ทัวร์ตุรกี เมืองอิสตันบูล, ชานักกาเล ตุรกี ซาฟรานโบลู คัปปาโดเกีย ปามุคคาเล ชานัคคาเล อิสตันบูล

เยือนดินแดนแห่งเมืองทรอย เที่ยวซิรินเซหมู่บ้านแห่งไวน์ เที่ยวมรดกโลกชมสถาปัตยกรรมซาฟรานโบลูแห่งอาณาจักรออตโตมัน

  • จำนวนวัน
    9 วัน 6 คืน
  • ที่พัก
  • สายการบิน
    TK
  • ประเทศตุรกี
    TWP-ZGIST-2304TK
  • เริ่มต้น
    ฿39,990

ช่วงเวลาเดินทาง

  • อา
  • พฤ

เยือนดินแดนแห่งเมืองทรอย เที่ยวซิรินเซหมู่บ้านแห่งไวน์ เที่ยวมรดกโลกชมสถาปัตยกรรมซาฟรานโบลูแห่งอาณาจักรออตโตมัน

รายละเอียดทัวร์

เดินทาง 9 วัน 6 คืน

Day1 สนามบินสุวรรณภูมิ

19.30  นัดหมายพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบิน Turkish Airlines (TK) โดยมีป้ายต้อนรับ    เลทส์โกกรุ๊ป และมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพร้อมแนะนำข้อมูลในการเดินทางให้แก่ท่าน

22.55 นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK065 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง 50 นาที

Day2 สนามบินอิสตันบูล – เมืองซาฟรานโบลู – จุดชมวิวเนินเขาฮิดอร์ลิค – พิพิธภัณฑ์ซาฟรานโบลู – ตลาดย่านเมืองเก่า – เมืองอังการา

05.45 เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี หลังจากนั้นนำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) พร้อมออกเดินทางท่องเที่ยว เมืองซาฟรานโบลู (Safranbolu) เป็นหมู่บ้านที่มีลักษณะบ้านเรือนในแบบออตโตมันโดยแท้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 ที่แสดงถึงมรดกทางประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรมผ่านทางโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมมากกว่าหนึ่งพันโครงสร้างที่แสดงถึงตัวตนของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของตุรกี ทั้งอาคารบ้านเรือน สุเหร่า โรงพยาบาล หอนาฬิกา รวมไปถึงป้อมตำรวจที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งนี้ยังเป็นแหล่งรวมอารยธรรมต่างๆ มากมาย อาทิ จักรวรรดิโรมัน อาณาจักรไบแซนไทน์ อาณาจักรเซลจุก และอาณาจักรออตโตมัน ทั้งนี้ยังเป็นเส้นทางการค้าขายเส้นทางสายไหมระหว่างเมืองอิสตันบูลอีกด้วย เมืองซาฟรานโบลูเป็นถิ่นกำเนิดของหญ้าฝรั่น หลักๆ จะสะกัดสีของหญ้าฝรั่นเพื่อใช้เป็นสีใส่ทั้งขนมและอาหารของตุรกี  ด้วยความหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากไว้เป็นสีผสมอาหารแล้วยังสามารถใช้ในการย้อมผ้าเพื่อทำพรมอีกด้วย

