านชม พลาซ่า เดอ เอสปาน่า (Plaza de España) เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมาดริด ใจกลางจัตุรัสคืออนุสาวรีย์ที่ประกอบด้วยเสาหินที่มีรูปปั้น มิเกล เด เซร์บันเตส เป็นนักเขียนชาวสเปน มีผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า และมีประติมากรรมสำริดของ ดอนกิโฆเต้และซานโช ปันซา อยู่ตรงใต้ฝ่าเท้าด้านหน้าของอนุสาวรีย์ ส่วนด้านข้างจะประติมากรรมหินของ Aldonza Lorenzo ซึ่งจัตุรัสแห่งนี้อยู่ติดกับตึกระฟ้าที่โดดเด่นที่สุดสองแห่งของมาดริด
จากนั้น นำท่านเข้าชม พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) เป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการของราชวงศ์สเปนที่เมืองมาดริดแม้ว่าปัจจุบันจะใช้สำหรับพิธีการของรัฐเท่านั้น เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดที่ยังคงใช้งานอยู่และเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ภายในพระราชวังหลวงแห่งนี้ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามหรูหรา ถูกออกเเบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ที่เน้นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอิตาเลี่ยนเเละฝรั่งเศส จึงมีลักษณะคล้ายๆ กับพระราชวังเเวร์ซายน์ที่ฝรั่งเศส
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองเซโกเบีย หรือเซโกเวีย (Segovia) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1.30 ช.ม.) เมืองมรดกโลกแห่ง แคว้นคาสตีล และเลออน ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเอเรสมา กับแม่น้ำกลาโมเรส ที่ตีนเขากวาดาร์รามา เป็นเขตเมืองเก่าล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันเป็นแหล่งมรดกโลกตามการประกาศจากองค์การยูเนสโก
จากนั้น นำท่านชม สะพานส่งน้ำโบราณ (Aqueduct of Segovia) เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้มากที่สุด สร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 โดยชาวโรมันขณะที่กำลังขยายอำนาจในคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อนำน้ำจากแม่น้ำฟรีโอ (Río Frío) ซึ่งห่างออกไปประมาณ 18 กิโลเมตรเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งต้องยกระดับตัวสะพานขึ้นในช่วง 1 ก.ม. สุดท้ายจากภูเขากวาดาร์รามาถึงกำแพงเมืองเก่า ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดและเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของเซโกเบียอีกด้วย
โดยบริเวณรอบๆจะมี จัตุรัส Plaza del Azoguejo เป็นจุดศูนย์กลางของเขตเมืองเก่า บริเวณนี้จะมีบันไดให้ท่านขึ้นไปและสามารถมองเห็นวิวของเมืองและสะพานส่งน้ำได้อย่างชัดเจนและสวยงาม นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงจะเป็นเขตเมืองเก่าตามซอยตามถนนจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้ามากมายให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากกลับบ้านได้
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษกับ หมูหันสเปน
ที่พัก NH Ventas หรือเทียบเท่า 4 ดาว (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
วันที่สี่ สนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว • หมู่บ้านลาส โรซาส • เมืองโตเลโด • มหาวิหารแห่งโตเลโด • ประตูเมืองโตเลโด • เมืองคอร์โดบา (เช้า / กลางวัน / เย็น )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น นำท่านถ่ายรูปหน้า สนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว (Santiago Bernabéu Stadium) (สนามยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงรูปแบบใหม่ แต่ท่านยังสามารถเข้าซื้อสินค้าที่ระลึกได้ที่ร้านค้าได้) เป็นสนามฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในกรุงมาดริด เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด เริ่มเปิดใช้สนามเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1944 เดิมมีชื่อว่า สนามกีฬาชามาร์ติน (Estadio Chamartín) ตามชื่อของสนามเดิมของสโมสร เปิดใช้สนามอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 1947 เรอัลมาดริดได้ประกาศใช้ชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือสนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว เมื่อวันที่ 4 มกราคม 1955 เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานสโมสรคือ ซานเตียโก เบร์นาเบว เยสเต (Santiago Bernabéu Yeste)
