ทำความรู้จักกับพระราชวังเว้ (Hue Royal Palace)
พระราชวังเว้ (Hue Royal Palace) หรือ “พระราชวังไดโนย” (Dai Noi) เป็นพระราชวังเมืองเว้อดีตเมืองหลวงของจักรวรรดิเวียดนาม ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เนื่องจากเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจีนมานานนับพันปี ตั้งอยู่ที่เมืองเว้ (Hue) จังหวัดเถื่อเทียน เว้ (Thua Thien Hue) ประเทศเวียดนาม บนพื้นที่กว่า 52 ตารางกิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับกษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์ การประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ รวมไปถึงสถานที่ทำงานภายใต้การปกครองของราชวงศ์เหงียน (Nguyễn) โดยได้มีการสร้างกำแพงด้วยกันทั้งหมด 2 ชั้น และมีคูน้ำล้อมรอบด้านนอก เพื่อล้อมรอบบริเวณพระราชวังเว้ และสถานที่สำหรับกษัตริย์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเขตพระราชวัง ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า Imperial Citadel หรือป้อมปราการหลวงนั่นเอง โดยมีอาคารต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์, ศาลา, วัดและสถานที่สักการะ, สวน, สำนักงาน, ที่พักสำหรับขุนนาง และอื่น ๆ รวมแล้วประมาณ 147 แห่ง ซึ่งพระราชวังเมืองเว้แห่งนี้ ได้รับความเสียหายอย่างหนักและถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ในช่วงสงครามอินโดจีนจนถึงในช่วงปี 1980 จากนั้นจึงได้รับการบูรณะและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1993
โครงสร้างของพระราชวังเมืองเว้ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงด้านนอกที่ล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ระยะทางรวมแล้วถึงกว่า 10 กิโลเมตร เรียกว่าป้อมปราการเมืองหลวงเว้ (Kinh thành) เป็นกำแพงดินที่เสริมความแข็งแรงด้วยอิฐและหิน หนา 21 เมตร สูง 8 เมตร ประกอบไปด้วยทางเข้าถึง 10 ทาง หอสำหรับระวังภัย 24 ป้อม ด้านบนของกำแพงมีประตูเสริมสำหรับเชื่อมต่อกับป้อมปราการ Tran Binh ที่เรียกว่า Thai Binh Mon (ประตูสันติภาพ) ล้อมรอบด้วยคูน้ำซึ่งน้ำในคูจะถูกส่งมาจากแม่น้ำหอม (Hương River) ผ่านประตูระบายน้ำหลายบาน
กำแพงด้านในหรือป้อมปราการแห่งที่ 2 คือป้อมปราการหลวง (Hoàng thành) ซึ่งมีกำแพงล้อมรอบรวมแล้วยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร ตัวกำแพงสูง 6 เมตร ภายในป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อล้อมรอบเขตพระราชฐาน วัด วัง และอุทยานหลวง ซึ่งถูกสร้างขึ้นเลียนแบบพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง โดยจะถูกเรียกว่าเมืองต้องห้ามสีม่วง (Tử cấm thành) กำแพงชั้นในถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล้อมรอบเขตพระราชฐานชั้นในของราชวงศ์ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เหมือนกันกับเมืองต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง ซึ่งใช้เรียกสำหรับการเข้าถึงสถานที่ด้านในที่จำกัดเอาไว้เฉพาะราชวงศ์เท่านั้น ประกอบไปด้วยประตู 4 บานได้แก่ ประตูโงมน (Ngo Mon) ทางทิศใต้, ประตูฮวาบินห์ (Hoa Binh) ทางทิศเหนือ, ประตูเฮียนเญิน (Hien Nhon) ทางทิศตะวันออก และประตู เฉืองดึ๊ก (Chuong Duc) ทางทิศตะวันตก โดยมีประตูหลักคือประตู Ngo Mon ซึ่งในอดีตถูกสงวนไว้เป็นประตูสำหรับกษัตริย์เท่านั้น เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานโบราณเพียงไม่กี่แห่งของพระราชวังเว้ ที่อยู่ของสภาพสมบูรณ์เหมือนในอดีต
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังเว้ (Hue Royal Palace)
