ศาลเจ้าสุมิโยชิ - ปราสาทโอซาก้า - จังหวัดนารา - วัดโทไดจิ - ชินไซบาชิ - วัดคินคะคุจิ(วัดปราสาททอง) - วัดคิโยมิสึ - ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ - อาราชิยาม่าป่าไผ่ - สะพานโทเกตสึ - อาริมะออนเซ็น - ชมวิวสะพานอาคาชิไคเคียว - โกเบฮาร์เบอร์แลนด์ - โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์
ศาลเจ้าสุมิโยชิ - ปราสาทโอซาก้า - จังหวัดนารา - วัดโทไดจิ - ชินไซบาชิ - วัดคินคะคุจิ(วัดปราสาททอง) - วัดคิโยมิสึ - ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ - อาราชิยาม่าป่าไผ่ - สะพานโทเกตสึ - อาริมะออนเซ็น - ชมวิวสะพานอาคาชิไคเคียว - โกเบฮาร์เบอร์แลนด์ - โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์
DAY1 สนามบินสุวรรณภูมิ (นัดเวลา 21.00)
21.00 คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
DAY2 สนามบินคันไซ - โอซาก้า - ศาลเจ้าสุมิโยชิ - ปราสาทโอซาก้า - นารา - วัดโทไดจิ
00.55 ออกเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ XJ612
08.40 เดินทางถึงสนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 2 ชั่วโมง โปรดปรับเวลาในนาฬิกาของท่านให้เป็นเวลาท้องถิ่น)
มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ เวลานั้น และประกาศจากรัฐบาลญี่ปุ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศาลเจ้าสุมิโยชิ(Sumiyoshi Taisha, 住吉大社) เป็นศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมสร้างด้วยรูปแบบที่เรียกว่า สุมิโยชิ-ซึคุริ (Sumiyoshi-zukuri) ที่จะมีหลังคาแบบทรงตรงๆ ต่างจากที่อื่นๆที่จะมีทรงโค้งๆ จั่วจะถูกตกแต่งด้วยไม้ที่ลักษณะไขว้กันคล้ายกับไม้กางเขนของศาสนาคริสต์ รวมทั้งยังมีไม้ขนาดเล็กๆวางเรียงกันตามแนวยาวทั่วทั้งหลังคา โดยเฉพาะตรงจุดที่ทางเข้าอยู่ด้านใต้หน้าจั่วของหลังคาและยังมีรั้วล้อมรอบ จากความต่างและความเก่าแก่นี้ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่น
ความศักดิสิทธิ์ของเทพคามิ (เทพเจ้าชินโต) ที่เชื่อว่าเมื่อสักการะแล้วจะเดินทางปลอดภัย แคล้วคลอดจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะในหมู่ชาวประมงและชาวเรือที่ให้ความนับถือเทพเจ้าองค์นี้มากๆ เห็นได้จากการที่สามารถเห็นศาลเจ้ารูปแบบนี้ได้ตามบริเวณใกล้ๆท่าเรือ
นอกจากตัวศาลเจ้าหลักอย่างศาลเจ้าสุมิโยชิแล้วนั้น บริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของอีกสองศาลเจ้านั่นก็คือ ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Shrines) เป็นแบบชินมัย-ซึคุริ (Shinmei-zukuri ) และศาลเจ้าอิสึโมะ (Izumo Taisha) เป็นแบบไทชา-ซึคุริ Taisha-zukuri ที่ก็นับว่ามีเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมที่น่าดูน่าชมไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทโอซาก้า "สวนปราสาทโอซาก้า" สวนสาธารณะเชิงประวัติศาสตร์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางโอซาก้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้คนที่ชื่นชอบปราสาทญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ปราสาทโอซาก้า ถูกสร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่พำนักของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ผู้รวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวในสมัยนั้น ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนถึงเสร็จสมบูรณ์ยาวนานกว่า 16 ปี
เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น แต่ทว่าปราสาทโอซาก้าที่ก่อสร้างขึ้นในยุคสมัยนั้นถูกเผาทำลายไปพร้อมกับการล่มสลายของตระกูลโทโยโทมิ กำแพงหินและยากุระ (หอสังเกตุการณ์)ที่เห็นนี้ จึงได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ในสมัยเอโดะ ส่วนตัวปราสาทก็ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากนั้น แม้กระนั้น ในปัจจุบันปราสาทโอซาก้าก็ยังคงได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพที่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่ จนนับว่าเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เทียบเท่ากับปราสาทนาโกย่าและปราสาทคุมาโมโตะ ไม่รวมค่าเข้าชมภายในตัวปราสาท (600 เยน)
อิสระเดินเล่นถ่ายรูปตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จังหวัดนารา เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นก่อนเกียวโต เป็นเมืองทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญ ที่นี่ท่านจะได้เข้าสักการะหลวงพ่อโตแห่งเมืองนารา วัดโทไดจิตั้งอยู่ในสวนนารา อาคารไม้ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อโตนั้นได้ชื่อว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดโทไดจิแห่งนี้ได้รับการลงทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกและเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศญี่ปุ่น
วัดแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 752 ในยุคนั้นวัดโทไดจิเป็นศูนย์กลางของวัดทั้งหมดในประเทศจึงเป็นวัดที่มีอิทธิพลมากต่อสังคมในสมัยนั้น ต่อมาเพื่อลดบทบาทและอิทธิพลของวัดต่อรัฐบาลลง จึงได้มีการย้ายเมืองหลวงจากนาราไปยังนากาโอกะในปี ค.ศ. 784 น อีกจุดไฮไลท์ที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมอย่างมากก็คือส่วนของเสาไม้ยักษ์ ซึ่งฐานขนาดรอบเสานี้มีขนาดเท่ากันรูจมูกของหลวงพ่อโต
และด้านล่างของเสาจะเป็นช่องขนาดไม่ใหญ่มาก มีความเชื่อว่าหากใครสามารถลอดผ่านช่องนี้ไปได้ก็จะสามารถตรัสรู้ได้ในชาติหน้า ด้านตรงประตูทางเข้านั้นจะเป็นไม้บานขนาดใหญ่ มีรูปปั้นเฝ้าอยู่ทั้งสองประตูบริเวณรอบๆวัดโทไดจิมีเจ้ากวางน้อยใหญ่ที่เดินควักไขว่ไปมา ซึ่งก็สามารถให้อาหารกวางเหล่านั้นด้วยขนมแซมเบ้ที่ทำมาสำหรับกวางโดยเฉพาะ ราคาประมาณห่อละ 150 เยน
อิสระรับประทานอาหารเย็น
ที่พัก Sarasa Hotel Namba, Shinsaibashi หรือเทียบเท่า
DAY3 วัดคินคะคุจิ - วัดคิโยมิสึ (วัดน้ำใส) - ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ - อาราชิยาม่า - ป่าไผ่ - สะพานโทเกตสึเคียว - โรงแรม
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าเยี่ยมชม วัดคินคะคุจิ เป็นวัดยอดฮิต วัดหนึ่งในเกียวโต ด้วยเอกลักษณ์ของวัดที่ไม่เหมือนใคร สองชั้นบนเป็นสีทอง มีสระน้ำขนาดใหญ่ติดกับวัด และยังเป็นวัด (ปราสาท) ในการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมความสวยงาม และถ่ายรูปที่วัดนี้
วัดทอง (Golden Pavilion) เป็นวัดนิกายเซน มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าโรคุองจิ (Rokuonji) ในตอนแรกนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อาศัยหลังสละราชสมบัติของโชกุนอะชิคางะ (Ashikaga Yoshimitsu) และเปลี่ยนมาเป็นวัดนิกายเซนในภายหลัง หลังจากที่โชกุนได้เสียชีวิตลงแล้ว อาคารของวัดทอง เคยเสียหายจากไฟไหม้ในช่วงสงครามมาหลายครั้ง แต่ก็มีการสร้างใหม่ตลอด ไฟไหม้ครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1950 จากฝีมือของพระที่คลั่งในความงามของวัดทอง จนต้องการเผาตัวเองไปพร้อมกับวัด ตัววัดที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1955
