แม้ว่าโตเกียว จะเป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างมาก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากมาย แต่สำหรับประเทศอย่างญี่ปุ่นนั้น การมีแหล่งท่องเที่ยว ที่เน้นบรรยากาศธรรมชาติสวยๆ ให้ผู้คนได้มาสัมผัสอากาศท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้า ก็เป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นยังคงให้ความสำคัญ ทำให้แม้แต่ในย่านการค้าสุดจะชุกชุมอย่างในเขต ย่านฮาราจูกุ (Harajuku) ก็ยังแอบมีสวนสาธารณะที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ ให้ทุกคนได้ไปพักผ่อนหย่อนใจกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นสวนสาธารณะในเขต ฮาราจูกุ แล้ว ยังถือเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของโตเกียวอีกด้วย ซึ่งก็คือ “สวนสาธารณะโยโยงิ” หรือ Yoyogi Park นั่นเอง
สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park)
ความโดดเด่นของ สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park)
การเดินทางไปยัง สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park)
5 พิกัด ที่น่าสนใจใน สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park) ที่ห้ามพลาด
สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park)
Yoyogi Park หรือเรียกง่าย ๆ ว่า สวนโยโยงิ คือสวนสาธารณะหลัก ตั้งอยู่ในเขต ชิบูย่า ใกล้เคียงกับ สถานีรถไฟฮาราจูกุ, ชินจูกุ และ ศาลเจ้าเมจิ ในกรุงโตเกียว กินพื้นที่มากกว่า 134 เอเคอร์ หรือ 54.1 เฮกตาร์ อยู่ในเขตพื้นที่ที่เรียกว่า “โยโยงิกามิโซโนโจะ” ที่เคยเป็นพื้นที่ที่ถูกใช้ทางการทหาร ในช่วงยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มาก่อน เพื่อฝึกกองกำลังป้องกันประเทศ และใช้ทดสอบเครื่องบินรบรุ่นต่างๆ ที่ถูกนำเข้า เมื่อยุคสมัยแห่งสงครามผ่านไป พื้นที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสวนสาธารณะอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1967 เป็นต้นมา ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของกรุงโตเกียว ในฐานะ “เขตธรรมชาติใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุด” ที่นอกจากจะเป็นสวนสาธารณะแล้ว ยังประกอบไปด้วยสถานที่ที่ถูกใช้ทั้งแบบทางการ และในการท่องเที่ยว อยู่ทั่วทั้งจุดรอบ ๆ สวน ไม่ว่าจะเป็น สนามกีฬา สระน้ำขนาดใหญ่ สวนดอกไม้ ลานสำหรับปิกนิก รวมไปถึงร้านค้าและร้านอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย
ความโดดเด่นของ สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park)
สวนโยโยงิ หรือ Yoyogi Park คือสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร จนเราอาจจะพูดได้ว่า สวนโยโยงิ ไม่ใช่แค่สวนที่มีไว้เพื่อเดินกินลมชมวิวเท่านั้น แต่เปรียบเสมือนอุทยานทางธรรมชาติเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในกลางเมืองใหญ่ เลยก็ว่าได้ เพราะสำหรับชาวโตเกียวแล้ว สวนโยโยงิ เปรียบเสมือนพื้นที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในบรรยากาศที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนๆ ในโตเกียวอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่น ปั่นจักรยาน ปิกนิก คอนเสิร์ตเปิดหมวก, แหล่งประชันคอสเพลย์ จุดชมดอกซากุระ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้คนจะสามารถเห็นคนไปเที่ยวที่สวนโยโยงิกันต่อวัน เป็นจำนวนมาก