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่ จุดชมวิวเนินเขาฮิดิร์ลิค (Hidirlik Hill) ให้ท่านอิสระถ่ายภาพบรรยากาศเมืองซาฟรานโบลูทั้งเมืองแบบพาโนรามา บริเวณใกล้ๆ มีร้านชาไว้บริการ ให้ท่านอิสระเลือกซื้อเครื่องดื่ม หรือเก็บภาพประทับใจในสวนชมวิวตามอัธยาศัย นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ซาฟรานโบลู (Kaymakam Evi Museum House) ด้านในเป็นการจำลองกิจวัตรของชาวบ้านที่แยกชายหญิงให้ผู้ชายนั่งรออาหารที่ผู้หญิงต้องเป็นผู้ทำอาหาร งานบ้านงานเรือน สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ อีกทั้งยังแสดงถึงบ้านแบบดั้งเดิมเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสถาปัตยกรรมพลเรือนแบบเก่า ซึ่งสะท้อนชีวิตทางสังคมของตุรกีในศตวรรษที่ 18 และ 19 ขนาดและการวางแผนของบ้านได้รับผลกระทบอย่างมากจากขนาดใหญ่ของครอบครัว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สมาชิกทั้งหมดของครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียว สถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจของหลังคาทำให้พวกเขาถูกเรียกว่าบ้านที่มีห้าส่วนหน้า บ้านเป็นสองหรือสามชั้นประกอบด้วยห้อง 6 ถึง 9 แต่ละห้องมีรายละเอียดทั้งหมดและมีพื้นที่หน้าต่างกว้างขวางให้แสงสว่างเพียงพอ งานไม้ที่ละเอียดอ่อนและการแกะสลักตกแต่งผนังและเพดาน ราวบันได ลูกบิดในร่ม ฯลฯ ทั้งหมดมารวมกันเพื่อสร้างความสามัคคีที่ไม่มีใครเทียบของสุนทรียศาสตร์ทางสถาปัตยกรรมและศิลปะตุรกี จากนั้นนำท่านอิสระช้อปปิ้ง ตลาดย่านเมืองเก่า (Old Square) เป็นตรอกซอยในเมืองซาฟรานโบลู มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหารและขนมให้ท่านได้เลือกซื้อเพื่อเป็นของฝาก หรือจะเลือกมุมถ่ายภาพกับความสวยงามของบ้านเรือนดั้งเดิมแบบออตโตมันเพื่ออัพโหลดโซเชียลมีเดียตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอังการา (Angara) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศตุรกีรองจากอิสตันบูล เมืองอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการและสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม 
ที่พัก TURIST HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

Day3 สุสานมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก – ทะเลสาบเกลือ – เมืองคัปปาโดเกีย – เมืองใต้ดิน – พิพิธภัณฑ์เกอเรเม – หุบเขาแดงหรือหุบเขากุหลาบ – ชมการแสดงระบำหน้าท้อง Belly Dance

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านถ่ายภาพด้านนอก สุสานมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (Ataturk Mausoleum) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามการกอบกู้อิสรภาพของตุรกี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีและประธานาธิบดีคนแรก และมุสทาฟา อิสเมท อีเนอนือ ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกี สุสานแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 มีความสำคัญกับประเทศตุรกีเป็นอย่างมาก โดยมีการบันทึกลงธนบัตรลีร่าตุรกี ถูกพิมพ์ขึ้นระหว่างปี 1966 – 1987 และ ปี 1999 – 2009 ปรากฏภาพสุสานแห่งนี้บนธนบัตรลีร่าด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเกลือ (Tuz Salt Lake) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตุรกี ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีเปอร์เซ็นต์ของเกลือสูง หากเดินทางไปเที่ยวทะเลสาบเกลือในหน้าร้อน น้ำทะเลสาบจะเหือดแห้งเหลือเพียงแต่กองเกลือที่ตกผลึกเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซ็นติเมตร มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดสายตา และที่ทะเลสาบเกลือแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War อีกด้วย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำกับภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาแต่โบราณกาลเพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากประเทศตุรกีไปจนถึงประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว เกิดจากลาวาที่พ่นออกมา และเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวยคว่ำปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า” (Fairy Chimney) โดยชื่อ คัปปาโดเกีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ อีกทั้ง ยังมีเมืองใต้ดินที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองคัปปาโดเกียแห่งนี้ ถือเป็นเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ซึ่งภายในเมืองใต้ดินมีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหมักไวน์ ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์ บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้าง ด้วยความอัศจรรย์ใต้พื้นดินแห่งนี้ เมืองคัปปาโดเกีย จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1985

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม (Goreme) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองคัปปาโดเกียในตอนกลางของอานาโตเลียประเทศตุรกี เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นสถานที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทอพรมและการผลิตเครื่องเซรามิก ล้ำค่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก 

จากนั้นนำท่านเข้าชม เมืองใต้ดิน (Underground City) เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ ภายในมีโซนห้องต่างๆ อาทิ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหมักไวน์ ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์ บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้างว่ากันว่าสามารถจุคนได้มากกว่า 30,000 คน และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบา เพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงอาจค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ ควรใช้ความระมัดระวังในการรับลงไปชมเมืองใต้ดินแห่งนี้ นำท่านถ่ายภาพด้านหน้า พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Open Air Museum of Goreme) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1985 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาแดงหรือหุบเขากุหลาบ (Red & Rose Valley) เป็นหุบเขาที่มีชื่อเสียงและจุดไฮไลท์ของคัปปาโดเกีย ที่มีลักษณะหุบเขาสีอิฐ สีแดงแกมชมพูอันเป็นเอกลักษณ์และสวยงาม มักนิยมมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกกันที่นี่