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดคิโยมิสึ หรือวัดน้ำใส วัดเก่าแก่บนเนินเขาที่มีอายุเก่าแก่กว่าตัวเมืองเกียวโต เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 778 หรือ พ.ศ. 1321 นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเพื่อสักการะและขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร ซึ่งเป็นพระประธานของวัด
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐานของเทพเอบิสึผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยมั่งคั่ง สร้างขึ้นในสมัยช่วงต้นของยุคเฮอันเกียวหรือสร้างขึ้นมาก่อนที่เกียวโตจะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น โดยตระกูลโตกุกาว่า (Tokugawa clan) เป็นผู้สร้างขึ้น ตัววัดก่อสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมด
แต่ที่น่าสนใจ ได้แก่ เสาที่ค้ำยันระเบียงวัดขนาดใหญ่ เสาดังกล่าวประกอบไปด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่จำนวนร้อยกว่าต้น สร้างขึ้นด้วยไม้ขนาดใหญ่สูงจากพื้น 12 เมตร โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว เนื่องจากช่างไม้ใช้วิธีเข้าลิ่มด้วยภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นโบราณ อาคารไม้หลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 1994
จากบริเวณระเบียงวัด นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามของทิวทัศน์รอบเมืองเกียวโต มีประโยควลียอดฮิตอยู่วลีหนึ่งเกี่ยวกับ วัดคิโยมิสึเดระ ได้แก่วลีที่ว่า “โดดระเบียงวัดคิโยมิสึเดระ” ที่มาของวลีนี้เกิดจากความเชื่อที่ว่า กระโดดลงจากระเบียงที่วัดคิโยมิสึเดระแล้วยังรอดชีวิตกลับมาได้ ความปรารถนาของคนๆนั้นจะเป็นจริง หลังจากที่วลีนี้แพร่หลาย มีชาวญี่ปุ่นมาโดดระเบียงนี้กันจริงๆ แต่ในปัจจุบัน ทางวัดป้องกันไม่ให้กระโดดแล้ว
ชื่อวัดน้ำใส มาจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) เป็นน้ำตกที่แบ่งย่อยออกเป็นสามสายไหลลงมาภายในบริเวณวัด เนื่องจากน้ำดังกล่าวมีความใส จึงตั้งชื่อวัดตามลักษณะดังกล่าว ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า หากผู้ใดได้ดื่มน้ำใสที่วัดคิโยมิสึเดระ จะสมปรารถนาในสิ่งที่หวังไว้ น้ำบริสุทธิ์ อันมีที่มาจากเทือกเขา เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยมีความเชื่อว่า หากดื่มน้ำจากแม่น้ำสายที่
ทางเดินขึ้นสู่วัดชาวไทยเรียกติดปากกันว่า “ถนนสายกาน้ำชา”ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Go-Jo zaka สาเหตุที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากเป็นแหล่งจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาเรียงรายตลอดสองข้างทาง มีกาน้ำชาวางขายเป็นจำนวนมาก บริเวณนี้มีร้านขายของที่ระลึกมากมายให้เลือกชม ร้านขายของฝากของที่ระลึกสไตล์ญี่ปุ่น อาทิ พัดสารพัดแบบ ร่ม เข็มกลัด ชุดกิโมโน ตุ๊กตาในชุดกิโมโน เป็นต้น อีกทั้งยังมีขนมขึ้นชื่อของเมืองเกียวโต พร้อมมีให้ชิมฟรีอีกด้วย
รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่ อินาริ เทพเจ้าแห่งการเพาะปลูกและการค้าที่รุ่งเรือง เป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดในบรรดาศาลเจ้าอินาริทั้งหมดในญี่ปุ่น แนวเสาประตูโทริอิสีส้มสดใสทอดยาวอย่างสุดตา ขึ้นไปจนถึงยอดเขาอินาริ ทำให้เกิดเป็นภาพอันน่าประทับใจและเป็นหนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น เทพเจ้าที่เป็นจุดกำเนิดในการสร้างฟุชิมิอินะริไทฉะนั้นเป็นหนึ่งในเทพหลายองค์ หรือที่เรียกว่าคามิในภาษาญี่ปุ่น อันเป็นที่เคารพบูชากันในนิกายชินโต
ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่เทพอินาริมีมากกว่า 35,000 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นศาลเล็ก ๆ ริมถนน แต่ฟูชิมิอินาริเป็นศาลระดับไทชะ หรือ “ศาลเจ้าใหญ่” และด้วยตำแหน่งที่ตั้งของศาล จึงทำให้ได้รับการอุปถัมภ์จากราชสำนัก และเป็นศาลที่พระจักรพรรดิหลายพระองค์มักแวะเวียนมาทสักการะตั้งแต่ในอดีตแล้ว ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 711 ก่อนที่เมือเกียวโตจะกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น
ตลอดทางขึ้นสู่ภูเขาอินาริที่มีความสูง 233 เมตรจะมีศาลเจ้าเล็ก ๆ มากมายตั้งอยู่รายทาง และรวมตลอดเส้นทางนี้มีเสาประตูโทริอิประมาณ 10,000 ต้น อุโมงค์เสาประตูโทริอิสีส้มสดใสที่ทอดยาวนี้ถือเป็นภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเกียวโต เสาโทริอิ เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้มีความเชื่อเกี่ยวกับความสำเร็จทางธุรกิจ ผู้ประกอบกิจการต่าง ๆ จึงมักบริจาคเสาประตูโทริอิให้แก่ศาล เส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาจึงได้ชื่อว่าเซ็นบงโทริอิ แปลว่าเสาโทริอิหนึ่งพันต้น
แม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีเสาเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่าแล้วก็ตาม เสาโทริอิบางต้นสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603- ค.ศ.1867) เลยทีเดียว บนถนนที่ขึ้นไปศาลเจ้ามีร้านอาหารและร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่นอยู่มากมาย ซึ่งคุณจะได้พบกับร้านขนมที่ขายสึจิอูระเซมเบ้ ซึ่งเป็นคุกกี้เสี่ยงทายชนิดหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ว่ากันว่าขนมเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดคุกกี้เสี่ยงทายของร้านอาหารจีนในสหรัฐอเมริกา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อาราชิยาม่า เดินชมเส้นทางสายป่าไผ่ในเขตอาราชิยาม่าแห่งเมืองเกียวโต ตั้งอยู่ด้านหลังของวัดเทนริวจิ ทางทิศตะวันตกห่างจากตัวเมืองเกียวโตออกไปประมาณ 15 กิโลเมตร ป่าไผ่ เกียวโต แห่งนี้เป็นป่าไผ่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งสวยและโด่งดังที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยตลอดสองข้างทางนั้นจะมีต้นไผ่สีเขียวขจีสูงเสียดฟ้า ยาวกว่า 10 เมตร เรียงรายอยู่เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ที่จะทำให้เราได้ดื่มด่ำไปกับเสียงต้นไผ่ที่กระทบกัน ให้ความร่มรื่น สงบ เย็นสบาย
และแสงที่ลอดผ่านต้นไม้ไผ่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่มาเยี่ยมชมไม่ควรพลาด หากเราเดินชมธรรมชาติของป่าไผ่เกียวโตแห่งนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงตรงกึ่งกลางของเส้นทางก็จะได้พบกับศาลเจ้าโนโนะมิยะ (Nonomiya Jinja) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีความโด่งดังในเรื่องของการขอคู่ครองโดยผู้ที่มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้นิยมมาไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันมากมาย
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปคู่กับสะพานโทเกตสึเคียว เป็นสะพานข้ามแม่น้ำคัตสึระ (Katsura River) ซึ่งอยู่ถัดจากแม่น้ำโฮซูกาวะ (Hozugawa River) ทางด้านต้นน้ำ ตัวสะพานโทเก็ตสึเคียวดั้งเดิมนั้นเป็นสะพานไม้ทั้งหมด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 836 ส่วนรูปแบบสะพานที่เห็นในปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1934 มีความยาว 155 เมตร และความกว้าง 12.2 เมตร โดยมีช่วงฐานเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่ยังใช้ราวสะพานเป็นไม้เพื่อคงเอกลักษณ์ไว้ดังเดิม
