พระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace) เป็นหนึ่งใน 5 พระราชวังในเกาหลี แห่งราชวงศ์โชซอนซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นพระราชวังเกาหลีที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับพระราชวังเกาหลีทั้ง 5 แห่ง โดยสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในพระราชวังถ็อกซูกุงส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 และสำหรับชื่อของพระราชวังถ็อกซูกุงมีความหมายว่า “พระราชวังแห่งคุณธรรมและอายุยืนยาว” ตามเจตนารมณ์ของการอธิษฐานขอพรให้พระเจ้าโคจงมีอายุยืนยาวนั่นเอง และวันนี้เราก็จะพาทุกคนมาเที่ยวพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace) พระราชวังในเกาหลีที่มีขนาดเล็กมากที่สุดแห่งราชวงศ์โชซอนใจกลางกรุงโซลกันค่ะ
ข้อมูลทั่วไปของพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
สิ่งก่อสร้างภายในพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
การเดินทางและการเยี่ยมชมพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
ข้อมูลทั่วไปของพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
ราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace) ตั้งอยู่ที่บริเวณหัวมุมสี่แยกใจกลางเมืองที่พลุกพล่านมากที่สุดของกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และพระราชวังแห่งนี้เป็น 1 ใน 5 พระราชวังแห่งราชวงศ์โชซอนที่ยังคงอยู่ในกรุงโซล ที่มีชื่อเสียงในด้านของทางเดินบนกำแพงหินล้อมรอบพระราชวังที่มีความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่เคียงคู่กับอาคารสไตล์ตะวันตก จึงช่วยเพิ่มเอกลักษณ์และทัศนียภาพแบบขั้วตรงข้ามให้กับพระราชวังได้อย่างลงตัว ดังนั้นพระราชวังแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนมีพระราชวัง 2 แห่งที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยมีพระราชวังแบบดั้งเดิมของเกาหลี ที่ได้รับตัวอย่างมาจากสถาปัตยกรรมของพระราชวังในช่วงปลายยุคโชซอน และพระราชวังสไตล์ตะวันตกที่มีโครงสร้างแบบนีโอคลาสสิคที่มีความสวยงามโอ่อ่า พร้อมทั้งสวนสไตล์ตะวันตกแห่งแรกของเกาหลี และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติเกาหลีหมายเลข 124 เมื่อวันที่ 18 มกราคม ปี ค.ศ. 1963 และนอกจากความงดงามของพระราชวังแล้ว ไฮไลท์อีกอย่างของพระราชวังถ็อกซูกุงอยู่ที่พิธีสับเปลี่ยนทหารองค์รักษ์ซึ่งจะมีขึ้นวันละ 3 ครั้งที่ประตูแทฮามุน ซึ่งจะจัดแสดงทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 11:00 น., 14:00 น., และ 15:30 น. ใครที่ชื่นชอบซีรีย์เกาหลีแบบย้อนยุค อย่าพลาดไปเก็บภาพความประทับใจกันด้วยนะคะ นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความงดงามอีกแห่งหนึ่งในกรุงโซลด้วยเช่นกัน
ประวัติความเป็นมาของพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