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านชมการแสดงพื้นเมือง โชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) พร้อมเครื่องดื่มท้องถิ่นไม่จำกัด เป็นการโชว์เต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งของชาวตุรกี ซึ่งมีมาประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องนี้ไว้ให้มีมาจนถึงปัจจุบัน การโชว์ระบำหน้าท้องนี้ได้มีมาอย่างแพร่หลายและมีการพัฒนาซึ่งเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องของประเทศตุรกีในปัจจุบัน

ที่พัก KALSEDON BOUTIQUE CAVE ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า
หมายเหตุ : ท่านควรเตรียมกระเป๋าสัมภาระใบเล็ก เพื่อแยกสัมภาระสำหรับค้างคืนที่โรงแรมถ้ำ เพื่อความสะดวกในการเดินทางของท่าน เนื่องจากโดยส่วนใหญ่โรงแรมสไตล์ถ้ำในเมืองนี้ไม่มีลิฟท์ให้บริการ

Day4 โรงงานทอพรม – หุบเขาอุซิซาร์ – โรงงานเซรามิก – โรงงานเครื่องประดับ – หุบเขานกพิราบ – หุบเขาพาซาแบค – เมืองคอนยา – ที่พักคาราวานเซราย

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
สำหรับการขึ้นบอลลูนเป็นไฮไลท์ของเมืองคัปปาโดเกียและจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ให้ท่านได้อิสระหากท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน และกิจกรรมอื่นๆ รายละเอียดดังนี้ กิจกรรมเสริมพิเศษนี้ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour)

1. บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรมประมาณ 04.30 – 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละ ประมาณ 280 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

2. รถจี๊ปทัวร์ (Jeep Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน

โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ  (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
3. รถมัสแตงโบราณ (Mustang Classic Car) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถเดินทางไปได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จำกัดโดยสารไม่เกิน 3 ท่าน/คัน ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถมัสแตงโบราณอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน 
คำแนะนำ
- เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง
- ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งก่อนออกเดินทาง และควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไป)

- กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง, ตั้งครรภ์ หรือ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบทุกกรณี
- สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านจำเป็นต้องพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าเยี่ยมชม โรงงานทอพรม (Carpet Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองทีมีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า

นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาอุชิซาร์ (Uchisar Valley) ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาแห่งนี้มีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย อุชิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุชิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น พิเศษ เคบับต้นตำรับ
นำท่านเดินทางเข้าเยี่ยมชม โรงงานเซรามิก (Ceramic Factory) และโรงงานเครื่องประดับ (Jewelry Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองทีมีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า นำท่านเดินทางสู่ หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) เป็นหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่ เนื่องจากสมัยก่อนชาวเมืองใช้นกพิราบมีหน้าที่เป็นผู้ส่งสารสำคัญในแถบละแวกนั้น และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขาพาซาแบค (Pasabag Valley) หรือหุบเขาพระ (Monks Valley) เป็นหินทรงสูงใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายเห็ดสามหัว รูปร่างแปลกตา 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนยา (Konya) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั๋วโมง) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก เป็นชื่อของอาณาจักรเก่าแก่ ซึ่งเคยมีอำนาจรุ่งเรืองสุดขีดในดินแดนอนาโตเลียของตุรกีโบราณ เมื่อราวปี ค.ศ. 1087 – 1194 กินเนื้อที่กว่า 3,900,000 ตารางกิโลเมตร ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายภาพ ที่พักคาราวานเซราย (Caravanserai) เป็นสถานที่พักแรกของกองคาราวานในสมัยโบราณตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม 
ที่พัก DUNDAR HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

Day5 เมืองปามุคคาเล – ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองโบราณเฮียราโพลิส – เมืองคูซาดาซึ

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล (Pamukkale) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนไหลลงสู่หน้าผา จนเกิดผลึกกึ่งสถาปัตยกรรมสีขาวขึ้น

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น

นำท่านเข้าชม ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆ หลายชั้น และผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ภายในบริเวณเดียวกันนี้ยังเป็น เมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่า เดิมเคยเป็นอะไร อาทิ โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1988 นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซึ (Kusadasi) เมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรกี ในอดีตเมืองนี้เป็นเหมือนท่าเรือขนส่งสินค้า เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงส่งออกทั่วโลก

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม 
ที่พัก COMFORT ADA CLASS HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