เดินทางกลับเมืองโอซาก้า
อิสระรับประทานอาหารเย็น
ที่พัก Sarasa Hotel Namba, Shinsaibashi หรือเทียบเท่า
DAY4 โกเบ - โกเบฮาร์เบอร์แลนด์ - โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์(ถ่ายรูป) - อาริมะออนเซ็น - โอซาก้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อาริมะออนเซ็น (Arima Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ราว 1,000 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) แม้พื้นที่ของอาริมะออนเซ็นจะมีขนาดกะทะรัด มีระยะทางราว 1 กิโลเมตรทั้งสี่ทิศ
แต่ด้านในมีที่พักออนเซ็นและร้านค้าต่างๆ กระจุกอยู่อย่างหนาแน่น มีถนนเส้นหลักชื่อว่ายุโมโตะซากะที่เรียงรายไปด้วยร้านขายของฝากและร้านขายของจิปาถะทั้งสองฝั่งของถนน ถ้าเลี้ยวจากถนนหลักเข้าซอยเล็กๆ ไปก็ยังมีร้านค้าอีกมากมายซ่อนตัวอยู่
รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร
จากนั้นอิสระเดินเล่น ช้อปปิ้งและะถ่ายรูป บริเวณ Kobe Habour land เป็นหนึ่งในย่านที่รวมแหล่งความบันเทิงต่างๆ เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร, แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่, พิพิธภัณฑ์ มีแม้กระทั่งสวนสนุกเล็กๆ แถมบริเวณรอบๆ ยังมีแลนด์มาร์คสำคัญต่างๆ มากมาย ทำให้เป็นแหล่งที่มีความคึกคักตลอดเวลา สามารถอยู่เที่ยวได้ทั้งวัน
เช่น ห้างอย่าง Kobe Harborland Umie สวรรค์ในการช็อปปิ้งของสาวๆ หรือใครชอบเดินก็สามารถไปเดินเล่นได้ที่ Gaslight Street ถนนคนเดินที่ประดับไปด้วยตะเกียงแก็สแบบโบราณ และโคมไฟดูสวยงาม ราวกับเดินอยู่ในยุคสมัยเก่า หรือจะไปชมวิวสวยๆ ที่ชิงช้าสวรรค์ Mosaic Ferris Wheel ที่สูงกว่า 50 เมตร
แสนสุขด้วยการล่องเรือ Kobe Concerto พร้อมทานอาหารชั้นดี จากวัตถุดิบสดๆ ที่ได้มากจากเมืองโกเบเองอย่างอาหารทะเล เนื้อวัวชั้นดี ฯลฯ หรือใครเป็นแฟนการ์ตูนญี่ปุ่น สามารถไปชม Anpanman Mseum พิพิธภัณฑ์ของตัวการ์ตูนยอดฮิตอย่างอันปังแมน หรือจะไปนั่งพักชมทะเลสบายๆ ตามร้านอาหารก็มีให้เลือกมากมาย
ถ่ายรูปคู่กับ Kobe Port Tower เป็นหอคอยสีแดงสูง 108 เมตร ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1963 ตั้งอยู่ใน สวนสาธารณะเมริเกน (Meriken Park, Kobe) หอคอยซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองโกเบ อาคารเหล็กแห่งแรกของโลก และถูกขนานนามว่า ความงามของหอคอยเหล็ก (Steel Tower Beauty) ด้วยโครงสร้างและรูปร่างที่โดดเด่น ทำให้ระลึกถึงกลองยาวของญี่ปุ่น และอาคารแห่งนี้ยังได้รับรางวัลจาก สถาบันทางสถาปัตยกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1963 (ไม่รวมค่าขึ้นหอคอย 700 เยน)
อิสระรับประทานอาหารเย็น
ที่พัก Sarasa Hotel Namba, Shinsaibashi หรือเทียบเท่า
DAY5 โรงแรม - สนามบินคันไซ - กรุงเทพฯ
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินคันไซ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย
09.15 น. ออกเดินทางจากสนามบินคันไซ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ XJ613
มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
14.00 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
ช่วงเวลา | ผู้ใหญ่ |
Flight Detail
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการการเดินทาง ตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ภูมิอากาศและเวลา ณ วันที่เดินทางจริงของประเทศที่เดินทาง ทั้งนี้ บริษัทจะคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นสำคัญ
หมายเหตุ
เอกสารสำหรับยื่นวีซ่าญี่ปุ่น