หากคุณกำลังมีแพลนไปท่องเที่ยวกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่ออยากชมความงดงามของศิลปะอันทรงคุณค่าของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เชื่อว่า“พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (louvre museum)” เป็นพิกัดที่คุณพลาดไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก และเป็นที่รวบรวมของงานศิลปะอันล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ รวมถึงปฏิมากรรมอันเลื่องชื่อมากมาย อาทิเช่นภาพวาดหญิงสาว โมนาลิซา (Mona Lisa), รูปปั้นเทพีวีนัส (Venus de Milo) และภาพวาดเสรีภาพนำทางชาวประชา เป็นต้น และสำหรับใครที่อยากไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (louvre museum) ในกรุงปารีสกันอยู่ เรามีข้อมูลดีๆ มาฝากกันค่ะ
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (louvre museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งกรุงปารีส สร้างขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 เดิมทีเคยเป็นพระราชวังลูฟร์มาก่อน และปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปะอันล้ำค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมเพียง 40,000 ชิ้นเท่านั้น โดยเปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี ค.ศ. 1793 โดยภายในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) ได้แบ่งออกเป็น 3 ปีก คือ
- Richelieu อยู่ทางทิศเหนือ
- Sully เป็นอาคารสี่เหลี่ยมทางทิศตะวันออก
- Denon อยู่ทิศใต้ขนานกับแม่น้ำแซน
ทั้งนี้ในแต่ละปีกได้แบ่งสัดส่วนจัดเก็บงานศิลปะตามประเภท และตามยุคสมัยต่าง ๆได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ยังถูกใช้เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์รหัสลับดาวินซี (The Davinci Code) อีกด้วย
จุดไฮไลท์ที่สำคัญของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (louvre museum) ที่ห้ามพลาด
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (louvre museum) เป็นสถานที่รวบรวมงานศิลปะหลากหลายแบบไว้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด รูปปั้น หรือประติมากรรมต่าง ๆ ล้วนบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันรุ่งเรืองในแต่ละยุคสมัย โดยจุดไฮไลท์ที่สำคัญถ้าได้เข้าไปในพิพิธภัณฑ์แล้วต้องห้ามพลาดชมงานศิลปะเหล่านี้คือ
โมนาลิซา (Mona Lisa)
จุดไฮไลท์แรกที่สำคัญที่ห้ามพลาดเมื่อมาพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ คือ ภาพวาดหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มปริศนา โมนาลิซา (Mona Lisa) เป็นผลงานภาพเขียนสีน้ำมันอันมีชื่อเสียงของเลโอนาโด ดา วินชี โดยขนาดภาพวาดมีความสูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร และใช้เวลาวาดภาพนี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ตั้งแต่ ค.ศ. 1503–1507 เป็นเวลายาวนานถึง 4 ปี สำหรับภาพวาดโมนาลิซาเป็นภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลก ถูกจัดแสดงอยู่กลางห้องโถงใหญ่ และนักท่องเที่ยวทั้งหลายได้เข้ามาชมกันอย่างล้นหลามจนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด รูปภาพโมนาลิซาได้ถูกขโมยไป และหายไปถึง 2 ปีกว่าจะตามหา และเอาคืนมาได้ จึงทำให้ปัจจุบันภาพวาดโมนาลิซาถูกเก็บไว้ในตู้กระจกนิรภัยกันกระสุน และปรับอากาศอย่าดี
รูปปั้นเทพีวีนัส (Venus De Milo)
ประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักรูปเทพีวีนัส หรือเทพีแห่งความรักของกรีกโบราณเป็นอีกหนึ่งงานศิลปะที่มีชื่อเสียงไม่แพ้ภาพวาดโมนาลิซาเลยทีเดียว ซึ่งรูปปั้นเทพีวีนัสถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1820 โดย Yorgos Kentrotas เป็นผู้ค้นพบในบริเวณเกาะมิโล แถบทะเลเอเจียน ซึ่งคาดว่ามีอายุมากกว่า 2,100 ปี แม้ว่ารูปปั้นนี้แขนทั้งสองข้างจะขาดไปแต่ก็เป็นประติมากรรมสตรีที่สวยที่สุดในโลก และคงไว้ซึ่งความละเอียดอ่อนของงานประติมากรรมงานศิลป์ไว้อย่างครบถ้วน และเนื่องจากรูปปั้นเทพีวีนัสเป็นรูปปั้นเทพีแห่งความรักจึงมีความเชื่อว่าหากขอพรกับรูปปั้นนี้จะทำให้ความรักสมหวัง และรักยืนยาวค่ะ
เทพีไนกี้แห่งโมเทรซ (The Winged Victory of Samothrace)
เทพีไนกี้แห่งโมเทรซ (The Winged Victory of Samothrace) หรืออนุสรณ์แห่งชัยชนะที่ซาโมเทรซ เป็นประติมากรรมยุคกรีกเฮเลนิสติก เป็นงานแกะสลักจากหินอ่อนที่แสดงภาพเทพีไนกี้หัวขาดกางปีก โดยถูกสร้างขึ้นราว 300 ปีก่อนคริสตกาลทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีกในการรบที่ซาโมเทรซ สำหรับเทพีไนกี้แห่งโมเทรซถูกค้นพบบนเกาะซาโมเทรซ ประเทศกรีกในปี ค.ศ. 1863 และถูกจัดตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 เป็นอีกหนึ่งประติมากรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกผลงานหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยค่ะ
ภาพวาดเสรีภาพนำทางชาวประชา
เป็นอีกหนึ่งภาพวาดที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากกับ “ภาพวาดเสรีภาพนำทางชาวประชา” โดยศิลปินเออแฌน เดอลาครัว ซึ่งภาพวาดนี้วาดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของการปฏิวัติในเดือนกรกฏาคมปี ค.ศ. 1830 จากเหตุการณ์ล้มพระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส สำหรับภาพวาดนี้ใช้สีน้ำมันวาดลงบนผืนผ้าใบ แสดงถึงสตรีท่านหนึ่งกำลังพาผู้คนเดินข้ามเครื่องกั้น และกองศพไปข้างหน้า โดยถือธงการปฏิวัติฝรั่งเศสในมือข้างหนึ่ง และถือปืนคาบศิลาอีกข้างหนึ่ง นับเป็นภาพวาดที่ดีที่สุดของศิลปินเดอลาครัวเลยทีเดียว
ไดแอนาแห่งแวร์ซาย
สำหรับไดแอนาแห่งแวร์ซายเป็นประติมากรรมหินอ่อนขนาดใหญ่กว่าคนจริง แสดงถึงสตรีล่าสัตว์ที่มีร่างกายกำยำออกไปทางบุรุษ โดยมีกวางเป็นเพื่อนร่วมทาง โดยแอนาจะมองไปทางขวา มือขวายกขึ้นในท่าที่เตรียมจะดึงศรออกจากระบอก เครื่องแต่งกายเป็นแบบกรีกโบราณ ส่วมรองเท้าแตะ สำหรับงานประติมากรรมชิ้นนี้เป็นงานก๊อปปี้จากงานเดิมเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 1จากงานประติมากรรมกรีกเดิมที่เชื่อกันว่าสร้างโดยเลโอคารีส ราว 325 ก่อนคริสต์ศักราชที่สูญหาย
ภาพ The Wedding at Cana
ภาพ The Wedding at Cana เป็นผลงานชิ้นเอกของ Paolo Veronese ศิลปินยุคเรอเนสซองส์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1563 เป็นภาพที่บ่งบอกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ขณะพระเยซูแสดงปาฎิหารย์เสกน้ำเปล่าให้เป็นไวน์ในงานเลี้ยงแต่งงานที่คานาร์ และปรากฏว่าไวน์ได้หมด พระองค์จึงรับสั่งให้คนรับใช้ในงานนำโถที่บรรจุน้ำเต็มมาให้กับพระองค์ เมื่อพระองค์เทน้ำจากโถปรากฏว่าน้ำนั้นเป็นไวน์ไปแล้วนั่นเอง จากปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงได้ถูกบันทึกไว้เป็นภาพที่แสดงถึงปาฏิหารย์ครั้งแรกของพระเยซูนั่นเอง
และทั้งหมดนี้คือข้อมูล และจุดไฮไลท์ที่สำคัญของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (louvre museum) ที่เหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลายห้ามพลาด ซึ่งหากคุณหลงไหลในงานศิลปะ และมีแพลนอยากชมความสวยงามของงานศิลปะที่ล้ำค่าแบบประเมินค่าไม่ได้ “พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (louvre museum)” คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณค่ะ