ประวัติความเป็นมาของวัดเงิน เกียวโต (Ginkakuji Temple)
7 ไฮไลต์เด็ดในวัดเงิน เกียวโตที่ห้ามพลาด
4 ที่เที่ยวใกล้วัดกินคะคุจิ (วัดเงิน เกียวโต)
เดินทางไปวัดเงิน เกียวโตอย่างไรได้บ้าง?
4 ที่พักใกล้วัดเงิน เกียวโต
ไปเที่ยววัดเงิน เกียวโตฤดูกาลไหนดี?
ข้อแนะนำในการเที่ยววัดเงิน เกียวโต Ginkakuji Temple
วันเวลาเปิด-ปิด และค่าเข้าชมวัดเงิน เกียวโต
ประวัติความเป็นมาของวัดเงิน เกียวโต (Ginkakuji Temple)
วัดเงิน เกียวโต Ginkakuji Temple หรือมีอีกชื่อว่า Higashiyama Jisho-ji ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1482 เดิมทีถูกใช้เป็นบ้านพักหลังเกษียณของโชกุนอาชิคางะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ซึ่งเขาได้สร้างศาลาเงิน หรือ Silver Pavilion ขึ้นมาจากแบบพิมพ์เขียวของศาลาทอง หรือวัดทอง เกียวโต (Kinkakuji Temple) ที่อาชิคางะ โยชิมิทสึ ปู่ของเขาได้เคยสร้างขึ้นไว้ ต่อมาเมื่อเขาบวชเป็นพระภิกษุนิกายเซนในปี 1485 และได้เสียชีวิตลงทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันเห็นบ้านพักหลังนี้เสร็จสมบูรณ์นี้ บ้านพักแห่งนี้ก็ได้ถูกดัดแปลงกลายเป็นวัดและโรงเรียนพุทธของนิกายเซน ในระหว่างที่ประเทศญี่ปุ่นมีการทำงานสงครามอยู่ตลอดราว ๆ ปี 1482-1558 สถาปัตยกรรมภายในวัดเงิน ญี่ปุ่นแห่งนี้ก็ถูกไฟไหม้ทำลายจนมอด ยกเว้นก็แค่ศาลาเงิน หรือ Silver Pavilion และ Togudo หรือห้องชงชายังสามารถปกป้องไว้ได้ และได้มีการบูรณะพื้นที่ทั้งหมดครั้งใหญ่ในช่วงปี 1615 และคงสภาพเรื่อยมา พร้อมทั้งบูรณะอยู่ตลอดจนถึงในปัจจุบัน
7 ไฮไลต์เด็ดในวัดเงิน เกียวโตที่ห้ามพลาด
Ginkakujigaki
Ginkakujigaki 銀閣寺垣 เป็นทางเดินยาวราว ๆ 50 เมตรจากประตูหลัก สู่ประตูกลางทางเข้าของวัดเงิน เกียวโต ซึ่งเป็นทางแคบ ๆ แต่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยรั้วไม้ไผ่ มีบรรยากาศที่ร่มรื่นเงียบสงบ โดยเชื่อกันว่าเป็นจุดสำหรับชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์
Hojo
Hojo 方丈 หรือห้องเจ้าอาวาสวัดเงิน เกียวโต ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยกลางยุคเอโดะ โดยเป็นห้องขนาดใหญ่มีรูปลักษณ์ที่โอ่อ่าตระการตา เพื่อแสดงอิทธิพลและความน่าเชื่อของผู้ออกแบบการสร้างอย่างท่านโชกุนอาชิคางะ โยชิมาสะโดยเฉพาะ ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานอย่างศากยมุนีพุทธเจ้า รวมถึงมีภาพวาดสไตล์ซ่งสมัยโบราณอีกมากมาย และโดยรอบก็มีการประดับต้นไม้เล็กใหญ่อย่างร่มรื่นสวยงาม
Silver Pavilion