Day6 โรงงานผลิตเครื่องหนัง – เมืองเอฟฟิซุส – ห้องอาบน้ำโรมันโบราณ – หอสมุดเซลซุส – เตอร์กิช ดีไลท์ – หมู่บ้านซิรินเซ – เมือง  ชานัคคาเล

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตเครื่องหนัง (Leather Factory) ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อาทิ Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนัง และ สินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอฟฟิซุส (Ephesus) เป็นเมืองกรีกโบราณที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียในจังหวัดอิซเมียร์ในประเทศตุรกีปัจจุบัน เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Lonia) จากกรีกซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมืองซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน เข้าชม ห้องอาบน้ำโรมันโบราณ (Roman Bath) ที่ยังคงเหลือร่องรอยรของห้องน้ำ ห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ หอสมุดเซลซุส (Library of Celsus) มีความสวยงามเป็นเลิศ สร้างโดยติเบริอุส จูลิอุส อาควิลา อุทิศให้กับบิดา ชื่อ ติเบริอุส จูลิอุส เซลซุส ในปี 657 – 660 และได้ฝังโลงศพของบิดาที่ทำจากหินเอาไว้ใต้หอสมุดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2015

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ร้านเตอร์กิช ดีไลท์ (Turkish Delight Shop) คือขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโลคุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ วอลนัท ถั่วพิสตาชิโอ และแมคคาเดเมียผสมเข้าไปด้วย โดยส่วนมากหน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่งที่คลุกเคล้าประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกีนิยมทานคู่กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอปเปิล

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซิรินเซ (Sirince Village) หมู่บ้านแห่งสองวัฒนธรรมระหว่างตุรกีและกรีซ หมู่บ้านแห่งหุบเขาอุดมไปด้วยความสมบูรณ์บนยอดเขา สิ่งหนึ่งที่ทำให้หมู่บ้านซิรินเซโดดเด่นท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวก็คือไวน์ เนื่องจากที่นี่คือหมู่บ้านชาวกรีกจริงๆ จึงมีวัฒนธรรมไวน์ รวมไปถึงไวน์ผลไม้อื่น อาทิ แอปเปิล สตรอว์เบอร์รี กล้วย พีช เมล่อน ไวน์ผลไม้ของซิรินเซขึ้นชื่อมาก สามารถชิมไวน์และช้อปปิ้งในห้องใต้ดินในใจกลางหมู่บ้านซิรินเซ ตลาดนัดของหมู่บ้านมีจำหน่ายสบู่โฮมเมด งานฝีมือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกทุกชนิด บ้านไวน์ และบ้านกรีกโบราณ นอกจากนี้ ทิวทัศน์ของหมู่บ้านจากหอคอย โฮดรี เมย์เดน (Hodri Meydan) ทางเหนือของหมู่บ้านซิรินเซก็สวยงามเช่นกัน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล (Canakkale) ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ เฮลเลสปอนด์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตรเนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลอีเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาราตัดกับทะเลอีเจียน เป็นที่ตั้งของเมืองทรอย

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม 
ที่พัก TROIA TUSAN HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

Day7 อุทยานแห่งชาติเมืองทรอย – ม้าไม้จำลองเมืองทรอย – ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล – เมืองอิสตันบูล – ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส – ห้างอิสตินเย พาร์ค มอล

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมและถ่ายภาพ ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล (Trojan Statue/Hollywood Horse) เป็นม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์ฮอลิวูดเรื่อง ทรอย (Troy) ในปี 2004 มีแบรด พิตต์ แสดงชื่อดังระดับโลกเป็นนักแสดงนำ ทางทีมงานได้จำลองม้าไม้ขนาดใหญ่สีดำ เพื่อใช้ดำเนินเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องทรอย หลังจากนั้นทางทีมงานจึงมอบม้าไม้จำลองตัวนี้ให้กับทางการตุรกี เพื่อเป็นเกียรติและสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองชานัคคาเลอีกด้วย หลังจากนั้นนำท่านสู่ อุทยานแห่งชาติทรอย (Troy National Park) เป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งชองโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี ภายในอุทยานนำท่านชม ม้าไม้โทรจันหรือม้าไม้จำลองเมืองทรอย (Trojan Horse) เป็นม้าไม้ที่สร้างจำลองจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ที่ชาวกรีกใช้อุบายส่งม้าไม้ให้เมืองทรอยเพื่อเป็นของกำนัล แต่ความจริงแอบบรรจุคนมาในม้าไม้เพื่อเข้ามาเปิดประตูเมืองทรอย ให้ทหารเข้ามาตีตัวเมืองจนทำให้เมืองทรอยล้มสลาย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบโบราณ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรกี มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อนคริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงามผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์พิเศษ อีกทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งอิสตันบูล ฝั่งทวีปยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ค. 1986 นำท่าน ล่องเรือชมความสวยงามของช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black Sea) กับทะเลมาร์มารา (Sea of Marmara) โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรความกว้าง เริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตรช่องแคบนี้ถือว่าเป็นจุดบรรจบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดขอบทวีปเอเชียซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนีย์ภาพอันสวยงามของริมฝั่งช่องแคบแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาห์เชหรือบ้านเรือสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีแห่งประเทศตุรกีทั้งทั้งระหว่างล่องเรือ ระหว่างล่องเรือนำท่านผ่านชม

พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce Palace) สร้างโดยสุลต่านดับดุล เมซิด (Abdul Macit) ในปี ค.ศ. 1843 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1856 สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ด้วยศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก ตัวอาคารยาวถึง 600 เมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราบริเวณช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป บริเวณรอบนอกประดับประดาด้วยสวนสวยริมทะเล หอนาฬิกา น้ำพุ อุทยานดอกไม้ สระน้ำ รูปปั้น รูปสลักต่างๆ 
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ห้างสรรพสินค้าอิสตินเย พาร์ค มอลล์ (Istinye Park Mall) ให้ท่านได้อิสระช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้า ภายในมีสินค้าให้ซื้อหลายแบรนด์ อาทิ Adidas, Beymen, Boyner, Burberry, Calvin Klein, Cartier, Celine, Chanel, Christian Louboutin, Dior, Dolce & Gabbana, Emporio Armani, Fendi, Gap, Gucci, Hermes, Lacoste, Longchamp, Louis Vuitton, Mac, Miu Miu, Pandora, Penti, Prada, Rolex, Swarovski, Swatch, Victoria Secret (Beauty & Accessory) and Under Armour และอีกมากมายกว่า 291 ร้าน LUXURY BRANDS เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ร้านคาเฟต์และร้านอาหารหลากหลายร้านให้เลือกบริการ อิสตินเย พาร์ค มอลล์ สร้างเสร็จเมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2007 พื้นที่ก่อสร้าง 270,000 ตารางเมตร มีอาคารโดมแก้วขนาดใหญ่ 3 ชั้น และด้านข้างเป็นอาคารร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมแบบเปิดโล่ง ยังได้รับรางวัลจาก ICSC (International Council of Shopping Center) เป็นศูนย์การค้าที่ดีที่สุดในยุโรปในปี ค.ศ. 2009

ค่ำ อิสระอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว
ที่พัก PULLMAN HOTEL ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

Day8 สุเหร่าสีน้ำเงิน – ฮิปโปโดรม – เซนต์โซเฟีย – หอคอยกาลาตา – กาลาตาพอร์ต – จัตุรัสทักษิม – สนามบินอิสตันบูล

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หรือ ชื่อเดิม สุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed Mosque) การเข้าชมสุเหร่าทุกแห่งจะต้องถอดรอดเท้า ถอดหมวก ถอดแว่นตาดำ เป็นการเคารพสถานที่ สามารถถ่ายภาพด้านในได้ ห้ามส่งเสียงดังและกรุณาทำกิริยาให้สำรวม สุเหร่านี้สร้างในปี ค.ศ. 1609 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1616 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า ชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงค์ จะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัวสาธารณะคุลีเรีย (Kulliye) 
หมายเหตุ : โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่าและจำเป็นต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม
สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ
สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และเสื้อแขนยาวไม่รัดรูป

นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ ฮิปโปโดรม (Hippodrome) คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (Chariot Racing) หมายถึงการแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (Central Moscow Hippodrome) สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203 – 330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่า