จากนั้น นำท่านช้อปปิ้งที่ หมู่บ้านลาส โรซาส (Las Rozas outlet village) แหล่งช้อปปิ้งเอาท์เล็ทสุดหรูชานเมืองมาดริด สถานที่ที่รวบรวมแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศที่มอบส่วนลดมากสุดถึง 60% ตลอดทั้งปี มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ และเครื่องเรือนต่างๆ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่มากมายให้เลือก
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองโตเลโด (Toledo) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1 ช.ม.) เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนเนินเขา มีทั้งภูเขาและแม่น้ำเป็นกำแพงธรรมชาติล้อมรอบ มีป้อมปราการ มีกำแพงเมือง มีประตูเมืองกั้นเขตเมืองเก่าอีกชั้น ในปี ค.ศ. 1986 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลก เนื่องจากมีมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมากมายในฐานะหนึ่งในเมืองหลวงของจักรวรรดิสเปน รวมทั้งยังเป็นสถานที่ที่ปรากฏร่องรอยวัฒนธรรมของชาวคริสต์ ชาวยิว และชาวมัวร์อยู่ร่วมกันอีกด้วย
จากนั้น นำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งโตเลโด (Toledo Cathedral) ที่เริ่มสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1227 เสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อ ค.ศ. 1493 ซึ่งสร้างขึ้นจากที่ตั้งของมัสยิดเดิม เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาธอลิกในเมืองโตเลโด เป็นมหาวิหารที่มีความโดดเด่นด้วยความงามของศิลปะและสถาปัตยกรรม ศิลปะโกธิก
จากนั้น ผ่านชม ประตูเมืองโตเลโด (Puerta de Bisagra) สร้างถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 มีต้นกำเนิดจากชาวมัวร์ แต่ส่วนหลักถูกสร้างขึ้นในปี 1559
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองคอร์โดบา (Cordoba) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 3.30 ช.ม.) เป็นเมืองสมัยใหม่ขนาดกลาง ตัวเมืองเก่ายังคงมีสถาปัตยกรรมน่าประทับใจหลายแห่งที่ย้อนไปเมื่อครั้งเมืองนี้เป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรกาหลิบแห่งกอร์โดบาของชาวมุสลิมซึ่งเคยปกครองพื้นที่เกือบทั้งหมดในคาบสมุทรไอบีเรีย
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก Ayre Hotel Cordoba หรือเทียบเท่า 4 ดาว (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
วันที่ห้า มัสยิดวิหารคอร์โดบา • เมืองเซบีญา • มหาวิหารแห่งเซบีญา • หอระฆังกิรัลดา • พลาซ่าเดอเอสปานา (เช้า / เที่ยง / เย็น)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น นำท่านเข้าชม มัสยิดวิหารคอร์โดบา (Mosque Cathedral of Córdoba) เป็นโบสถ์ของนิกายโรมันคาทอลิก เดิมเป็นมัสยิดอิสลามจากการรุกรานในช่วงปี ค.ศ. 768 โดยที่โบสถ์แห่งนักบวช บีเซนเต มาร์ตีได้ถูกทำลายลงและสร้างมัสยิดคอร์โดบาขึ้นมาแทนที่ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1238 ชาวสเปนสามารถพิชิตดินแดนคืนได้สำเร็จ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของสเปน รวมทั้งเป็นมรดก โลกขององค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองเซบีญา (Seville) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1.30 ช.ม.) เป็นศูนย์กลางทางการเงิน วัฒนธรรม และศิลปะของภาคใต้ของประเทศสเปน และยังเป็นเมืองหลักของแคว้นปกครองตนเองอันดาลูซิอาและจังหวัดเซบิยาอีกด้วย มีแม่น้ำกัวดัลกิบีร์ไหลผ่าน ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรไอบีเรีย
จากนั้น นำท่านชม มหาวิหารแห่งเซบีญา (Catedral de Sevilla) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี ค.ศ. 1987 ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกร่วมกับ Real Alcázarและ Archivo de Indias ภายในวิหารของที่นี่มีความงดงามอลังการ การออกแบบก่อสร้าง ศิลปะการตกแต่งเพดาน ที่แบ่งเป็นช่อง มีลวดลาย มีภาพบุคคลสำคัญ มีประติมากรรมแกะสลักเป็นภาพๆ ตามช่องที่ใช้กระจกสีตกแต่งก็มีการทำเป็นภาพมีเรื่องราวเช่นกัน ภายในเป็นที่เก็บพระศพของพระคาร์ดินัล Juan de CervantesและPedro González de Mendoza รวมถึง คริสโตเฟอร์โคลัมบัส และลูกชายของเขา
ชม หอระฆังกิรัลดา (Giralda Tower) เป็นหอคอยและหอระฆังของวิหารเซบียา มีความสูง 104 เมตร เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1184 หอคอยอันโดดเด่นนี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สุดในเซบียา