Silver Pavilion หรือ ศาลาเงิน 銀閣寺 พูดชื่อขึ้นมาหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นศาลาสีเงิน เหมือนกับวัดทอง ที่มีศาลาสีทองอร่ามสวยงาม แต่ที่วัดเงิน ญี่ปุ่นแห่งนี้ กลับเป็นเพียงศาลาสองชั้นที่สร้างจากไม้ที่เรียกว่า Kannon-den สีน้ำตาลเก่าแก่ออกแบบเรียบง่ายสไตล์วาบิซาบิแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ในส่วนของชั้น 1 ของตัวศาลาจะเลือกใช้เสาสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างสไตล์โชอิน-ซูคุริ ซึ่งจะพบได้ทั่วไปในคฤหาสน์ หรือวัดญี่ปุ่นโบราณ ขณะที่ชั้น 2 ที่เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมปิดทองจะมีความเรียบง่ายและถูกต้องตามหลักสไตล์การสร้างศาลาของพุทธศาสนานิกายเซน
และถึงแม้ว่าตัวศาลาจะไม่ใช่ศาลาสีเงิน แต่ก็มีหลายคนบอกว่าในตอนกลางคืนถ้าแสงจันทร์สาดส่องลงมาที่ศาลาวัดเงิน เกียวโตพอดี ก็จะเห็นเป็นประกายเงินแวววาวได้อยู่ ทั้งนี้ภายใน Silver Pavilion นี้จะไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม สามารถชมความสวยงามได้แค่ภายนอกและสวนโดยรอบเท่านั้น
Sea of Silver Sand
อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดของวัดเงิน เกียวโตที่อยู่ไม่ไกลจากศาลาเงิน และกุฏิเจ้าอาวาส ก็คือ Ginshadan (銀沙灘) Sea of Silver Sand สวนทรายเงิน สวนแห้งสไตล์นิกายเซนญี่ปุ่นที่มีการประดับที่เรียบง่าย มีหินกรวดสีขาวสะอาดปูอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งถูกทำให้คล้ายขั้นบันไดมีลวดลายคลื่นอย่างสวยงาม โดยมีความเชื่อว่าคลื่นนี้มีลักษณะคล้ายกับคลื่นในทะเลสาบชื่อดังของจีนอย่างทะเลสาบชีหู (Xī Hú)
ที่สำคัญโดดเด่นด้วยกรวยทรายขนาดย่อมสูงกว่า 2 เมตร ที่เรียกว่า Kōgetsudai (向月台) หรือแท่นชมพระจันทร์ (Moon Viewing Platform) ซึ่งสามารถมองได้หลายรูปร่าง ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟฟูจิอันยิ่งใหญ่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของประเทศญี่ปุ่นเองก็ดี หรือมองเห็นพระจันทร์เต็มดวงที่สะท้อนในทะเลสาบหากมองจากด้านบนศาลาเงินก็ได้เช่นกัน
Togudo
Togudo 東求堂 ไฮไลต์เด็ดอีกหนึ่งอย่างที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมไม่แพ้กับศาลาเงินของวัดเงิน ญี่ปุ่น ที่มีอายุมานานกว่า 500 ปี รอดพ้นจากเหตุไฟไหม้และสงครามต่าง ๆ มาได้อย่างดี ซึ่งเดิมทีถูกสร้างเป็นห้องทำงานของท่านโชกุน ก่อนจะแปรเปลี่ยนอาคารห้องโถงขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานของพระอมิตาภพุทธะ ถือเป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธา และตัวอาคารยังรายล้อมด้วยสวนสไตล์เซนที่มีบรรยากาศสงบร่มรื่น ที่สำคัญบริเวณห้องชงชาเสื่อทาทามิของ Togudo หรือที่เรียกว่า Dojin-sai ยังเป็นจุดสถาปัตยกรรมสไตล์โชอินที่โด่งดังเป็นอย่างมากและกลายเป็นต้นแบบของบ้านญี่ปุ่นโบราณอีกด้วย ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมทางวัดเงิน เกียวโตจะเปิดให้เข้าชมภายใน Togudo และ Dojin-sai ได้อย่างเต็มที่
Moss Garden
