ตุรกี ดินแดนแห่งความงดงามและมีประวัติความเป็นมากว่าพันปี มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทางธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้เยี่ยมชมหลายแห่ง และหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญก็คือ อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan sarnici) นั่นเอง ซึ่งวันนี้เรามีประวัติความเป็นมาของอุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตันมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
Yerebatan sarnici เป็นอุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเก็บน้ำซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้เมืองอิสตันบลู โดยสามารถกักเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร ภายในอุโมงค์ยังมีเสากรีกที่มีขนาดใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น แต่มีเสาที่มีความโดดเด่นอย่างมากคือ เสาเมดูซ่า เสาที่มีความงดงาม พร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาเป็นทอดๆ รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย
อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici สร้างขึ้นเมื่อใด และถูกค้นพบเมื่อใด ?
อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไร ?
ไฮไลต์ที่น่าสนใจของอุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici ที่นักท่องเที่ยวต้องทึ่ง
สามารถเข้าชมอุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici อย่างไร
อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici สร้างขึ้นเมื่อใด และถูกค้นพบเมื่อใด ?
อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici หรือชื่อภาษาอังกฤษ บาซิลิกา ซิสเทิร์น (Basilica Cistern) สร้างขึ้นในปี 532 สมัยจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 แห่งไบแซนไทน์ในศตวรรษที่ 6 หรือประมาณ 1,490 ปีมาแล้ว ก่อสร้างอยู่ใต้ดินของจัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมัสยิดฮายาโซเฟีย (Hagia Sofia) เมืองอิสตันบูล โดยมีความกว้างประมาณ 64.6 เมตร ยาว 138 เมตร สูง 9 เมตร พร้อมเสาหินอ่อนค้ำยันหลังคาที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมกรีกแบบไอออนิก และแบบคอรินเทียนทั้งหมด 336 ต้น แบ่งเป็น 12 แถว แถวละ 28 ต้น โดยแต่ละต้นห่างกัน 4.9 เมตร ซึ่งเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ใต้ดินนี้สันนิษฐานว่ามาจากโครงสร้างโบราณ ซึ่งอาจเป็นโครงสร้างของมหาวิหารในอุโมงค์เก็บน้ำ ท่ามกลางเสาค้ำยันสามร้อยกว่าต้นนี้จะมีเสาที่มีความโดดเด่นต่างจากเสาอื่น ๆคือ เสารูปดวงตา และเสาเมดูซ่านั่นเอง สำหรับอุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตันนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญในปี ค.ศ. 1545 โดย Peter Gylius ชาวฝรั่งเศส ขณะที่เขาทำงานวิจัยเกี่ยวกับซากปรักหักพัง และโบราณสถานของยุคไบแซนไทน์ พร้อมแนะนำสถานที่แห่งนี้ให้ทุกคนทั่วโลกได้รู้จัก
อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไร ?