จากนั้นชมความงามของ พลาซ่าเดอเอสปานา (Plaza de Espana Seville) ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1928 เป็นการผสมผสานของสถาปัตยกรรมสเปนแบบบาโรก การฟื้นฟูศิลปวิทยาและสถาปัตยกรรมมัวร์ เป็นสถานที่เที่ยวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสเปน จัสตุรัสแห่งนี้มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมที่สวยงาม ด้านหน้ามีลานกว้างและน้ำพุตรงกลาง ศาลา กำแพง สระน้ำ ม้านั่ง ถูกออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม และยังเป็นที่ทำกิจกรรมต่างๆของชาวเมืองในบริเวณลานกว้างด้านหน้าอีกด้วย
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น พิเศษ!! นำท่านชมโชว์ ระบำฟลามิงโก้ ศิลปะระบำสเปน มรดกแห่งภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขนานนามโดยองค์การยูเนสโกหนึ่งในการแสดงที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วโลก ทั้งท่วงท่าการร่ายรำประกอบเสียงดนตรีที่เร้าใจสนุกสนาน
ที่พัก AC Sevilla Forum หรือเทียบเท่า 4 ดาว (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
วันที่หก เมืองแอวูรา • มหาวิหารแอวูรา • จัตุรัสกิรัลโด • โบสถ์โครงกระดูก • เมืองลิสบอน (เช้า / เที่ยง / เย็น )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองแอวูรา (Evora) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 3.30 ช.ม.) เมืองที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์มา มากกว่า 2,000 ปี ในปี ค.ศ. 1986 ได้รับให้เป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก สาขาด้านวัฒนธรรม ตัวเมืองเก่าได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีกำแพงเมืองยุคกลางโอบล้อมไว้บางส่วน และมีสิ่งก่อสร้างจำนวนมากซึ่งมีอายุย้อนไปได้ถึงยุคทางประวัติศาสตร์หลายยุค เช่น เทวสถานโรมัน นอกจากนี้ แอวูรายังเป็นเมืองเดียวของโปรตุเกสที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ มหาวิหารแอวูรา (Evora Cathedra) เป็นมหาวิหารยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส สร้างขึ้นระหว่างปลายศตวรรษที่ 13 ถึงต้นศตวรรษที่ 14 เป็นวิหารในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เพื่ออุทิศแด่พระแม่มารี มีการตกแต่งต่อเติมจนเป็นมหาวิหารขนาดใหญ่สไตล์โกธิก
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ จัตุรัสกิรัลโด (Giraldo Square) มีลานน้ำพุที่สร้างในปี ค.ศ. 1556 แบบศิลปะยุคเรอเนสซองส์ ถือว่าเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของเมืองแอวูรา เป็นพื้นที่สาธารณะมีร้านกาแฟของฝากมากมาย ท่านสามารถเดินถ่ายรูปกับอาคารเก่าแก่ หรือเลือกซื้อของฝากได้ตามอัธยาศัย
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ โบสถ์โครงกระดูก (Chapel of Bones Evora) เป็นโบสถ์ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าของโบสถ์เซนต์ฟรานซิส ภายในโบสถ์มีความกว้าง 11 เมตร และยาว 18.7 โบสถ์ที่ถูกตกแต่งด้วยหัวกะโหลกและโครงกระดูกมากมาย ถูกสร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 16 ซึ่งกระดูกมาจากมนุษย์ที่ถูกฝังในสุสานยุคกลางของเอโวรา ซึ่งทางเข้ามีป้ายคำเตือนใจ “Nós ossos que aqui estamos, pelos vossos esperamos” หรือ “We bones that here are, for yours await”
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1.30 ช.ม.) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปรตุเกส เคยอยู่ใต้ปกครองของกรีกโบราณและโรมัน ลิสบอนได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์ แต่เมื่อปี ค.ศ. 711 ลิสบอนถูกครอบครองโดยเผ่ามัวร์และนับถือศาสนาอิสลาม ในช่วงนั้นชาวลิสบอนใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ แต่ช่วงปี ค.ศ. 1147 ลิสบอนกลับมาอยู่ภายใต้ศาสนาคริสต์อีกครั้ง ได้ยึดลิสบอนกลับคืนได้ ลิสบอนเปลี่ยนมาใช้ภาษาโปรตุเกส และชาวอิสลามส่วนมากเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ ลิสบอนกลายเป็นเมืองหลวงของโปรตุเกส ในปี ค.ศ. 1255
ระหว่างทางไปยังเมืองลิสบอน เราจะข้าม สะพานแขวน 25 de Abril Bridge หรือ Ponte 25 de Abril ระยะทางยาวกว่า 2 ก.ม. ข้ามแม่น้ำทาโซ (Tagus) เป็นสะพานแขวนเชื่อมต่อเมืองของลิสบอน และเมืองอัลมา (Almada) คล้ายกับสะพาน Golden Gate ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งสร้างโดยบริษัทเดียวกัน