มากไปกว่าสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณดั้งเดิม และสวนสไตล์เซนญี่ปุ่นที่มีความร่มรื่นมอบบรรยากาศผ่อนคลายได้ดีเยี่ยมแล้ว ไกลออกมาจากห้องโถง Togudo ไม่เท่าไหร่จะพบกับสวนมอสสีเขียวขจี ซึ่งรายล้อมไปด้วยบ่อน้ำ สระน้ำใสไหลเย็น และสะพานข้ามบ่อน้ำเล็ก ๆ ที่มีภูมิทัศน์โดยรวมสวยงามอีกด้วย และถ้าหากเดินต่อขึ้นมาทางเนินเขาหลังอาคารหลัก ก็จะมีป่าอันเงียบสงบที่คุณสามารถมองเห็นเมืองเกียวโตในระยะไกล ๆ ได้ ทั้งยังเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
Sengetsusen
Sengetsusen 洗月泉 หรือน้ำตกเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของบ่อน้ำ Nishiki Kagami Ike ที่ตั้งอยู่ภายในวัดเงิน เกียวโต โดยทำหน้าที่เป็นต้นน้ำที่จะปล่อยสายน้ำลงมาสู่สวนชั้นล่างของห้องโถง Togudo และสวนโดยรอบศาลาเงิน อีกทั้งยังถูกสันนิษฐานว่าน้ำที่ไหลลงมาโยชิมาสะได้ใช้ตักสำหรับพิธีชงชาของเขาอีกด้วย ซึ่งบริเวณโดยรอบของน้ำตกวัดเงิน ญี่ปุ่นนี้จะเต็มไปด้วยมอสสีเขียวขจีปกคลุมอย่างสวยงาม มอบบรรยากาศที่ร่มรื่นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และยังว่ากันว่าถ้าโยนเหรียญลงไปในน้ำตกจะมีโชคมีลาภติดตัวกลับไปด้วย
4 ที่เที่ยวใกล้วัดกินคะคุจิ (วัดเงิน เกียวโต)
Lake Biwa Canal
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประตูทางเข้าหลักของวัดเงิน เกียวโต จะเป็นที่ตั้งของคลองทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa Canal) คลองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อนำน้ำจากทะเลสาบบิวะมาใช้ภายในจังหวัดชิกะมาและเมืองเกียวโต โดยทอดตัวยาวหลายกิโลเมตรและริมฝั่งคลองทั้งสองด้านบังก็เรียงไปด้วยต้นซากุระ ต้นเมเปิ้ล ที่ถ้าถึงช่วงซากุระบานก็จะบานสะพรั่งสวยงาม หรือเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีละแวกนั้นก็กลายเป็นสีเหลืองสีแดงสลับกันอย่างสวยงาม นอกจากชื่นชมความสวยงามของต้นไม้ดอกไม้แล้ว ละแวกนั้นยังมีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร หรือแม้แต่คาเฟ่มากมายให้คุณแวะพักอีกด้วย
Location : 7 Miideracho, Otsu, Shiga 520-0034, Japan
Philosopher’s Walk
ถ้าหากชื่นชอบการเดินชิลล์ไปตามถนนเพื่อชมความงามของประเทศญี่ปุ่น ต้องแวะมาที่ Philosopher’s Walk หรือถนนนักปราชญ์ เกียวโตที่อยู่ใกล้ ๆ กับวัดเงินเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ แต่รายล้มไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ที่พร้อมจะมีดอกซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ และพร้อมใจกันเปลี่ยนสีอย่างสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งถือเป็นจุดชมดอกซากุระบาน และชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ระหว่างทางเดินจะแวะพักที่คาเฟ่ท้องถิ่น หรือนั่งพักให้หายเหนื่อยตามม้านั่งที่ทางการจัดหาไว้ให้ก็ได้
Location : Sakyo Ward, Kyoto, Japan
Eikando Temple