สร้างก่อนคริสตกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลักงู 3 ตัวพันกัน จากเมืองเดลฟิ (Delphi) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อียิปต์ หรือเสาโอเบลิสก์ (Obelisk of Thutmose)  สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี จากนั้นนำท่านถ่ายภาพด้านหน้า วิหารเซนต์โซเฟีย (St.Sophia) หรือ สุเหร่าฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางเป็นโบสถ์คาทอลิก สร้างในสมัยพระเจ้าจัสติเนียน มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโม เสาในโบสถ์เป็นหินก้อน ภายในติดกระจกสี เมื่อเติร์กเข้าครอบครองเมือง ได้เปลี่ยนโบสถ์นี้ให้เป็นสุเหร่าในปี ค.ศ. 1453 ฉาบปูนทับกำแพงที่ปูด้วยโมเสกเป็นรูปพระเยซูคริสต์และสาวก ภายหลังทางการได้ตกลงให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่วันนี้คงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกซึ่งมีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุด ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้าง ที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น (ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษ ปลาแมคเคอเรลย่าง

นำท่านถ่ายภาพด้านหน้า หอคอยกาลาตา (Galata Tower) หอคอยหินสไตล์โรมัน แบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ตัวตึกประกอบด้วย 9 ชั้น มีรูปทรงกระบอก และมีหลังคาเป็นทรงกรวย อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1348 เพื่อไว้เป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกจากทางทะเลปัจจุบันชั้นบนเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมทัศนียภาพของเมือง นำท่านเดินทางสู่ กาลาตาพอร์ต (Galataport) ศูนย์การค้า, ศูนย์กลางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งใหม่ของเมืองอิสตันบูล ทั้งนี้ยังเป็นเป็นท่าเรือสำราญระดับโลกและเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการล่องเรือชั้นนำในเส้นทางเดินเรือยุโรปอีกด้วย ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าตั้งแต่ สินค้า D.I.Y สินค้าท้องถิ่น จนถึงร้านค้าแบรนเนมต่างๆ ทั้งนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม คาเฟ หรือให้ท่านได้เก็บภาพบรรยากาศมุมถ่ายภาพโมเดิลต่างๆ ตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านสู่ จตุรัสทักซิมสแควร์ (Taksim Square) ถนนสายนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอิสตันบูล มีร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ของที่ระลึก, ร้านอาหารพื้นเมือง และยังมีแทรมป์โบราณ (Tram) เรียกได้ว่าที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของชาวเมืองอิสตันบูล

ค่ำ อิสระอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี

Day9 สนามบินอิสตันบูล – สนามบินสุวรรณภูมิ

01.45 นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK068 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

15.00 เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ 
พร้อมความประทับใจจากทีมงานเลทส์โกกรุ๊ป

ช่วงเวลาเดินทาง

ช่วงเวลาผู้ใหญ่

เงื่อนไขทัวร์

สำคัญโปรดอ่าน

  1. กรุณาทำการจองล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 30 วัน พร้อมชำระเงินมัดจำ ท่านละ 20,000 บาท/ท่าน และชำระส่วนที่เหลือ 21 วัน ก่อนการเดินทาง กรณีวันเดินทางน้อยกว่า 21 วัน ต้องชำระค่าทัวร์เต็มจำนวน 100% เท่านั้น
  2. อัตราค่าบริการนี้ จำเป็นต้องมีผู้เดินทาง จำนวน 15 ท่าน ขึ้นไป ในแต่ละคณะ กรณีที่มีผู้เดินทางไม่ถึงตามจำนวนที่กำหนด ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเลื่อนการเดินทาง หรือเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ (ปรับราคาเพิ่มขึ้น เพื่อให้คณะได้ออกเดินทาง ตามความต้องการ)
  3. หนังสือเดินทางต่างประเทศชำระเพิ่ม 1,000 บาททุกกรณี
  4. ท่านที่ต้องออกบัตรโดยสารภายในประเทศ (ตั๋วเครื่องบิน, รถทัวร์, รถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกบัตรโดยสาร เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟลท์ หรือ เวลาบิน โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และการแนะนำจากเจ้าหน้าที่เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้น
  5. ระหว่างท่องเที่ยวหากนักท่องเที่ยวได้รับการตรวจยืนยันว่ามีเชื้อโควิด ทางโรงแรมอาจมีค่าทำความสะอาดห้องพักเพิ่มเติม (ไม่รวมอยู่ในรายการทัวร์)
  6. ในกรณีที่ภาครัฐทั้งไทย และประเทศปลายทางมีข้อกำหนดในการกักตัว หรือ การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกประเภท ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วยตัวท่านเอง (ไม่รวมอยู่ในรายการทัวร์)
  7. อาหารบนเครื่องเป็นไปตามนโยบายของสายการบิน

โปรแกรมทัวร์ใกล้เคียง

Powered by