พระราชวังเมืองเว้ (Hue Royal Palace) เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิยาลอง (Gia Long) กษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์เหงียน (Nguyễn) โดยสร้างขึ้นมาในฐานะเมืองหลวงใหม่ที่ได้มาจากการรวบรวมดินแดนต่าง ๆ ในปี 1803 และได้ย้ายเมืองหลวงไปทางตอนเหนือของของ Tăng Long (หรือฮานอยในปัจจุบัน) ไปยังเมืองเว้ (Huế) ซึ่งเป็นเมืองบ้านเกิดบรรพบุรุษของจักรพรรดิยาลอง ซึ่งพระองค์มองว่าลัทธิขงจื๊อ และรูปแบบการปกครองของจีนนั้นเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงได้สั่งให้สร้างพระราชวังที่มีความสลับซับซ้อน โดยมีพื้นฐานเหมือนกับพระราชวังต้องห้ามของกรุงปักกิ่งขึ้นมาในเมืองเว้แห่งนี้ โดยสร้างแล้วเสร็จในปี 1832 ภายใต้รัชสมัยของจักรพรรดิ์มินห์หม่าง (Ming Mang)
ในการสร้างพระราชวังจะมีการจัดวางฮวงจุ้ยโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่มองหาตำแหน่งภูมิประเทศที่ดีและเป็นมงคล โดยให้ตัวพระราชวังหันหน้าไปทางแม่น้ำหอม ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยเชื่อว่าแม่น้ำและภูเขาของที่นี่มีลักษณะคล้ายกับมังกรและสิงโต จะช่วยปกป้องพระราชวังเว้และเมืองเอาไว้ ซึ่งทิศทางของพระราชวังจะแตกต่างจากพระราชวังต้องห้ามของปักกิ่งซึ่งหันหน้าไปทางทิศใต้ และได้มีการสร้างที่ประทับของกษัตริย์หันไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของพระราชวังซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำหอม จากนั้นมีการสร้างกำแพงชั้นที่ 2 และคูน้ำขึ้นรอบ ๆ เขตพระราชฐานชั้นใน โดยประกอบไปด้วยลานกว้างที่มีรั้วรอบขอบชิด ศาลา สวน และพระราชวัง รวมแล้วถึง 147 แห่ง พระราชวังเว้แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ว่าราชการเรื่อยมาจนกระทั่งมีการบังคับใช้อารักขาของฝรั่งเศสในปี 1880 ทำให้การดำรงอยู่ของราชวงศ์เหงียนนั้นเป็นไปในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสืบสานประเพณีของชาวเวียดนาม และหลังจากที่ราชวงศ์เหงียนถูกโค่นล้มในปี ค.ศ. 1945 พร้อมกับการประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม จึงได้มีการจัดพิธีสละราชสมบัติของของจักรพรรดิบ๋าวดั่ย (Bảo Đại) จักรพรรดิองค์ที่ 13 และองค์สุดท้ายของราชวงศ์เหงียน ซึ่งเป็นราชวงศ์ปกครองสุดท้ายของเวียดนามที่พระราชวังเว้แห่งนี้
ความสูญเสียครั้งใหญ่ของพระราชวังเว้ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1947 เมื่อกลุ่มเวียดมินห์ซึ่งเป็นแนวร่วมเอกราชแห่งชาติโดยพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน ได้เข้ายึดพระราชวังเมืองเว้ และฝรั่งเศสทำการตอบโต้การโจมตีด้วยการปิดล้อมและทำสงคราม ทำให้โครงสร้างสำคัญหลายแห่งของเมืองเว้และพระราชวังถูกทำลายและถูกเผาจนเสียหายเป็นอย่างมาก ต่อมาในปี ค.ศ. 1968 พระราชวังได้ถูกทำลายลงอีกครั้งในช่วงเริ่มแรกของยุทธการที่เว้ หรือเรียกอีกอย่างว่าการปิดล้อมเว้ โดยกองทัพเวียดนามเหนือ ซึ่งเป็นการสู้รบครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก ทำให้อาคารส่วนใหญ่ถูกทำลายลงเกือบทั้งหมด โดยมีสถานที่สำคัญเพียง 10 แห่งเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสภาพดี
หลังจากการถูกทำลายโดยสงคราม การเสื่อมสภาพตามกาลเวลา รวมไปถึงภัยธรรมชาติและปลวก พระราชวังเมืองเว้ได้รับการฟื้นฟูและผลักดันเพื่อให้กลับสู่ความงดงามรุ่งโรจน์เหมือนในอดีต โดยองค์การยูเนสโกได้เข้ามาบูรณะพระราชวังเมืองเว้และขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1993 ในกลุ่มของ Complex of Huế Monuments อาคารที่ยังหลงเหลืออยู่ได้รับการบูรณะและอนุรักษ์เอาไว้ และทำให้พระราชวังเว้แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนาม ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเข้าชมความงดงามอลังการของพระราชวังเมืองหลวงเก่าเวียดนามแห่งนี้กันอย่างคับคั่ง
สถานที่น่าสนใจภายในพระราชวังเว้
1. ประตูโงมน (Ngo Mon)