วัดเอคันโด (Eikando Temple) วัดที่ขึ้นชื่อว่าเหมาะสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงสดใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงของเมืองเกียวโต ตั้งอยู่ห่างจากวัดเงิน ญี่ปุ่นมาประมาณ 1.8 กิโลเมตรเท่านั้น ภายในมีพื้นที่กว้างขวางมาก ๆ และถ้ายิ่งมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมองไปทางก็จะเห็นแต่ต้นไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีแดง ส้ม เหลืองสลับกันตัดกับสีน้ำตาลของไม้ที่ใช้สร้างสถาปัตยกรรมภายในวัดได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว หรือจะขึ้นไปด้านบนของเจดีย์ Tahoto เพื่อชมวิวเมืองเกียวโตได้แบบ 360 องศา
Location : 48 Eikandocho, Sakyo Ward, Kyoto, 606-8445, Japan
Nanzenji Temple
วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) ตั้งอยู่ไกลจากวัดเงิน เกียวโตราว ๆ 2 กิโลเมตร และเดินต่อจากวัดเอคันโดประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายเซนแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อชาวญี่ปุ่นและคนในเมืองเกียวโตเป็นอย่างมาก ภายในมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง บรรยากาศเงียบสงบผ่อนคลาย ทั้งยังประกอบไปด้วยวัดย่อย ๆ อีกมากมายให้ได้เยี่ยมชมอย่างเต็มที่ เช่น วัดนันเซ็นจิ วัดคอนจิอิน วัดเทนจูอัน รวมถึงมีไฮไลต์เด็ดที่ไม่ควรพลาดหลากหลายมาก ๆ เช่น ประตู Sanmon Gate ประตูหลักของวัดที่เป็นประตูไม้โบราณขนาดใหญ่ สวนหิน Hojo วิหาร Hatto หรือแม้แต่สะพานคลองส่งน้ำโบราณ Suirokaku
Location : 86 Nanzenji Fukuchicho, Sakyo Ward, Kyoto, 606-8435, Japan
เดินทางไปวัดเงิน เกียวโตอย่างไรได้บ้าง? ในการเดินทางมายังวัดเงิน ญี่ปุ่นนั้นจะไม่สามารถเดินทางต่อเดียวจบได้ จำเป็นต้องต่อรถ หรือเดินเท้าต่อ ซึ่งมีรูปแบบการเดินทางยอดนิยม 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
รถบัส ขึ้นรถบัสสาย 5, 17 หรือ 100 และลงที่ป้าย Ginkakuji-mae โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 40 นาทีจากป้ายรถบัสเกียวโต หรือสถานีซันโจ สนนราคาค่าตั๋วอยู่ที่ราว ๆ 230 เยนต่อรอบ จากนั้นเดินเท้าต่อมายังวัดเงิน เกียวโต ประมาณ 500 เมตรเท่านั้น หรือถ้าขึ้นรถบัสสาย 35, 17, 32, 100, 102, 203, 204 สามารถลงได้ที่ป้าย Ginkakuji-machi แต่จะใช้ระยะเวลาเดินเท้ามาประมาณ 10 นาทีกว่าจะถึงวัดเงิน ญี่ปุ่น
รถไฟ จากสถานีเกียวโต สามารถนั่งรถไฟสาย Kasasuma หรือสายสีเขียวมาลงที่สถานี Imadegawa แล้วจากนั้นต่อบัสสาย 203 มาลงยังป้าย Ginkakuji-mae แล้วจึงเดินเท้าต่ออีกประมาณ 500 เมตรเพื่อมายังวัดเงิน เกียวโต ขณะเดียวกันก็สามารถนั่งรถไฟจากสถานีเกียวโต โดยนั่งสาย JR Nara Line มาที่สถานี Tofukuji จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Keihan Main Line แล้วมาลงที่สถานี Demachiyanagi ซึ่งอยู่ไกลจากวัดเงิน ญี่ปุ่นประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากการเดินทางไปยังวัดเงิน เกียวโตด้วยรถบัส หรือรถไฟแล้ว หากคุณแพลนที่จะไปเที่ยวแถว ๆเส้นทางนักปราชญ์ หรือ Philosopher’s Path ก็สามารถเดินเท้าจากที่นั่นมาได้เลย แต่อาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30-45 นาทีเลยทีเดียว
