Jigoku Meguri | จิโกกุ เมกุริ ชม 8 บ่อนรก ที่ต้องมาเยือนให้ได้ Cover Page

หากพูดถึงเมืองตากอากาศยอดนิยมของญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อนกัน หนึ่งในนั้นก็คือเมืองโออิตะ บนเกาะคิวชู ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีออนเซ็นมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะที่ เบปปุ เมืองเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขาที่มีแหล่งน้ำพุร้อนหรือออนเซ็นมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยจะกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองซึ่งมีให้บริการทั้งแบบเรียวกัง ออนเซ็นตามธรรมชาติ และในโรงแรม รวมถึงโคลน และบ่อทราย  และหนึ่งใหนพิกัดยอดนิยมที่เราจะพาไปรู้จักในวันนี้คือ จิโกกุ เมกุริ (Jigoku Meguri) หรือบ่อนรกน้ำพุร้อนทั้ง 8 แห่งเมืองเบปปุ (Hells of Beppu) โดยคำว่า จิโงะกุ (Jigoku) หมายถึง “นรก”  แค่ชื่อก็ดูน่ากลัวแล้วใช่ไหมคะ แล้วทำไมต้องชื่อว่าบ่อนรก? วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันค่ะ 

 

บ่อนรกน้ำพุร้อนทั้ง 8 แห่งเมืองเบปปุ (Hells of Beppu)

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image1

 

จิโกกุ เมกุริ (Jigoku Meguri) หรือขุมนรกทั้งแปด เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อกว่าพันปีก่อน ซึ่งแต่ละบ่อนั้นก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะสีใของน้ำในบ่อที่แตกต่างกันจนเป็นที่มาของชื่อเรียก และด้วยความที่น้ำพุร้อนในบ่อนั้นมีอุณหภูมิสูงเกินกว่าที่จะลงแช่ได้ จึงถูกตั้งชื่อว่า บ่อนรกนั่นเอง  

Jigoku Meguri แยกออกเป็น 2 พื้นที่ด้วยกัน โดยพื้นที่แรกนั้นจะอยู่ในเขตคันนาว่า (Kannawa) มีอยู่ด้วยกัน 6 บ่อคือ Umi Jigoku, Oniishibozu Jigoku, Shiraike Jigoku, Kamado Jigoku, Oniyama Jigoku, Yama Jigoku ซึ่ง 6 บ่อนี้อยู่ไม่ไกลกันนัก สามารถเดินถึงกันได้ และส่วนที่ 2 อยู่ในเขตชิบาเซกิ (Shibaseki) ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร คือ Chinoike Jigoku และ Tatsumaki Jigoku  สามารถเดินจากส่วนแรกไปหากันได้ แต่ก็จะมีรถบัสบริการด้วยเช่นกัน ไปดูความแตกต่างของน้ำพุร้อนที่ Jigoku Meguri  แต่ละบ่อกันเลยค่ะ  

 

อุมิ จิโกกุ (Umi Jigoku)

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image2

 

มาเริ่มทัวร์บ่อนรก Jigoku Meguri  แห่งแรกกันที่ อุมิ จิโกกุ (Umi Jigoku) หรือที่รู้จักกันในชื่อบ่อนรกทะเลเดือด เป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำพุร้อนทั้ง 8 แห่ง มีอุณหภูมิสูงถึง 98 องศา มีความลึกถึงกว่า 200 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมากเพราะด้วยสีของน้ำในบ่อที่เป็นสีฟ้า (Cobalt blue) และมีควันลอยขึ้นตลอดเวลารวมถึงทัศนีย์ภาพโดยรอบที่เต็มไปด้วยต้นไม้ต่างๆ ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณนี้จะสวยงามมากๆ และหากใครพอมีเวลาก็สามารถเดินขึ้นไปขอพรบนศาลเจ้า เบปปุ ฮาคุริว (Beppu Hakuryu Inari)ก่อนกลับกันได้

 

โอนิอิชิ โบสุ จิโกกุ | Oniishi Bozu Jigoku

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image3

 

เป็นบ่อโคลนสีเทาที่มีความร้อนสูงถึง 99 องศาเซลเซียส มีโคลนเดือดอยู่ตลอดเวลา มีชื่อเรียกกันไปหลากหลายชื่อตามลักษณะของโคลนที่ผุดขึ้นมาเป็นลักษณะกลมๆ เหมือนศีรษะของพระ บ้างก็เรียกว่าบ่อโคลนศีรษะพระ บ้างก็เรียกบ่อปิศาจหัวโกร๋น โดยรอบๆ บริเวณก็จะมีบ่อแช่เท้าเล็กๆ สามารถ แช่ได้ฟรีด้วยนะคะ  

 

ชิราอิเกะ จิโกกุ | Shiraike Jigoku

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image4

 

เป็นบ่อน้ำพุร้อนสีขาว หรือบ่อนรกสระขาว ลักษณะจะเป็นสีขาวขุ่นๆ มีอุณหภูมิประมาณ 95 องศา รอบๆ บ่อน้ำพุนี้จะมีการจัดภูมิทัศน์แบบสวนญี่ปุ่น มีศาลาไว้สำหรับนั่งพัก และภายในบริเวณจะมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหายากซึ่งใช้ความร้อนจากออนเซ็นเพื่อใช้ดูแลปลาในส่วนนี้  

 

คามาโดะ จิโกกุ | Kamado Jigoku

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image5

 