พระราชวังถ็อกซูกุงเดิมทีถูกใช้เป็นที่ประทับขององค์ชายวอลซาน (Wolsan) พระเชษฐาของพระเจ้าซองจงแห่งโชซอน (Seongjong of Joseon) ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์โชซอนแห่งเกาหลีกินเวลานานกว่า 500 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1392 ถึง ค.ศ. 1910 และเป็นพระราชวังที่ประสบกับช่วงเวลาวิกฤตถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงสงครามอิมจิน ปี ค.ศ. 1592 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่เมืองปูซานและเดินทัพต่อไปยังกรุงโซล ซึ่งก่อนที่กองทัพญี่ปุ่นจะเดินทางมาถึง พระเจ้าซองโจ (Seonjo) ได้ลี้ภัยสงครามไปที่เขตอุยจู (Uiju) และได้พำนักอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง และเมื่อพระองค์เสด็จกลับมายังกรุงโซล พระราชวังหลักต่าง ๆ ถูกไฟไหม้ทั้งหมดในช่วงสงคราม จึงได้มีการใช้พระราชวังถ็อกซูกุงเป็นที่ประทับชั่วคราวสำหรับราชวงศ์ โดยที่พระเจ้าซองโจถือได้ว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกที่ประทับในพระราชวังถ็อกซูกุงแห่งนี้
ต่อมาภายหลังจากที่องค์ชายควังแฮได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระเจ้าซองโจในปี ค.ศ. 1608 จึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อพระราชวังเป็น "Gyeongungung Palace" และได้มีการย้ายพระราชวังหลักไปที่พระราชวังชางด็อกกุง ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1618 ทำให้พระราชวังแห่งนี้ถูกใช้เป็นพระราชวังเสริมสลับกับใช้เป็นที่ประทับชั่วคราวของราชวงศ์ แต่หลังจากที่ถูกโค่นล้มและยึดอำนาจโดยพระเจ้าอินโจ (Injo) พระราชวังแห่งนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาถึงกว่า 270 ปีเลยทีเดียว โดยพระราชวังถ็อกซูกุงได้กลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อพระเจ้าโคจง (Gojong) เสด็จกลับจากการลี้ภัยพร้อมกับราชทูตรัสเซีย พระองค์ก็ได้ทรงเลือกที่จะพำนักในพระราชวังแห่งนี้ รวมไปถึงได้ทำการปรับปรุงและขยายพระราชวังให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยใช้เงินถึงกว่า 80,000 ดอลลาร์ พร้อมทั้งเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของพระราชวังรวมไปถึงระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ยังได้ทำการประกาศถึงการก่อตั้งจักรวรรดิเกาหลี โดยเปลี่ยนชื่อจากอาณาจักรโชซอนเป็น “Daehan Jeguk” และได้ยกสถานะของพระองค์เองจากกษัตริย์เป็นจักรพรรดิ กลายเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเกาหลีพระองค์แรก
ภายหลังจากที่จักรพรรดิโคจงได้ทรงมอบบัลลังก์ให้กับลูกชายคือจักรพรรดิซุนจง (Sunjong) แล้ว พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่นี่และได้เปลี่ยนชื่อกลับมาเป็นพระราชวังด็อกซูกุง ซึ่งแปลว่า "พระราชวังแห่งคุณธรรมและอายุยืนยาว" โดยอ้างอิงถึงความปรารถนาที่ให้จักรพรรดิมีคุณธรรมและมีอายุที่ยืนยาว ช่วงเวลาวิกฤตครั้งที่ 2 ของพระราชวังแห่งนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นมาจากการรุกรานของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นช่วงล่าอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยหลังจากการเข้ายึดครองและปกครองของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1910 พระราชวังแห่งนี้ได้ถูกเผาทำลายและเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะ ทำให้ขนาดของพระราชวังลดลงเหลือเพียง 1 ใน 3 ของขนาดเดิม และจำนวนอาคารลดลงเหลือเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น
สิ่งก่อสร้างภายในพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