4 ที่พักใกล้วัดเงิน เกียวโต
Hotel Heian No Mori Kyoto
โรงแรม Heian No Mori โรงแรมระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดเงิน เกียวโตมากเท่าไหร่นัก ภายในมีบริการห้องพักที่มีการตกแต่งสุดอบอุ่นทั้งการใช้ไม้ เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบง่าย และมีแสงไฟโทนอบอุ่น สร้างบรรยากาศชวนผ่อนคลายแบบสุด ๆ ทั้งทุกห้องพักก็มี Wi-Fi ให้บริการฟรีอีกด้วย ขณะเดียวกันถ้าคุณไม่ได้เข้าพักที่นี่ ทางโรงแรมก็มีบริการห้องอาบน้ำสาธารณะ สามารถมาแช่ออนเซ็นได้ หรือแม้แต่มารับประทานบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติสุดหรูก็ได้เชนกัน
Pension Kitashirakawa
เดินเท้าจากวัดเงิน ญี่ปุ่นมาประมาณ 10 นาที ก็จะเจอกับที่พักที่ให้การต้อนรับได้อย่างอบอุ่นอย่าง Pension Kitashirakawa โรงแรมระดับ 2 ดาว สำหรับใครที่มีงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัดถือว่าตอบโจทย์อย่างมาก ภายในตกแต่งเรียบง่าย แม้จะดูเก่าไปเล็กน้อยตามอายุ แต่ก็ถือว่าเหมาะสมถ้าต้องการเดินทางภายในเมืองเกียวโตได้สะดวกสบาย ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีพอประมาณ เช่น ทีวีจานดาวเทียม เครื่องปรับอากาศ ไดร์เป่าผม Wi-Fi ฟรี แถมยังมีห้องพักหลากหลายรูปแบบ ทั้งห้องสไตล์ญี่ปุ่นแบบเรียวกังดั้งเดิม ห้องเตียงเดี่ยว ห้องเตียงรวม 3-4 เตียงในห้องเดียว บอกเลยว่าเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่เที่ยวกันเป็นแก๊ง ๆ อย่างมากเลยทีเดียว
Hotel Okura Kyoto Okazaki Bettei
ไกลจากวัดเงิน เกียวโตมาประมาณ 1.8 กิโลเมตร ก็จะพบกับโรงแรมหรูระดับ 4 ดาวที่ให้บริการห้องพักขนาดกว้างขวาง เตียงนุ่ม บรรยากาศผ่อนคลาย ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร เลานจ์ ยิม อ่างแช่ออนเซ็น หรือแม้แต่บรรยากาศโดยรอบของโรงแรมที่ตกแต่งมาอย่างน่าสนใจ บวกกับทิวทัศน์โดยรอบทั้งวัดเงิน เกียวโตที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ๆ ก็ดี หรือวัด Okazaki Betsuin ที่อยู่ใกล้ ๆ นั้นก็ดี
Westin Miyako Kyoto
โรงแรมระดับ 5 ดาวตั้งอยู่ใจกลางเมืองเกียวโต ไกลจากวัดเงิน เกียวโตประมาณ 2.2 กิโลเมตรเท่านั้น โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่พักที่เงียบสงบ ภายในตกแต่งคล้ายเรียวกังดั้งเดิมของญี่ปุ่น ให้ฟีลที่ผ่อนคลายมาก ๆ เลยทีเดียว ซึ่งแต่ละห้องก็มีอ่างน้ำร้อนกึ่งกลางแจ้งให้คุณได้แช่ออนเซ็น ชมวิวเมืองเกียวโตได้เพลินสุด ๆ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นทีวี เครื่องปรับอากาศ มินิบาร์ หรือแม้แต่ Wi-Fi ฟรี เป็นต้น
ไปเที่ยววัดเงิน เกียวโตฤดูกาลไหนดี?