และท่านจะได้พบกับ รูปปั้นพระเยซูคริสต์ (Sanctuary of Christ the King) คล้ายกับ ริโอ เดอ จาเนโรที่ประเทศบลาซิล ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจของ พระคาร์ดินัล สังฆราชแห่งลิสบอน (Cardinal Patriarch of Lisbon) ที่ได้ไปเยือยนคร ริโอ เดอ จาเนโรมีความสูง 82 เมตร เป็นอนุสาวรีย์คาทอลิกและศาลเจ้าที่อุทิศให้กับพระหฤทัยของพระเยซูคริสต์ที่มองเห็นเมืองลิสบอนที่ตั้งอยู่ในเมือง Almada ในโปรตุเกส
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก Mercure Lisboa Almada หรือเทียบเท่า 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
วันที่เจ็ด เมืองโทมาร์ • คอนแวนต์แห่งพระคริสต์ • เมืองฟาติมา • โบสถ์แม่พระฟาติมา • เมืองบาตาลยา • อารามแห่งบาตาลยา • เมืองมาฟรา • พระราชวังมาฟรา • ลิสบอน (เช้า / เที่ยง / เย็น )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองโทมาร์ (Tomar) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1.30 ช.ม.) ถือกำเนิดขึ้นจากการสร้างป้อมปราการคอนแวนต์แห่งพระคริสต์ซึ่งเป็นอดีตคอนแวนต์คาทอลิก สร้างขึ้นภายใต้คำสั่งของ กวลดิม ไพส์ Gualdim de Pais ปรมาจารย์คนที่สี่ของอัศวินเทมพลาร์แห่งโปรตุเกสในช่วงปลายศตวรรษที่ 12
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ คอนแวนต์แห่งพระคริสต์ (Convent of Christ in Tomar) ขนาดมหึมาซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นลักษณะเด่นของเมือง ปราสาทเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน แบบโรมาเนสก์ โกธิก มานูเอลีน เรเนสซองส์ แมนเนอริสต์ และบาโรก สร้างในปี ค.ศ. 1160 เพื่อเป็นป้อมปราการของอัศวินเทมพลาร์ ต่อมาได้กลายเป็นกองบัญชาการของคณะแห่งพระคริสต์ (Order of Christ) ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1983
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองฟาติมา (Fatima) ในเขตเทศบาลเมืองอูเรมและเขตซานตาเร็มเป็นอีกเมืองสำคัญทางศาสนาของคริสต์ศาสนิกชน เนื่องจากเมืองนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์แม่พระฟาติมา ตามตำนานเล่าว่า ในปี ค.ศ. 1916 มีเด็กเลี้ยงแกะ 3 คน ลูเซีย ดอสซานโตส (Lucia dos Santos) และลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนคือ ฟรานซิสโก (Francisco) และจาซินตา มาร์โต (Jacinta Marto) พวกเขาได้พบเห็นพระแม่มารีหลายครั้ง ในทุกวันที่ 13 ของเดือนพฤษภาคม ถึง ตุลาคม ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นตามที่แม่พระได้บอกในทุกครั้ง
นำท่านชมหน้า โบสถ์แม่พระฟาติมา (Sanctuary of Our Lady of Fátima) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1928 เมืองนี้ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของคริสต์ศาสนิกชน และยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยทุกๆปีจะมีชาวคาทอลิกเดินทางเข้ามาสักการะบูชาพระแม่มารีย์มากมาย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองบาตาลยา (Batalha) เมืองนี้ก่อตั้งโดยพระเจ้าฌูเอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส เพื่อรำลึกถึงชัยชนะของโปรตุเกสที่สงครามอัลชูบาร์โรตา 14 สิงหาคม ค.ศ. 1385 ซึ่งยุติลงในปี ค.ศ. 1383 –1385
จากนั้นนำท่านชม อารามแห่งบาตาลยา (Batalha Monastery) ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของชาวโปรตุเกสเหนือชาวกัสติเลียนในการรบที่อัลจูบาร์โรตาในปี ค.ศ. 1385 โดยจะเป็นโครงการสร้างหลักของสถาบันกษัตริย์โปรตุเกสในอีกสองศตวรรษข้างหน้า สไตล์กอธิคระดับชาติดั้งเดิมที่พัฒนาขึ้นโดยได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากศิลปะมานูเอลีน โดยด้านหน้าด้านทิศตะวันตกหันหน้าเข้าหาจัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นคนขี่ม้าของนายพลนูโน อัลวาเรส เปเรยร่า Nuno Álvares Pereira
จากนั้น นำท่านชม พระราชวังมาฟรา (Palace of Mafra) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1.30 ช.ม.) ตั้งที่เมืองมาฟรา (Mafra) เป็นพระราชวังสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิก เป็นพระราชวังที่หรูหราที่สุดในโปรตุเกสและมีพื้นที่ 40,000 ตร.ม. เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1717 ในรัชสมัยพระเจ้าจอห์นที่ 5 แห่งโปรตุเกสและสิ้นสุดในปี ค.ศ. 1755 พระราชวังที่ถูกจัดให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติในปี ค.ศ. 1910 และยังใช้เป็นที่รองรับประกอบราชพิธีมากมาย
จากนั้น นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1 ช.ม.)
