หนึ่งในแลนมาร์กของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยว ก็คือภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) หรือ “ฟูจิซัง” " หรือ "Mt. Fuji" และไม่ว่าชื่อไหน ภูเขาไฟฟูจิก็มีประวัติ ความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยอดเขาที่มีความสูง ไล่ระดับลงมาจนถึงฐานดูคล้ายรูปทรงปิระมิดที่มีความสมมาตรไม่ว่าจะมองจากมุมไหน และยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวตัดกับเชิงเขาด้านล่างที่เป็นสีเข้มยิ่งทำให้ภูเขาไฟฟูจิมีเสน่ห์และมีความงดงามที่ไม่เหมือนใคร และวันนี้เรามีประวัติ ภูเขาไฟฟูจิมาฝากกันค่ะ
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาไฟฟูจิ เกิดจากอะไร?
ไปรู้จัก กับประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ กัน
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จิตวิญญาณ และศิลปวัฒนธรรม
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ จากภาพจำสู่มรดกโลก
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ เที่ยวภูเขาไฟฟูจิช่วงไหนกันดี
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาไฟฟูจิ เกิดจากอะไร?
![ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ Image1]()
ภูเขาไฟฟูจิ มีประวัติเป็นภูเขาไฟแบบสลับชั้น (Composite Volcano) เกิดจากหินหนืดหรือลาวาที่อยู่ใต้เปลือกโลกซึ่งมีความร้อนสูง ถูกแรงอัดดันให้แทรกตามรอยแตกของเปลือกโลกขึ้นสู่ผิวโลกแล้วเย็นตัวลง แล้วเกิดการปะทุซ้ำไปซ้ำมาจนชั้นลาวาทับถมกันเป็นชั้น ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายหมื่นปีในการก่อตัวจนเป็นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ตัวภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลก 3 แผ่น คือ แผ่นอเมริกาเหนือ แผ่นยูเรเชีย และแผ่นฟิลิปปินส์ ภูเขาไฟฟูจิจัดเป็นภูเขาไฟขนาดกลาง ลักษณะรูปทรงกรวย มีปากปล่องขนาดใหญ่ และมีแอ่งปากปล่อง ภายในภูเขาไฟมีธารลาวา เถ้าภูเขาไฟ กรวด หิน เรียงสลับชั้นกันไป ภูเขาไฟฟูจิอยู่ในกลุ่มภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ คือ เป็นภูเขาไฟที่ยังมีโอกาสที่จะปะทุได้อีกแต่ไม่รู้เวลาที่แน่นอน ซึ่งจากประวัติ ภูเขาไฟฟูจิที่ระเบิดครั้งล่าสุด ก็ต้องย้อนไปในปี พ.ศ.2250 (ค.ศ.1707) หรือราว ๆ 300 กว่าปีมาแล้ว
ไปรู้จัก กับประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ กัน

ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) เป็นภูเขาและภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูงเมื่อวัดจากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ที่ 3,776 เมตร หรือ 12,388 ฟุต ด้วยความสูงขนาดนี้จึงทำให้สภาพอากาศบริเวณยอดฟูจิซังเป็นแบบทุนดรา คือ มีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี อุณหภูมิต่ำสุดที่บันทึกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1981 คือ - 38.0 °C และอุณหภูมิสูงสุดบันทึกในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1942 คือ 17.8 °C สภาพอากาศเย็นตลอดปีขนาดนี้จึงทำให้มีพืชพรรณธรรมชาติ เช่น มอสส์ และตะไคร่น้ำ ขึ้นปกคลุมบริเวณปากปล่องและยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชพันธุ์ต่าง ๆ ตัวภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ทำมุม 45 องศากับพื้นราบ ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ และจังหวัดยามานาชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวงโตเกียว
นอกจากประวัติ ภูเขาไฟฟูจิจะมีความเป็นมาที่น่าสนใจแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีธรรมชาติที่งดงามซึ่งได้รับอิทธิพลจากการปะทุและการระเบิดของฟูจิซังตั้งแต่อดีต จนเกิดเป็นทะเลสาบ 5 แห่งในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ที่อยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ได้แก่ ทะเลสาบคาวากุจิ (Lake Kawaguchi) ทะเลสาบโชจิ (Lake Shoji) ทะเลสาบโมโตสุ (Lake Motosu) ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) และทะเลสาบยะมะนะกะ (Lake Yamanaka) ทะเลสาบเหล่านี้เองที่เป็นจุดชมวิวและถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวคงจะคุ้นตากันมาบ้าง กับภาพถ่ายภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำ เรียกว่า “ซากาซะฟูจิ (Sakasa Fuji)” ซึ่งแปลว่า ภูเขาไฟฟูจิกลับหัว นักท่องเที่ยวสามารถไปชมความงดงามของซากาซะฟูจิได้ ในช่วงระหว่างปลายฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงที่อากาศสดใสที่สุด
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จิตวิญญาณ และศิลปวัฒนธรรม