ประตูแดฮันมุน (Daehanmun Gate)
เป็นประตูหลักของพระราชวัง แต่เดิมถูกเรียกว่า Daeanmun และเปลี่ยนชื่อเป็น Daehanmun เมื่อสร้างใหม่ในปี ค.ศ. 1906 เดิมทีเป็นประตูทางด้านทิศตะวันออกแต่ได้กลายมาเป็นประตูหลักเนื่องจากตำแหน่งของประตูหลักพระราชวังมักจะตั้งอยู่ทางทิศใต้นั่นเอง
พระที่นั่งจุงฮวา (Junghwajeon Hall)
เป็นอาคารหลักของพระราชวังที่ใช้ดำเนินกิจการของรัฐ จัดประชุมอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงการต้อนรับทูตต่างประเทศ เดิมทีเป็นอาคาร 2 ชั้นและถูกสร้างขึ้นมาใหม่เป็นอาคารชั้นเดียวในปี ค.ศ. 1906 ด้านหลังบัลลังก์มีฉากกั้นเป็นรูปดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และภูเขาห้าลูกที่เรียกว่า Irwoloakdo แสดงความปรารถนาให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป และมีมังกรคู่บนเพดาน เป็นตัวแทนของอำนาจจักรพรรดิ
ประตูจุงฮวามุน (Junghwamun Gate)
ประตูซึ่งเป็นทางเข้าหลักห้องโถงใหญ่หรือพระที่นั่งจุงฮวา ซึ่งโดยปกติแล้วอาคารแต่ละแห่งภายในพระราชวังจะมีทางเข้าเป็นของตัวเองและมีกำแพงล้อมรอบ แต่เนื่องจากการถูกทำลายจึงทำให้สามารถเข้ามาจากทิศทางใดก็ได้
พระตำหนักฮัมยอง (Hamnyeongjeon Hall)
เป็นห้องบรรทมของจักรพรรดิโคจง โดยปีกทางด้านตะวันออกสำหรับจักรพรรดิ และปีกตะวันตกสำหรับจักรพรรดินี ล้อมรอบไปด้วยห้องเล็ก ๆ สำหรับสตรีในพระราชสำนักที่คอยเฝ้ายาม พระตำหนักแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1904 และเป็นที่ซึ่งจักรพรรดิโคจงเสด็จสวรรคตด้วยเช่นกัน
พระที่นั่งชึกโจดัง (Jeukjodang Hall)
เป็นสถานที่ซึ่งกษัตริย์ 2 พระองค์ได้แก่ กษัตริย์ Gwanghaegun และพระเจ้าอินโจขึ้นครองราชย์ที่นี่ โดยทั่วไปใช้เป็นสำนักงานของจักรพรรดิโคจงและกษัตริย์ซองโจ ซึ่งจักรพรรดิโคจงนั้นทรงรักและหวงแหนอาคารหลังนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อมีการสร้างขึ้นมาใหม่พระองค์จึงได้ทรงเขียนแผ่นจารึกเอาไว้เป็นที่ระลึกด้วยพระองค์เอง โดยมีทางเดินเชื่อมต่อกับพระที่นั่งชุนมยองดัง (Junmyeongdang Hall) ซึ่งอยู่ถัดไป
พระที่นั่งชุนมยองดัง (Junmyeongdang Hall)
เป็นสถานที่ซึ่งจักรพรรดิโคจงใช้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและทูตต่างประเทศภายในห้องโถงของพระที่นั่ง โดยมีพระบรมฉายาลักษณ์ของจักรพรรดิโคจงและ พระเจ้าซุนจงประดิษฐานไว้ที่นี่ และยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่เลี้ยงดูเจ้าหญิงด็อกฮเยในช่วงที่ยังทรงพระเยาว์อีกด้วย
พระตำหนักซอจอดัง (Seogeodang Hall)
เป็นอาคารหลังเดียวในพระราชวังด็อกซูกุงที่มีหลังคาสองชั้น แต่เนื่องจากไม่ได้ทาสีจึงทำให้มีลักษณะเหมือนกับบ้านทั่วไปในสมัยนั้น โดยถูกใช้เป็นที่คุมขังพระราชินีอินมก พระมเหสีองค์ที่ 2 ในพระเจ้าซอนโจเป็นเวลาถึง 10 ปี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16
พระที่นั่งด็อกจองจอน (Deokhongjeon Hall)
เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1911 ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนของอาคาร ใหม่ที่ถูกก่อสร้างในช่วงศตวรรษที่ 19 ตัวอาคารเป็นรูปทรงเกือบสี่เหลี่ยมจัตุรัส บนเพดานมีดวงไฟซึ่งถูกติดตั้งเป็นครั้งแรก และถูกใช้เป็นสถานที่ต้อนรับทูตต่างประเทศของจักรพรรดิโคจง
