เที่ยวศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) อายุกว่า 100 ปีใจกลางโตเกียว

หากพูดถึงย่านท่องเที่ยว และช้อปปิ้งชื่อดังที่เต็มไปด้วย แสงสีจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับไหล หลายๆ คนอาจจะต้องนึกถึงย่านการค้าอย่าง ย่านฮาราจูกุ (Harajuku) กันอย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า สถานที่ท่องเที่ยวฮาราจูกุ นั้นไม่ได้มีแต่ร้านค้า ร้านขายของแล แหล่งช้อปปิ้งที่ทันสมัยเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างความผ่อนคลายและความสงบให้กับชีวิตอันยุ่งเหยิงได้ชั่วระยะหนึ่งอยู่ในย่านนี้อีกด้วย นั่นคือ “ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine)” อันโด่งดังและเป็นหนึ่งในพิกัดท่องเที่ยวในย่านฮาราจูกุนั่นเองค่ะ ศาลเจ้าเมจิมีความเป็นมาอย่างไร ?  ทำไมถึงมาอยู่ใจกลางย่านนี้ได้ ? วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับประวัติและความน่าสนใจของศาลเจ้าในป่าใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียวกันค่ะ  

ประวัติโดยย่อของ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ที่อยู่คู่กับเมืองโตเกียวมายาวนาน

ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ.1920 จนถึงตอนนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุราว ๆ  103 ปี และยังคงอยู่ใจกลางเขตฮาจาจูกุ กรุงโตเกียว มาจนถึงปัจจุบัน เคียงกันกับ สวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi Park) ที่มีความเก่าแก่ไม่แพ้กัน โดยศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น เพื่ออุทิศให้แก่การสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และ สมเด็จพระจักรวรรดินีโชเก็ง ผู้ครองราชย์ลำดับที่ 122 ของญี่ปุ่น ในช่วง “ยุคเมจิ” ในช่วงปี ค.ศ.1867 ถึง 1912 นั่นเอง และถูกใช้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา และกิจกรรมพิเศษประจำปีตามประเพณีแต่ดั้งเดิมมายาวนาน มาจนถึงบัดนี้ จนในยุคสมัยปัจจุบัน ศาลเจ้าเมจิ ก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นหนึ่งในที่เที่ยวชื่อดังแห่งย่านฮาราจูกุ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่อปีได้เป็นจำนวนมหาศาล  

ความโดดเด่นของของ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) อันเก่าแก่ ที่อยู่ร่วมกับเมืองกรุงได้อย่างลงตัว

ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าที่มีขนาดใหญ่โตมาก กินตารางพื้นที่มากกว่า 700,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยอาคารที่ใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ ทางศาสนาชินโต ที่ถูกจัดวางผังไว้อย่างเรียบง่ายและลงตัว เมื่อมาถึงทางเข้า จะได้พบกับ ซุ้มประตูขนาดใหญ่ตามแบบดั้งเดิมของศาสนาชินโต หรือที่เรียกว่า เสาโทริอิ (Torii) ตามสไตล์ศาลเจ้ายุคเก่า บรรยากาศโดยรอบตกแต่งอย่างสวยงามไปด้วยสวนต้นไม้และดอกไม้ในทุก ๆ มุม และเต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด มากกว่า 365 ชนิด กับต้นไม้ใหญ่รวมกันกว่า 1 แสนต้น จึงแทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าใหญ่แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ธรรมชาติใจกลางเมือง เช่นเดียวกับสวนสาธารณะโยโยงิ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เมื่อบวกรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ ศาลเจ้าเมจิ มีบรรยากาศที่ทั้งขลังไปด้วยความเก่าแก่ และความใหญ่โต และให้ความรู้สึกสงบทางจิตใจได้ในเวลาเดียวกัน เป็นเสน่ห์ในแบบของศาลเจ้าโบราณ ที่เราสามารถหาได้ในใจกลางเมืองใหญ่ แบบไม่ต้องไปไหนไกลเลย แค่มาที่โตเกียวก็ได้เจอแล้ว

การเดินทางไป ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ฉบับสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

สำหรับการเดินทางไปยัง ศาลเจ้าเมจิ นั้นก็สามารถเดินทางได้ง่าย ๆ ค่ะ เมื่อเดินทางมาถึงที่ต้นสายของฮาราจูกุ ให้นั่งรถไฟฟ้าสาย JR Yamanote ไปลงที่ Harajuku Station อันเป็นสถานีรถไฟหลักของฮาราจูกุ แล้วเดินเท้าต่อมาอีกสักหน่อย ก็จะเจอกับทางเข้าของศาลเจ้าแล้ว หรือจะเลือกนั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Fukutoshin หรือ Chiyoda แล้วไปลงที่สถานี Meiji-Jingumae / Harajuku Station ก็ได้เช่นกัน โดยเวลาเปิดทำการของศาลเจ้า ตั้งแต่ช่วง 5:00 จนถึง 18:30 น. พูดง่ายๆ ก็คือตั้งแต่ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินนั่นเอง เป็นเวลาทำการปกติของวัดหรือศาลเจ้าทั่วไป เพราะถ้าไปดึกเกินกว่านี้อาจจะทำให้ปลอดภัยได้  

แนะนำ 5 กิจกรรมที่ต้องทำ เมื่อไปที่ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) เพื่อเติมเต็มความร่มเย็นหัวใจ