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก Mercure Lisboa Almada หรือเทียบเท่า 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
วันที่แปด แหลมโรก้า • เมืองซินตรา • พระราชวังแห่งซินตรา • อัลฟามา • จัตุรัสรอสสิโอ • อเวนิดา ลิเบร์ดาเด (เช้า / เที่ยง / เย็น )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ แหลมโรก้า (Cabo da Roca) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1 ช.ม.) เป็นแหลมติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของโปรตุเกสและเป็นจุดตะวันตกสุดของทวีปยุโรป เป็นที่ตั้งของประภาคารเก่าแก่ที่เปิดให้ใช้งานได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1772 จนถึงปัจจุบัน
จากนั้น เดินทางสู่ เมืองซินตรา (Sintra) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 40 นาที) ซินตราเป็นหนึ่งในเขตเทศบาลที่ร่ำรวยและแพงที่สุดในโปรตุเกสและคาบสมุทรไอบีเรียโดยรวมเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งตามแนวชายฝั่งริเวียร่าของโปรตุเกสและได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในชุมชนที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง สถานที่อาศัยในโปรตุเกส
นำท่านชม พระราชวังแห่งซินตรา (Palacio Nacional de Sintra) สร้างตามศิลปะจินตนิยมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ต่อมาได้พัฒนาด้วยูปแบบศิลปะโกธิก ศิลปะมานูเอลีน ในยุคของกษัตริย์ Manuel ที่ 1 ผสมผสานของศิลปะอิสลามของมัวร์ ซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้น เดินทางกลับสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) (ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 40 นาที)
จากนั้น นำท่านสู่ อัลฟามา (Alfama) เป็นหนึ่งในย่านที่เก่าแก่ที่สุดและเอกลักษณ์มากที่สุดของลิสบอน ถูกตั้งรกรากโดยชาวโรมันและชาววิซิกอธ (เป็นย่านสำคัญของชาวยิวในศตวรรษที่ 15 ด้วย) เป็นหมู่บ้านภายในเมืองที่ประกอบด้วยถนนแคบๆ จัตุรัสเล็กๆ โบสถ์ และบ้านปูนขาวที่มีแผ่นกระเบื้องและระเบียงเหล็กดัดที่ประดับด้วยกระถางดอกไม้ และนกในกรง มีถนนสูงชันที่ขนาบข้างด้วยคาเฟ่และร้านขายสินค้าแฮนด์เมดแบบดั้งเดิมมากมาย
นำท่านเดินทางสู่ จัตุรัสรอสสิโอ (Rossio Square) เป็นจัตุรัสใหญ่ใจกลางกรุงที่มีชีวิตชีวาที่สุดในเมือง ที่ซึ่งผู้คนหยุดเพื่อนั่งพักผ่อน หรือดื่มเครื่องดื่มที่คาเฟ่บรรยากาศต่างๆ ที่มีที่นั่งกลางแจ้ง ทั้งสองด้านของจัตุรัสมีน้ำพุสไตล์บาโรกสองแห่ง และตรงกลางมีอนุสาวรีย์สูง 27 เมตร ประกอบด้วยแท่นที่มีสัญลักษณ์เปรียบเทียบหินอ่อนของความยุติธรรม ปัญญา ความแข็งแกร่ง และความพอประมาณ มีรูปปั้นตั้งตระหง่านอยู่บนอนุสาวรีย์ จัตุรัสปูด้วยก้อนหินปูถนนในรูปแบบคลื่น การออกแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้บนทางเท้าอื่นๆ ทั่วประเทศโปรตุเกส
จากนั้น นำท่านอิสระที่ย่าน อเวนิดา ลิเบร์ดาเด (Avenida da Liberdade) เป็นถนนสายสำคัญใจกลางกรุงลิสบอนซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นถนนช้อปปิ้งที่แพงที่สุดสายหนึ่งในยุโรป ถนนแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1879 มีต้นกำเนิดใน สวนสาธารณะ Passeio Público ซึ่งเป็นสวนสาธารณะสมัยศตวรรษที่ 18 อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก Mercure Lisboa Almada หรือเทียบเท่า 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