ประตูทางเข้าหลักของพระราชวัง เป็นประตูโครงสร้าง 3 ชั้นที่มีความยาว 58 ม. กว้าง 27 ม. และสูง 17 ม. ประกอบไปด้วยประตูทั้งหมด 5 ประตู ประตูตรงกลางมีไว้สำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น ประตูที่อยู่ถัดออกไปสองฝั่งมีไว้สำหรับขุนนาง ประตูด้านนอกถัดออกไปอีก 2 บานสำหรับข้าราชบริพารและผู้ติดตาม ด้านบนของประตูเหนือยอดโค้งคือหอคอย Five Phoenix อันเป็นสถานที่ให้กษัตริย์ประทับในช่วงเฉลิมฉลอง และประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบคัดเลือก โดยในรัชสมัยของกษัตริย์เหงียน ประตูโงมนจะถูกเปิดใช้งานเมื่อกษัตริย์เสด็จผ่าน หรือเมื่อกษัตริย์ทรงต้อนรับราชทูตจากต่างประเทศเท่านั้น
2. พระราชวังไทยฮัว (Thai Hoa Palace)
เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1805 ตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมพระราชวังและวัดในช่วงศตวรรษที่ 19 ของจีน ประกอบไปด้วยอาคาร 2 หลังเชื่อมต่อกัน ได้แก่ พระราชวังด้านหน้าและตัวพระราชวังหลัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ทองคำของกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน พระราชวังไทยฮัวแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นอาคารที่มีความสำคัญมากที่สุดภายในพระราชวังเว้ โดยถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการจัดพิธีของราชสำนักทั้งหมด เช่น พิธีราชาภิเษก วันคล้ายวันพระราชสมภพของกษัตริย์ งานเลี้ยงต้อนรับทูตอย่างเป็นทางการ และการเยี่ยมเยียนราชสำนัก เป็นต้น
3. ประตูทองคำ (Great Golden Gate)
เป็นประตูทางเข้าหลักสู่เขตพระราชฐานชั้นในหรือเมืองต้องห้ามสีม่วง เป็นประตูโครงสร้างไม้เคลือบสีแดงและสีเหลือง เดิมสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิมินห์หม่างในปี ค.ศ. 1833 ในเขตพระราชวังไทยฮัว ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ทองคำในสมัยจักรพรรดิยาลอง ประตูทองคำแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นประตูที่มีความวิจิตรและงดงามมากที่สุดเมื่อเทียบกับประตูอื่น ๆ ของเขตพระราชฐานชั้นใน แต่สีสันที่สดใสของประตูทองคำอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ ก็ถูกทำลายลงด้วยไฟสงครามของฝรั่งเศสในช่วงต้นปี ค.ศ. 1947
4. พระราชวังเดียนโถ (Cung Dien Tho)
เป็นพระราชวังซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองต้องห้ามสีม่วง ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมของพระราชวัง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ในพระราชวังเว้ ใช้เป็นที่ประทับของพระราชินีหรือพระมารดาของราชวงศ์เหงียน พระราชวังมีพื้นที่ถึงกว่า 17,500 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยห้องโถงใหญ่ Dien Tho, พระราชวัง Tho Ninh, พระราชวัง Tinh Minh, วัด Truong Du, พระราชวัง Khuong Ninh อาคารเหล่านี้เชื่อมต่อถึงกันด้วยทางเดินที่มีหลังคาคลุม
5. หอสมุดหลวง (Thai Binh Ngu Lam Thu Lau)
หอสมุดหลวงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่สวยที่สุดของพระราชวังเว้ โดยอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในหรือเมืองต้องห้ามสีม่วง ที่นี่เป็นศาลาซึ่งจักรพรรดิเสด็จมาเยือนเพื่อทรงอ่านหนังสือและพักผ่อน สร้างขึ้นในปี ค.ศ 1821 โดยจักรพรรดิมินห์ หม่าง ได้ทรงสั่งให้สร้างอาคารทางด้านทิศตะวันตกของสวน Thieu Phuong เรียกว่า คฤหาสน์ Tri Nhan ซึ่งแปลว่าคฤหาสน์แห่งสติปัญญาและความเมตตา ต่อมาได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อเป็น Thanh Ha Thu Lau (ศาลาเขียน) โดยจักรพรรดิ Thieu Tri และถูกเรียกว่าหอสมุดหลวงในสมัยของจักรพรรดิ Dong Khanh
6. พระราชวังพุงเตียน (Phung Tien Palace)
พระราชวังพุงเตียนตั้งอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำ Chuong Duc หน้าพระราชวัง Dien Tho ซึ่งอยู่ทางประตูด้านตะวันตกของพระราชวังเว้ สร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิยาลองและมินห์หม่าง เพื่อสักการะบูชากษัตริย์และราชินีเหงียน โดยสตรีที่อยู่ในพระราชสำนักจะได้รับอนุญาตให้มาที่นี่เพื่อแสดงความเคารพ นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดเก็บสมบัติมากมายของกษัตริย์เหงียน