เมื่อไปสถานที่แบบ ศาลเจ้าเมจิ แน่นอนว่าเราสามารถคาดหวังกิจกรรมสำหรับเพื่อสร้างความสงบสุขทางจิตใจในต่างแดน ซึ่งทางศาลเจ้าเองก็มีกิจกรรมทางธรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสักการะ ชำระล้างความขุ่นหมองภายในจิตใจกันได้หลากหลายรูปแบบ โดยเราขอแนะนำ 5 กิจกรรมหลัก ๆ ที่คุณต้องได้ทำแน่นอน เมื่อไปถึง ศาลเข้าเมจิแห่งนี้

1. ล้างมือล้างปากชำระล้างก่อนเข้าศาลเจ้าเมจิ

อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนเข้าศาลเจ้าเลยค่ะ ไม่ทำก็เข้าไปศักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านในไม่ได้นะคะ  นั่นคือการเดินผ่านหน้าซุ้มที่เรียกว่า เทมิซุยะ (Temizuya) ล้างมือและล้างปาก ชำระล้างร่างกายให้ใสสะอาดก่อนเข้าไปในเขตภายในของศาลเจ้า ตามความเชื่อของศาสนาชินโตว่า มนุษย์นั้นต่างมีเคราะห์และความทุกข์ติดตัวมาทั้งหมด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงต้องใช้น้ำสะอาดชำระล้างกาย ก่อนเข้าสู่เขตศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองโดยเทพเจ้านั่นเอง  

2. ไหว้ขอพรต่อเทพเจ้า

เป็นกิจกรรมที่ทุกคนนิยมมาทำกันที่ศาลเจ้า โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่หรือที่เรียกว่าช่วง ฮัทสึโมเดะ หรือค่ำคืนแห่งการขอพรคืนแรกของปี นั่นเอง โดยการมาทำพิธี ขอพรต่อเทพเจ้า ให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว จะเป็นการโยนเหรียญ 5 เยนของญี่ปุ่น ที่มีรูอยู่ตรงกลาง หรือที่เรียกว่า โกเอน (Go-En) ที่เป็นเหรียญนำโชคในความเชื่อของญี่ปุ่น ขึ้นบนฟ้า จากนั้นก็โค้งคำนับ 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้ง ขอพร และโค้งอีกที 1 ครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นการขอพรต่อเทพเจ้าค่ะ  

3. เขียนแผ่นไม้ขอพรให้ตนโชคดี

อีกหนึ่งความเชื่อของชาวญี่ปุ่นก็คือ การเขียนขอพรลงบนแผ่นไม้อ่อน ที่เรียกว่า แผ่นเอมะ (Ema) ในการเขียนพรที่ตัวเองต้องการต่อเทพเจ้า และนำไปแขวนไว้ที่รอบ ๆ ต้นปาล์ม อันเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้าโดยมีความเชื่อว่า จะเป็นการขอพรต่อเทพเจ้าได้โดยตรงนั่นเอง ซึ่งเราสามารถเขียนพรอะไรก็ได้เลยลงบนแผ่นเอมะ ไม่ว่าจะเรื่องรัก เรื่องเรียน เรื่องชีวิต ฯลฯ เป็นกิจกรรมน่ารัก ๆ ที่ผู้มาเยือนต้องทำ

4. เยี่ยมชมพิธีการถวายพรแด่เทพเจ้า

เนื่องจากเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่โตมาก ทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือ ในการจัดงานและพิธีการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราจะสามารถเห็นชาวญี่ปุ่นมาจัดกิจกรรม และงานสำคัญต่าง ๆ อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น งานถวายพรแก่เทพเจ้า ที่เรียกว่า โอนิคคุไซ (Onikkusai) ที่ทำตลอดในทุกช่วงเช้าของทุกวัน ถ้าใครไปในช่วงเช้า จะสามารถเห็นพิธีโอนิคคุไซกันได้อย่างเต็มรูปแบบค่ะ  

5. เยี่ยมชมสวนธรรมชาติในเขตศาลเจ้า

บรรยากาศรอบ ๆ ศาลเจ้า คือพื้นที่สีเขียวที่แทบจะเรียกว่าเป็นป่ากลางเมืองก็ว่าได้ ทำให้ทางศาลเจ้ามีการจัดพื้นที่ไว้เพื่อใช้สำหรับเป็นสวนดอกไม้และต้นไม้โดยเฉพาะ ในชื่อแบบทางการว่า “Meiji Shrine Inner Garden” ให้เราได้เข้าไปชมความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และสัตว์ตัวน้อยน่ารักมากมาย พร้อมกับไฮไลท์ประจำสวนเป็น ดอกไอริส (Irisflower) สีสด ที่จะบานสะพรั่งอย่างสวยงามในช่วงฤดูร้อน นั่นเอง

และนี่ก็คือความสวยงาม โดดเด่น และยิ่งใหญ่ ของ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) อันเก่าแก่ ที่เรานำมาฝากกันค่ะ เมื่อมาถึงย่านชินจูกุกันแล้ว หากมีเวลาอย่าลืมแวะไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และถ่ายรูปสวยๆ  ในศาลเจ้ากันด้วยนะคะ  สำหรับการไปเที่ยวสถานที่ทางศาสนาของญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรละเลยก็คือ การให้ความเคารพต่อสถานที่นั่นเอง แบบเดียวกับที่เราไปเข้าวัดของบ้านเราเอง ที่เราจะรู้กรอบระเบียบและประเพณีในแบบของเรา ศาลเจ้าเมจิ เองก็เช่นกัน ขอให้ทุกคนได้รับความสนุก ความสงบสุขทางจิตใจติดตัวกลับมากันถ้วนหน้านะคะ