ประตูควางมยอง (Gwangmyeongmun Gate)
ประตูหลักของพระตำหนักฮัมยอง (Hamnyeongjeon Hall) ซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางอาคารสไตล์ตะวันตกภายในพระราชวังถ็อกซูกุง ประตูแห่งนี้ถูกทำลายเสียหายไปในช่วงปี ค.ศ. 1904 จากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในพระราชวัง และได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน
ศาลาจองกวานฮอน (Jeonggwanheon Pavilion)
สร้างขึ้นในปี 1900 เป็นตัวอย่างแรกของสถาปัตยกรรมยุโรปที่เคยสร้างในพระราชวัง สร้างโดยสถาปนิกชาวรัสเซียชื่อ Sabatin เป็นสถานที่ซึ่งจักรพรรดิโคจงชอบมาพักผ่อน ดื่มชา ฟังเพลง และจัดงานเลี้ยง แต่ในช่วงที่ถูกยึดครองโดยญี่ปุ่นศาลาแห่งนี้ถูกเปลี่ยนเป็นโรงอาหารและสูญเสียความงดงามแบบดั้งเดิมไป
พระตำหนักซอกโจจอน (Seokjojeon Hall)
เป็นอาคารสไตล์ตะวันตกซึ่งแปลว่าบ้านหิน ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษชื่อ Harding ชั้นแรกเป็นพื้นที่สำหรับข้ารับใช้ ชั้น 2 เป็นพื้นที่ต้อนรับแขก และชั้น 3 เป็นที่ประทับของจักรพรรดิและจักรพรรดิ แต่ก็ไม่ค่อยได้ถูกใช้งานเท่าไหร่นัก
พระตำหนักจองมยองจอน (Jungmyeongjeon Hall)
เดิมทีเป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นห้องสมุดของจักรวรรดิเกาหลีในการจัดเก็บและรักษาหนังสือและวัตถุอื่น ๆ ที่มีคุณค่าในช่วงที่มีการปรับปรุงพระราชวังถ็อกซูกุง แต่หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1904 อาคารแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของจักรพรรดิโคจง
การเดินทางและการเยี่ยมชมพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
สำหรับการเดินทางและการเยี่ยมชมพระราชวังถ็อกซูกุง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดินสาย 1 และสาย 2 มาลงสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือสถานี City Hall
พระราชวังถ็อกซูกุง เปิดทำการเวลา 09:00-21:00 น. (ปิดวันจันทร์) โดยมีค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ (อายุ 19-64 ปี) 1,000 วอน/ เด็ก (อายุ 7-18 ปี) 500 วอน ค่าเข้าชมเป็นหมู่คณะ 10 คนขึ้นไป ผู้ใหญ่ 800 วอน/ เด็ก 400 วอน เด็กอายุไม่เกิน 6 ปีและผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปสามารถเข้าเยี่ยมชมฟรี และนักท่องเที่ยวที่สวมชุดฮันบกมาในวันพุธสุดท้ายของเดือนก็สามารถเข้าชมฟรีได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าพระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace) จะเป็นพระราชวังที่มีขนาดเล็กมากที่สุด ไม่มีสวนกว้าง ๆ หรือสระน้ำสวย ๆ ให้ชมกัน แต่พระราชวังแห่งนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์และความงดงามที่น่าสนใจ เป็นพระราชวังที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมเกาหลีในช่วงปลายราชวงศ์โชซอน เข้ากับสถาปัตยกรรมยุโรปในสไตล์นีโอคลาสสิคได้อย่างลงตัว ท่ามกลางบรรยากาศและสิ่งก่อสร้างอันทันสมัยใจกลางกรุงโซลที่คึกคักและมีชีวิตชีวา สำหรับใครอยากเที่ยวชมความงดงามของสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของเกาหลี และไม่ชอบความวุ่นวายและผู้คนพลุกพล่านแนะนำให้ไปพระราชวังถ็อกซูกุงค่ะ