สำหรับใครที่จะไปเที่ยวชมวัดเงิน เกียวโต ก็สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ตลอดทั้งเลยนะ แต่ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศที่เป็นซิกเนเจอร์ของญี่ปุ่นแล้วล่ะก็สามารถไป 2 ช่วงด้วยกัน คือช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ที่จะเห็นดอกซากุระภายในวัดเงิน ญี่ปุ่นบานสะพรั่งเป็นสีชมพูสวยงาม และช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ราว ๆ ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ต้นไม้เล็กใหญ่ภายในวัดจะแปรเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง สีแดงสดใส ถือเป็นทิวทัศน์ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยล่ะ ซึ่งที่วัดเงิน เกียวโตแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นจุดชมดอกซากุระบานสะพรั่ง และชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด!
ข้อแนะนำในการเที่ยววัดเงิน เกียวโต Ginkakuji Temple เพื่อให้การเที่ยวชมวัดเงิน ญี่ปุ่นสมบูรณ์แบบ และเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด เราก็มีข้อแนะนำ หรือข้อควรรู้ในการเที่ยววัดเงิน ญี่ปุ่น เช่น
ตั๋วเข้าชมวัดเงิน ญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่จะใช้สำหรับผ่านทางแล้ว แต่ยังถูกใช้เป็นเครื่องรางนำโชค ช่วยให้ผู้ถือครองโชคดี เจริญรุ่งเรือง และแคล้วคลาดปลอดภัยอีกด้วย สามารถนำกลับไปแขวนที่ประตูบ้าน หรือพกติดตัวได้เลย ก่อนจะเดินเข้าสู่ตัววัดเงิน เกียวโต ระหว่างทางจากป้ายรถเมล์มาถึงวัด ริมถนนจะรายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งสามารถเลือกชิม ช็อปได้อย่างเต็มที่
วันเวลาเปิด-ปิด และค่าเข้าชมวัดเงิน เกียวโต วัดเงิน เกียวโตเปิดให้เข้าชมความสวยงาม สักการระขอพรทุกวัน ไม่มีวันหยุด แต่จะมีเวลาเปิด-ปิดแตกต่างกันในแต่ละเดือน ได้แก่ช่วงมีนาคม-พฤศจิกายน เปิดช่วง 8.30-17.00 น. และธันวาคม-กุมภาพันธ์ เปิดช่วง 9.00-16.30 น.
ในส่วนของอัตราค่าเข้าชมวัดเงิน ญี่ปุ่นนั้นจะแบ่งเป็นสำหรับผู้ใหญ่จ่าย 500 เยน และเด็กนักเรียนประถม-มัธยมต้น จ่ายเพียง 300 เยนเท่านั้น
เรียกได้ว่าวัดเงิน เกียวโตก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเมื่อได้มาเยือนญี่ปุ่น เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นที่ไหว้พระขอพรแบบจัดเต็มแล้ว ยังจะได้ชื่นชมเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติที่ร่มรื่น บรรยากาศที่เงียบสงบชวนผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย สำหรับใครที่มีแพลนจะไปชมความสวยงามของวัดเงิน ที่ญี่ปุ่นนี้ก็อย่าลืมตรวจสภาพอากาศ ฤดูกาล ตลอดจนวิธีการเดินทางอย่างละเอียดด้วยนะ เท่านี้ก็จะสามารถเที่ยวญี่ปุ่นราบรื่นไม่มีสะดุดแล้วล่ะ