วันที่เก้า หอคอยเบเล็ง • อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ • อารามเจโรนิโมส์ • สนามบินเมืองลิสบอน (เช้า / - / - )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น นำท่านชม หอคอยเบเล็ง (Belém Tower) สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1514 - 1520 ในสไตล์มานูเอลิโนโดยสถาปนิกชาวโปรตุเกสและประติมากร Francisco de Arruda ได้รับการรับการจัดให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) พร้อมกับมหาวิหารเจอโรนิโม (Jeronimos) ที่อยู่ในบริเวณใกล้กัน ตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของแม่น้ำเทกัส หอคอยนี้ถูกใช้เพื่อปกป้องเมือง หลายปีต่อมา มันถูกเปลี่ยนเป็นประภาคารและด่านศุลกากร
จากนั้นนำท่านชม อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ (Padrão dos Descobrimentos) เป็นอนุสาวรีย์ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำเทกัส Tagus สร้างในปี ค.ศ.1960 เพื่อเชิดชูเกียรติให้กับนักสำรวจชาวโปรตุเกส และระลึกถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ ความสามัคคีของทั้ง 33 ชีวิตที่ปรากฎอยู่บนอนุสรณ์สถานแห่งนี้ด้วย
จากนั้น นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า อารามเจโรนิโมส์ (Jerónimos Monastery) ซึ่งก่อตั้งโดยกษัตริย์ ดี มานูเอลที่ 1 เมื่อต้นศตวรรษที่ 16 สถาปัตยกรรมแบบโกธิก มานูเอ ลีนในลิสบอน สร้างขึ้นเพื่อสรรเสริญคณะสำรวจของวาสโก ดา กามาที่เดินทางไปถึงอินเดียได้สำเร็จ บริเวณภายในอารามจะพบกับน้ำพุ มีระเบียงทางเดินไปยังโบสถ์ซานตามาเรีย และเสาหินขนาดใหญ่ เสาหินแต่ละต้นสลักด้วยภาพงานศิลปะจากท้องทะเลและการเดินเรือ รวมถึงเชือก สัตว์ในทะเลลึกและปะการังที่มีรูปร่างคล้ายดอกไม้ สังเกตรูปปั้นเจ้าชายเฮนรี่นักสำรวจในสมัยศตวรรษที่ 15 ที่คอยต้อนรับคุณอยู่ตรงบริเวณทางเข้า
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพื่อให้ท่านได้มีเวลาทำการคืนภาษี (Vat Refund)
16.35 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ TK1760 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
วันที่สิบ อิสตันบูล ตุรเคีย • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
00.15 น. เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ตุรเคีย (เพื่อทำการเปลี่ยนเครื่อง)
01.55 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ TK68
15.00 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
ช่วงเวลา | ผู้ใหญ่ |
หมายเหตุ
อัตราค่าบริการและเงื่อนไขรายการท่องเที่ยว
รายละเอียดเพิ่มเติม | ราคา |
กรณีที่มีตั๋วเครื่องบินแล้วหักออกจากค่าทัวร์ | 20,000 บาท |
ชั้นธุรกิจ Business Class เพิ่มเงินจากราคาเดิม | 110,000-120,000 บาท |
*** การันตี 15 ท่านออกเดินทางพร้อมหัวหน้าทัวร์คนไทย *** |
อัตราค่าบริการรวม
อัตราค่าบริการไม่รวม
เงื่อนไขการสำรองที่นั่งและการยกเลิกทัวร์
เงื่อนไขอื่น ๆ
โรงแรมที่พักและสถานทีท่องเที่ยว
รายละเอียดเพิ่มเติม
เอกสารประกอบการยื่นวีซ่าสเปน