โดยนอกจากนี้ สวนโยโยงิ ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยค่ะ ด้วยเพราะความที่สวนโยโยงิ ได้รับการสร้างมายาวนานมากนับจนถึงปัจจุบันก็ ที่นึ่จึงมาพร้อมกับเรื่องราวมากมายที่ทำให้เราสามารถอินได้มากกว่าเดิม เมื่อรู้ข้อมูลของสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ณ สวนแห่งนี้ ทั้งการเคยเป็นพื้นที่ ที่ถูกใช้ในทางการทหารมาก่อน และเป็นที่แรกที่ชาวญี่ปุ่นได้เห็นเครื่องบิน บินขึ้นสู่ท้องฟ้าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติ รวมถึงการได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่ในการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1964 จนกลายเป็น “สนามกีฬาแห่งชาติโยโยงิ” หรือสนามโอดะ ที่ได้รับการออกแบบโดย “ทันเงะ เคนโซ” สถาปนิกชั้นบรมครูของญี่ปุ่น ที่ยังคงเปิดให้ผู้คนเข้าไปใช้บริการ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน
การเดินทางไปยัง สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park)
การเดินทางไป Yoyogi Park นั้นง่ายแสนง่ายค่ะ เพียงแค่ลงข้างหน้าสถานีรถไฟ Harajuku Station ในเขตชิบูย่า และเดินออกมาอีกนิดนึง เพียง 5 นาที ก็จะเจอสวนโยโยงิแบบโดดเด่นมาแต่ไกลแล้ว
ที่นี่เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเปิดให้เข้าชมฟรีค่ะ ซึ่งภายในสวยสาธารณะแห่งนี้ก็มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ตลอดจนของที่ระลึกต่างๆ วางจำหน่ายมากมาย รวมทั้งยังเป็นแหล่งตลาดนัดของมือสองที่ขึ้นชื่อ ดังนั้นก็อย่าลืมเตรียมเงินไปช้อปกันด้วยนะคะ
5 พิกัด ที่น่าสนใจใน สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park) ที่ห้ามพลาด
ด้วยความที่ Yoyogi Park นั้นกินพื้นที่กว้างใหญ่มาก ๆ จะให้เดินสำรวจด้วยตัวเอง ก็น่าจะใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปชี้เป้า 5 พิกัดที่น่าสนใจ ของ Yoyogi Park ทีเรียกได้ว่าเป็นจุดไฮไลต์ของที่นี่และไม่ว่าใครไปใครมา ก็ต้องแวะมาแลนด์มาร์กนี้ และแน่นอนว่าใครมาแล้วไม่ได้ถ่ายรูปตรงนี้จะถือว่ามาไม่ถึงค่ะ
1. สวนดอกไม้ 4 ฤดูกาลแห่งโตเกียว
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Yoyogi Park ที่ดึงดูดทุกคนให้ทุกคนต้องไปเยือนกันก็คือ สวนดอกไม้นานาชนิด ที่ปลูกอยู่รอบทั้งสวนโยโยงิอยู่ในทุกมุม และถือเป็นสิ่งจรรโลงหัวใจอันดับแรก ๆ ของชาวเมืองโตเกียวที่เหมาะแก่การพาครอบครัว หรือคู่รัก มาเที่ยวชมกัน โดยความสวยงามของสวนดอกไม้ จะแบ่งออกไปตามฤดูกาลทั้ง 4 ของญี่ปุ่นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะต้นดอกซากุระที่มีมากกว่า 800 โดยมี 3 สายพันธุ์หลักๆ คือ คาวาซุซากุระ, โซเมโยชิโนะและ ยะเอะซากุระ นอกจากนี้ในช่วงเย็นๆ จะมีการจัดไฟไลท์อัพสวยๆ ทั่วสวนอีกด้วย เรียกได้ว่างดงามตระการตามากๆ เลยล่ะค่ะ