หากศึกษาประวัติ ภูเขาไฟฟูจิในเชิงศาสตร์ทางศาสนา จะพบว่ามนุษย์ในยุคที่ยังไม่มีการนับถือศาสนาหลักอย่างในยุคปัจจุบัน มักจะให้ความเคารพกับสัญลักษณ์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แม่น้ำ ภูเขา เพราะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยังประโยชน์ให้มนุษย์นั่นเอง หากย้อนไปราวพุทธศตวรรษที่ 12 ภูเขาไฟฟูจิ ก็มีประวัติก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการทำให้ภูเขาไฟฟูจิ นอกจากจะมีประวัติอันยาวนาน แล้วยังกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยายไม่ต่างอะไรจากบ้านของเทพเจ้า ว่ากันว่าความเป็นพื้นที่ทางจิตวิญญาณเริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในราวปี พ.ศ.1206 เมื่อมีนักบวชลัทธิชินโตเดินทางขึ้นสู่ยอดฟูจิซังได้สำเร็จ และมีการสร้างศาลเจ้าไว้ด้านบน ต่อมาเมื่อมีผู้แสวงบุญเดินทางตามขึ้นมามากขึ้นก็สร้างที่อยู่อาศัยของเหล่านักบวช และเส้นทางที่ท่านเดินพิชิตยอดเขายังได้กลายเป็นเส้นทางจาริกแสวงบุญของผู้ที่นับถือภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ในฐานะที่อยู่ของเทพเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ และด้วยความเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในประวัติ ภูเขาไฟฟูจิจึงเคยมีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้นไปเหยียบบนยอดเขา โดยเด็ดขาด เพราะพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ต้องสงวนไว้สำหรับบุรุษเพศเท่านั้น ผู้หญิงในอดีตจึงขึ้นมาสักการะได้แค่ศาลเจ้าที่อยู่ด้านล่าง จนกฎเกณฑ์นี้ได้ถูกยกเลิกไปในปี ค.ศ.1872 ทำให้ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) กลับมาเป็นพื้นที่สำหรับมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ ยังถูกถ่ายทอดผ่านผลงานของศิลปิน จนกลายเป็นภาพจำในฐานะตัวแทนประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เช่น ผลงานของศิลปินชั้นยอดในสมัยเอโดะอย่าง “คะสึชิกะ โฮะกุไซ” ผู้สร้างผลงานภาพพิมพ์แกะไม้ ชื่อชุด "ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาฟูจิ" ที่ถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนในยุคเอโดะ โดยมีภาพฟูจิซังยืนเด่นเป็นฉาก ซึ่งภาพที่รู้จักมากที่สุดในงานชุดนี้ก็คือ "คลื่นยักษ์นอกฝั่งคะนะงะวะ" นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ของภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ยังถูกถ่ายทอดผ่านบทกลอนญี่ปุ่น และผลิตซ้ำเป็นชื่อแบรนด์สินค้า ชื่อบริษัท ชื่อนักซูโม่ก็ยังมีเลย จึงไม่แปลกอะไรที่ภูเขาไฟฟูจิ และประวัติความเป็นมาจะกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่คนทั่วโลกต้องนึกขึ้นได้เมื่อเอ่ยถึงประเทศญี่ปุ่น
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ จากภาพจำสู่มรดกโลก

ด้วยความงดงาม และประวัติ ภูเขาไฟฟูจิอันยาวนาน รวมถึงคุณค่าที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมาอย่างมากมายทุกยุคสมัย ซึ่งยืนยันได้จากหลักฐานภาพวาด โคลงกลอน สัญลักษณ์ ชื่อแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ที่มีภาพของฟูจิซังเป็นองค์ประกอบ ทำให้ภูเขาไฟฟูจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม จากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 37 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2556 ภูเขาไฟฟูจิจึงเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 13 และเป็นมรดกโลกแห่งที่ 17 ของประเทศญี่ปุ่น
ประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ เที่ยวภูเขาไฟฟูจิช่วงไหนกันดี

ช่วงเวลาที่เหมาะสมของการเดินทางท่องเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ คือ ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนที่ท้องฟ้าสดใสทำให้เห็นทิวทัศน์ได้ชัดเจน และเป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางขึ้นไปทำกิจกรรมบนภูเขาไฟฟูจิ เช่น การปีนเขา วิ่ง Trail หรือเดินทางไปแสวงบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยมีเส้นทางปีนเขาที่ได้รับความนิยม 4 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya Trail) เส้นทางโกเท็นบะ (Gotemba Trail) เส้นทางซุบาชิริ (Subashiri Trail) และ เส้นทางโยชิดะ (Yoshida Trail) สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ ขอแนะนำว่าควรศึกษาประวัติ เส้นทาง และตรวจเช็คความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ให้อยู่ในสภาพดีด้วย
และนี่คือประวัติ ภูเขาไฟฟูจิ ที่เรานำมาแบ่งปันกันค่ะ จะเห็นได้ว่าไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปนานเท่าไหร่ก็คงไม่สามารถลบเลือนความยิ่งใหญ่ของฟูจิซังไปได้ ภูเขาไฟฟูจิยังคงมีประวัติอันยิ่งใหญ่และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่ตั้งตระหง่านท้าทายความเปลี่ยนแปลง และเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ที่เชื้อเชิญให้ทุกคนไปเยี่ยมเยือนเสมอ