ในสมัยยุคไบแซนไทน์ อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici ถูกสร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำเป็นหลัก โดยน้ำที่ส่งมาเก็บที่อุโมงค์เยเรบาตันจะถูกส่งมาตามท่อส่งน้ำจากศูนย์กระจายน้ำที่ป่าเบลเกรด (Belgrade Forest) ก่อนจะกระจาย และส่งต่อไปยังพระราชวังหลวงแห่งคอนสแตนติโนเปิล ตลอดจนความต้องการน้ำของพลเมืองในภูมิภาคต่างๆ จนในปี ค.ศ. 1453 ยุคออตโตมันได้ยึดครองเมืองอิสตันบูล และได้ใช้ประโยชน์จากอุโมงค์เก็บน้ำแห่งนี้อีกครั้งเพื่อลำเลียงน้ำส่งไปยังพระราชวังทอปกาปิที่สุลต่านอาศัยอยู่ จากนั้นไม่นานชาวออตโตมันได้จัดสรรหาแหล่งน้ำขึ้นใช้ได้เองจึงได้หยุดการใช้งานจากอุโมงค์เก็บน้ำแห่งนี้
ไฮไลต์ที่น่าสนใจของอุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici ที่นักท่องเที่ยวต้องทึ่ง
นอกจากจะเป็นอุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งเมืองอิสตันบูลแล้ว ไฮไลต์ที่น่าสนใจของอุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici ซึ่งเป็นศิลปะชั้นยอดจากยุคโรมันที่นักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ
เสาหยดน้ำตา (The Column of Tears)
ซึ่งเป็นเสาหินอ่อนที่มีลายแกะสลักเป็นรูปหยดน้ำตา ตามความเชื่อที่ว่าหยดน้ำตาจากดวงตาของเหล่าทาสนับร้อยที่ตายขณะมีการก่อสร้างนั่นเอง
เสาหัวเมดูซ่า (Medusa)
ซึ่งใช้เป็นฐานรองใต้เสาสองต้นที่ขอบด้านตะวันตกเฉียงเหนือ จำนวน 2 หัว คือ เสาหัวเมดูซ่าแบบกลับหัว และเสาเมดูซ่าแบบตะแคงขวา โดยมีความเชื่อกรีกโบราณที่ว่า เมดูซ่า เป็นปีศาจเพศหญิงในโลกใต้ดินที่มีเส้นผมเป็น งู หากใครที่สบตาของเธอจะถูกสาปให้เป็นหินทันที ทั้งนี้ประติมากรรมดังกล่าวถูกสร้างขึ้นตามความเชื่อเพื่อจุดประสงค์ในการปกป้องสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความสำคัญ อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแก้เคล็ดจึงตั้งรูปแกะสลักศีรษะของเมดูซ่าให้กลับหัว หรือตะแคงนั่นเอง
นอกจากนี้ภายในอุโมงค์เก็บน้ำแห่งนี้ยังมีการเลี้ยงปลาสายพันธุ์ต่างๆ มากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้ชม และมีนักท่องเที่ยวหลายท่านได้นิยมโยนเหรียญลงในบ่อเลี้ยงปลาแห่งนี้ตามความเชื่อที่ว่าอยากให้กลับมาเยือนในสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง อีกทั้งอุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici แห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องดังอย่าง เจมส์ บอนด์ ตอน From Russian with Love (1963) และรหัสลับดาวินชี ตอน Inferno (2016) เป็นต้น จึงทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น
สามารถเข้าชมอุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici อย่างไร
เมื่ออุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici ถูกค้นพบแล้วทางการตุรกีได้เข้ามาปรับปรุง ล้างทำความสะอาด และบูรณะครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1985 และเปิดให้เข้าขมครั้งแรกในวันที่ 9 กันยายน ปี ค.ศ. 1987 จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งแห่งเมืองอิสตันบลู สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมความสวยงาม และความยิ่งใหญ่อลังการของอุโองค์เก็บน้ำเยเรบาตันสามารถเข้าชมได้ทุกวันในช่วงเวลา 9.00 – 19.00 น. และหากเป็นชาวต่างชาติจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมอุโมงค์เก็บน้ำแห่งนี้ด้วยค่ะ
และทั้งหมดนี้คือรายละเอียดที่น่าสนใจของอุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan sarnici ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจอย่างมาก แม้ระยะเวลาผ่านมาเป็นพันกว่าปีแล้วสถานที่แห่งนี้ยังคงความงดงามและยิ่งใหญ่ และสำหรับขาช้อปเมื่อออกจากอุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตันแล้ว สามารถเดินทางไปช้อปปิ้งต่อที่ตลาดแกรนด์บาร์ซ่าได้เลยเพราะอยู่ไม่ไกลจากอุโมงค์เก็บน้ำแห่งนี้ค่ะ
[ Troy กรุงทรอย | ย้อนตำนานสงครามแห่งทรอย และม้าไม้อันลือชื่อ ]