2. สนามกีฬาแห่งชาติโยโยงิ
นอกจากการมานั่งกินลมชมวิวแล้ว ทาง Yoyogi Park ก็มีสนามกีฬาขนาดใหญ่ คอยให้บริการสำหรับคนที่ต้องการมาทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะเช่นกัน ทุกวันเราจะสามารถเห็นชาวญี่ปุ่น มาออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ กันที่สวนโยโยงิกันเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็น วิ่งจ๊อกกิ้ง เล่นฟุตบอล บาสเกตบอล รวมถึงออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าได้ทั้งสุขภาพดีและอากาศยังดีมากๆ อีกด้วย
3. อนุสาวรีย์เที่ยวบินแรกของญี่ปุ่น
ในอดีต พื้นที่ของ Yoyogi Park เคยเป็นที่ที่ถูกใช้ทดสอบเครื่องบินเพื่อบินขึ้นสู่ท้องฟ้าสำเร็จ เป็นลำแรกของประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1910 โดย “พลโท โทคุงาวะ โยชิโทกิ” ทหารขั้นนายพล ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ได้รับใบอนุญาตขับจาก Aero-Club de France รับรองผู้พลขับเครื่องบินรบ เป็นคนแรกของญี่ปุ่น จึงทำให้ที่สวนสาธารณะโยโยงิมีอนุสาวรีย์ เพื่อเชิดชูในฐานะความภาคภูมิใจของประเทศญี่ปุ่น นั่นเอง
4. เขตรักษาพันธุ์นกโยโยงิ
ที่ Yoyogi Park แห่งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่างในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และอีกอย่างก็คือ การเป็นเขตอนุรักษ์ รักษาพันธุ์นกหายาก แห่งแรกของญี่ปุ่น อีกด้วยค่ะ โดยเราจะสามารถมองเห็นนกสวยๆ นานาพันธุ์มากมาย ที่ถูกนำมารวมไว้ในเขตนี้ โดยมีจุดสังเกตการณ์ ให้เราชมเหล่าน้อง ๆ นกได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ไม่เป็นการรบกวนซึ่งกันและกัน รวมถึงให้เด็ก ๆ ได้ตื่นตาตื่นใจกับนกสีสันสดใสมากมาย
5. รูปปั้นเทพเจ้าของเม็กซิโก Quetzalcoatlus
เป็นอีกจุดที่ดูแปลกและไม่ค่อยจะเข้ากับบรรยากาศรอบๆ ของ Yoyogi Park นั่นคือรูปปั้นท่าทางตลกๆ ที่ดูไม่ใช่ญี่ปุ่นเลย ซึ่งจริงๆ เพราะนี่คือรูปปั้นที่ใช้แทนสัญลักษณ์ของ เทพเจ้างูมีปีก ที่ทางรัฐบาลของประเทศเม็กซิโก มอบให้ทางญี่ปุ่น ตั้งแต่เมื่อปี 1990 นั่นเอง จึงถือเป็นอีกจุดหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การไปเยือน ถ้าได้ไปที่สวนโยโยงิ ก็อย่าลืมแวะไปแชะภาพที่รูปปั้นนี้ตรงนี้กันได้เลย
นอกจากนี้ไฮไลต์ของสวนโยโยกิ (Yoyogi Park) ที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเยือนกันมากที่สุด จะมีอยู่ 2 ช่วง ได้แก่ช่วงซากุระบาน เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยความงดงามและกลิ่นหอมของดอกซากุระ และชาวญี่ปุ่นก็จะมาเฉลิมฉลองเทศกาลฮานามิกันที่นี่ และอีกช่วงก็คือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมาก ๆ แต่จะว่าไปแล้วสวนโยโยกิ (Yoyogi Park) นั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวในฤดูกาลไหนก็จะพบกับความประทับใจทุกครั้งค่ะ และสำหรับใครที่เดินเที่ยวชมสวน Yoyogi Park กันแล้วอย่าลืมแวะไปสักการะศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu shrine)ที่อยู่ไม่ไกลกันด้วยนะคะ จะได้ถือโอกาสขอพรเพื่อความเป็นศิริมงคลด้วย