7. ศาลาเฮียนลัม (Hien Lam Cac)
ศาลาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1821 แล้วเสร็จในปี 1822 ในสมัยของจักรพรรดิมินห์หม่าง เป็นอาคารที่สูงที่สุดโดยมีความสูง 13 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน และขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ ศาลาแห่งนี้มีโกศเก้าราชวงศ์ (The Nine Dynastic Urns) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า เป็นโกศทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุด 9 ชิ้นในเวียดนาม ชื่อของโกศทั้ง 9 ได้แก่ Cao Dinh, Nhan Dinh, Chuong Dinh, Anh Dinh, Nghi Dinh, Thuan Dinh, Tuyen Dinh, Du Dinh และ Huyen Dinh แต่ละโกศจะมีลวดลายเวียดนามแบบดั้งเดิมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งลวดลายที่อยู่บนโกศทั้ง 9 โกศนี้ ถือเป็นสารานุกรมทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่แท้จริงเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์เอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะมีสภาพอากาศเลวร้ายและสงครามมากมายก็ตามที
การเดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังเว้
สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังเว้ สามารถเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดานัง (Da Nang International Airport) จากนั้นเดินทางโดยรถยนต์หรือเช่าแท็กซี่ต่อไปที่พระราชวังเว้ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ด้วยระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเดินทางโดยใช้เส้นทางรถไฟหรือรถโดยสารประจำทางจากเมืองอื่น ๆ มายังเมืองเว้กันได้ แต่ถ้าหากจะให้สะดวกที่สุดแนะนำให้เลือกซื้อทัวร์สำหรับการเยี่ยมชมพระราชวังเมืองเว้กันค่ะ โดยเวลาทำการของพระราชวังเว้จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06:30 น. - 17:30 น. ในฤดูร้อน และ 07:00 น. - 17:30 น. ในฤดูหนาว โดยมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 200,000 VND (8.39 เหรียญสหรัฐ) สำหรับผู้ใหญ่ และ 40,000 VND (1.68 เหรียญสหรัฐ) สำหรับเด็ก
คำแนะนำสำหรับการเยี่ยมชมพระราชวังเว้
- สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมพระราชวังเว้กันได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าหากไม่อยากร้อนมากนักแนะนำให้มากันในช่วงฤดูหนาวค่ะ
- มีปืนใหญ่ 9 ทัพ ตั้งเรียงอยู่ 9 กระบอก บริเวณระหว่างประตูทิศใต้และกำแพงใหญ่ของหอธง ปืนใหญ่ตั้งชื่อตามฤดูกาลทั้งสี่และธาตุทั้งห้า ได้แก่ โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ และดิน สร้างมาจากเครื่องถ้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดของราชวงศ์ Tay Son นำมาหลอมเป็นปืนใหญ่ 9 กระบอก
- การชมพระราชวังใช้การเดินเป็นหลัก ดังนั้นจึงควรสวมใส่รองเท้าที่สุภาพและเดินสบายค่ะ
- ควรแต่งกายให้เรียบร้อยเพื่อเป็นการให้เกียรติกับสถานที่
ที่พักแนะนำใกล้กับพระราชวังเว้
1. Meliá Vinpearl Hue
ที่พักสุดหรูระดับ 5 ดาวใจกลางเมืองที่นักท่องเที่ยวหลายคนต่างก็บอกว่าดีเลิศ เป็นอาคารที่สูงที่สุดในเมืองเว้ ทำให้ผู้เข้าพักสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันแสนมีชีวิตชีวาของเมืองเว้ได้จากมุมสูง มาพร้อมบริการอาหารเช้าและบริการสุดแสนประทับใจ ให้บริการห้องพักกว้างขวางหรูหรา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน แวดล้อมไปด้วยร้านค้าร้านอาหารที่สามารถเดินไปได้อย่างสะดวก โดยอยู่ห่างจากพระราชวังเว้เพียงแค่ 1.9 กิโลเมตร โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้แก่ Thien Mu Pagoda, สุสานจักรพรรดิมิงห์หม่าง, The Mieu Temple, Tomb of Tu Duc, Truong Tien Bridge เป็นต้น