บ่อนรกคามาโดะ หรือบ่อเตานรกเป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมใน Jigoku Meguri ชื่อนี้ได้มาเพราะมีตำนานเล่าว่าสถานที่นี้เคยถูกใช้เป็นที่ปรุงอาหารให้เทพเจ้าโดยใช้ไอร้อนจากน้ำพุ ด้านหน้าทางเข้าจะมีสัญลักษณ์รูปยักษ์สีแดงอยู่หน้าบนเตา น้ำในบ่อจะมีลักษณะเป็นสีฟ้า-ขาว มีอุณหภูมิสูงประมาณ 98 องศา รอบๆ บริเวณจะมีบ่อน้ำพุร้อนเล็กๆ อีก 6 บ่อ และมีจุดบริการอาหารที่ปรุงสุกด้วยไอร้อนจากน้ำพุ โดยมีเมนูพุดดิ้งโชยุ, ไข่ออนเซ็น และไข่เยี่ยวม้าออนเซ็นเป็นมนูยอดนิยม  

 

โอนิยามะ จิโกกุ | Oniyama Jigoku  

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image6

 

บ่อนี้อาจจะดูแปลกๆ ไปบ้างเพราะไม่ใช่บ่อน้ำพุร้อนเสียเลยทีเดียวแต่เป็นบ่อจระเข้ที่ใช้น้ำอุ่นที่มาจากน้ำพุร้อน หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือบ่อนรกจรเข้ค่ะ ที่นี่มีจระเข้มากกว่า 80 สายพันธ์รวมกว่าร้อยตัว มีทั้งแบบแยกเลี้ยงเดี่ยวและ เลี้ยงรวมกันโดยแต่ละบ่อก็จะมีกรงกั้นกันคนตกลงไป สำหรับบ่อนี้จะมีโชว์ให้อาหารจระเข้ทุกวันพุธและวันเสาร์ค่ะ  

 

ยามะ จิโกกุ | Yama Jigoku

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image7

 

ยามะ จิโกกุ หรือ หุบเขานรก เป็นบ่อน้ำพุร้อนเล็กๆ ที่มีน้ำพุออมาจากโขดหินรอบๆ ตลอดเวลา โดยจะมี อุณหภูมิ 90 องศา รอบๆ บริเวณจะมีร้านค้า ร้านอาหารไว้ให้บริการและนอกจากนี้ยังมีโซนสวนสัตว์เล็กๆ มีสัตว์หลายชนิดเช่นนกฟลามิงโก้,ลิงและฮิปโป เป็นต้นซึ่งเราสามารถให้อาหารได้ค่ะ

 

ชิโนเกะ จิโกกุ | Chinoke Jigoku

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image8

 

บ่อนี้เป็นบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นมีอุณหภูมิสูงถึง 78 องศา  มีชื่อเรียกอีกอย่างคือบ่อนรกสีเลือด โดยน้ำในบ่อจะมีสีแดง สวยและแปลกตา ซึ่งเป็นสีแดงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการรวมตัวกันของความร้อนจากเหล็กออกไซด์กับแมกนีเซียมนั่นเองค่ะ บริเวณรอบๆ จะมีที่นั่งพักให้แช่เท้าและตรงทางเข้าก็จะมีร้านขายของที่ระลึกอีกด้วยค่ะ

 

ทัตสึมากิ จิโกกุ | Tatsumaki Jigoku  

 

จิโกกุ (Jigoku Meguri) Image9

 

จุดสุดท้ายของ Jigoku Meguri ที่เราจะพาไปคือบ่อน้ำร้อน Tatsumaki Jigoku  หรือที่เรียกว่าบ่อน้ำพุนรก หรือบ่อนรกทอร์นาโด แล้วแต่จะเรียก เป็นบ่อน้ำพุร้อนแบบไกเซอร์ (Geyser) ซึ่งหมายถึงบ่อที่มีแรงดันมาก ซึ่งจะมีไอน้ำร้อนพุ่งขึ้นมาสูงและสม่ำเสมอ ซึ่งน้ำในบ่อนี้ร้อนมากถึง 150 องศาและจะมีน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาทุกๆ 25-30 นาที และพุ่งสูงถึง 50 เมตร โดยจะพุ่งขึ้นอยู่ราวๆ 6-10 นาทีค่ะ ซึ่งบ่อนี้จะใช้เวลาในการรอชมน้ำพุค่อนข้างนาย หากไม่มีเวลาก็สามารถผ่านได้ค่ะ

 

และนี่ก็คือ Jigoku Meguri (จิโกกุ เมกุริ)  8 บ่อนรกที่ต้องมาเยือนให้ได้ค่ะ ซึ่งหากใครมาเที่ยวเบปปุและและมีเวลามากพอขอแนะนำว่าควรชมให้ครบ 8 บ่อค่ะ ไม่อย่างนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงจิโกกุ เมกุริและแน่นอนว่ามาไม่ถึงเบปปุเช่น กันแต่หากมีเวลาไม่มากพอเลือกชมเป็นบางบ่อก็ได้ค่ะ โดย Jigoku Meguri เปิดให้บริการให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.  อัตราค่าเข้าชมน้ำพุร้อน ผู้ใหญ่บ่อละ 400 เยน เด็ก 200 เยน  หรือซื้อตั๋วเหมาชม 8 บ่อ ผู้ใหญ่ในราคา 2,000 เยน, เด็ก 1,000 เยน

Powered by