Location : 50A Hùng Vương, Phú Nhuận, Thành phố Huế, Thừa Thiên Huế, Vietnam
2. Senna Hue Hotel
ที่พักหรูหราระดับ 5 ดาวใจกลางเมืองเว้ มาพร้อมห้องพักขนาดใหญ่และบริการสุดแสนประทับใจ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่รวมไปถึงสวนน้ำที่แสนงดงาม บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า แผนกต้อนรับที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงและบริการที่ครบครันสำหรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน อยู่ห่างจากพระราชวังเมืองเว้เพียงแค่ 1.7 กิโลเมตร และมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Thien Mu Pagoda, สุสานจักรพรรดิมิงห์หม่าง, The Mieu Temple, Tomb of Tu Duc, Truong Tien Bridge เป็นต้น
Location : No.7 Nguyễn Tri Phương, Street, Thành phố Huế, Thừa Thiên Huế 53000, Vietnam
3. Hue Royal Hotel
ที่พักระดับ 3 ดาวใจกลางเมืองที่ตกแต่งอย่างน่ารัก มีแผนกต้อนรับตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการรถรับส่งสนามบินและรถรับส่งแบบมีค่าธรรมเนียม ห้องพักมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยผู้เข้าพักสามารถเช่ารถจักรยานหรือรถยนต์ เพื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบของเมืองเว้ หรือซื้อทัวร์เมืองเว้ได้ที่โรงแรมแห่งนี้ โรงแรมอยู่ห่างจากพระราชวังเมืองเว้เพียง 2 กิโลเมตร โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Thien Mu Pagoda, สุสานจักรพรรดิมิงห์หม่าง, The Mieu Temple, Tomb of Tu Duc, Truong Tien Bridge, พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ เป็นต้น
Location :
4. White Lotus Hue Hotel
ที่พักระดับ 4 ดาวใจกลางเมืองเว้ มาพร้อมบริการสระว่ายน้ำกลางแจ้ง แผนกต้อนรับส่วนหน้าตลอด 24 ชั่วโมง บริการทัวร์ บริการอาหารเช้าแบบอเมริกันหรือเอเชีย แวดล้อมไปด้วยร้านค้าร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย อยู่ห่างจากพระราชวังเว้ออกไปเพียงแค่ 1.5 กิโลเมตร และมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้แก่ Truong Tien Bridge, พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์, พระราชวังอันดิงห์, สุสานจักรพรรดิมิงห์หม่าง เป็นต้น
Location : 36 Võ Thị Sáu, Phú Hội, Thành phố Huế, Thừa Thiên Huế 49000, Vietnam
5. Silk Path Grand Hue Hotel
ที่พักสุดหรูระดับ 5 ดาวใจกลางเมืองเว้ ให้บริการที่พักพร้อมสระว่ายน้ำกลางแจ้ง มีศูนย์ออกกำลังกาย แผนกต้อนรับ 24 ชั่วโมง บริการรถรับส่งสนามบิน สนามเด็กเล่น บริการอาหารมื้อเช้า และบริการรถจักรยานให้เช่า อยู่ห่างจากพระราชวังเว้เพียงแค่ 1.4 กิโลเมตร และมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Trang Tien Bridge, พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์, พระราชวังอันดิงห์, สุสานจักรพรรดิมิงห์หม่าง เป็นต้น
Location : 2 Lê Lợi, Vĩnh Ninh, Thành phố Huế, Thừa Thiên Huế, Vietnam
ต้องบอกว่าพระราชวังเว้นั้นถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวเมืองเว้กันเลยค่ะ ซึ่งที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาโดยอาจเรียกได้ว่า เป็นพระราชวังต้องห้ามหรือพระราชวังกู้กรุงแห่งปักกิ่งขนาดย่อส่วนกันเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ถูกปกครองโดยราชวงศ์เหงียนเป็นเวลาถึงกว่า 143 ปี ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเวียดนามมากมาย ที่ถึงแม้จะถูกทำลายโดยไฟสงคราม กาลเวลา และภัยธรรมชาติ แต่ความงดงามของพระราชวังเมืองเว้แห่งนี้ ก็ยังคงอยู่ให้เราได้มองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอดีตพระราชวังหลวงแห่งเวียดนามกันได้จากปัจจุบันค่ะ