แนะนำ 42 เมนูอาหารเกาหลี ไปเยือนเกาหลีทั้งที ต้องลองให้ได้!
1. กิมจิ (Kimchi, 김치)
เริ่มต้นกันที่เมนูอาหารเกาหลี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติเกาหลีเมนูแรกที่หลายคนนึกถึงกันเลยก็ว่าได้ค่ะ กิมจินั้นเป็นเครื่องเคียงแบบดั้งเดิมของเกาหลีที่ทำมาจากกะหล่ำปลี หมักกับหัวไชเท้าหรือแตงกวา คนเกาหลีส่วนใหญ่นิยมกินกิมจิคู่กับอาหารแทบทุกมื้อ ถือได้ว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ต้องมีกันทุกบ้าน ซึ่งประวัติความเป็นมาของกิมจินั้นมีกล่าวถึงไหดองที่ใช้หมักผักในสมัยราชวงศ์ซิลลา ซึ่งเป็นวิธีการถนอมอาหารในช่วงฤดูหนาว โดยจะทำการหมักผักในหม้อดินเผาที่เรียกว่าอองกิ (Onggi) และฝังเอาไว้ในดิน ต่อมากิมจิได้เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเนื่องจากการเผยแผ่ของพุทธศาสนา จึงทำให้หลายคนหันมากินผักซึ่งเป็นมังสวิรัติมากขึ้นนั่นเอง ปัจจุบันกิมจิได้กลายเป็นอาหารประจำชาติเกาหลีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ โดยกิมจิที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ แบชูกิมจิ (กิมจิกะหล่ำปลีนาปา 배추김치) คักดูกิ (กิมจิหัวไชเท้า 깍두기) และโออิกิมจิ (กิมจิแตงกวา 오이김치)
2. บุลโกกิ (Bulgogi, 불고기)
เมนูอาหารเกาหลีที่ทำให้หลายคนหันมาชื่นชอบอาหารเกาหลีกันมากขึ้น เนื้อผัดซอสเผ็ดซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติเกาหลีที่ขึ้นชื่อ โดยเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่มีมาตั้งแต่ในยุคโกคูรยอ ต่อมาในสมัยราชวงศ์โชซอนได้กลายเป็นเมนูอาหารเกาหลีซึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับคหบดีและชนชั้นสูง โดยจะนำเอาเนื้อมาหมักก่อนที่จะนำไปย่างแล้วนำมาผัด ซึ่งซอสหมักแบบดั้งเดิมจะประกอบไปด้วย น้ำผึ้ง งา ซอสถั่วเหลือง กระเทียม และต้นหอม ในขณะที่เนื้อสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวัว ไก่ และหมู หรืออาจเป็นเต้าหู้ กุ้ง หรือปลาหมึกก็ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ใช้เนื้อวัวเป็นหลัก เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น ข้าว ใบผักกาดหอม แพนเค้กต้นหอม กิมจิ และโคชูจัง โดยในร้านอาหารหลายแห่งจะมีการติดตั้งเตาย่างเอาไว้ตรงกลางโต๊ะ แล้วเสิร์ฟบุลโกกิดิบที่หมักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งและปรุงบุลโกกิด้วยตนเองได้ตามชอบ
3. บิบิมบับ (Bibimbap, 비빔밥)
เมนูอาหารเกาหลีที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติเกาหลีที่ห้ามพลาดด้วยเช่นกัน เมนูนี้มีการค้นพบอยู่ในบันทึกของนักวิชาการสมัยโชซอนเมื่อปี 1590 คำว่า บิบิม หมายถึง " การผสม" ส่วนบับหมายถึง “ข้าวสุก” คาดว่าผู้คนอาจเริ่มผสมข้าวเข้ากับเครื่องเคียงและวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เหลือหลังจากพิธีกรรมเซ่นไหว้เทพเจ้า อีกความเชื่อหนึ่งคือมีต้นกำเนิดมาจากธรรมเนียมปฏิบัติ ที่จะผสมอาหารคาวซึ่งเป็นเครื่องเซ่นไหว้ในพิธีไหว้บรรพบุรุษเข้าด้วยกันชามก่อนรับประทาน เรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่เกี่ยวข้องกับประเพณีวัฒนธรรม และเต็มไปด้วยส่วนผสมอันหลากหลาย ส่วนใหญ่นิยมเสิร์ฟเป็นข้าวสวยที่อยู่ในชาม แล้วโปะหน้าด้วยวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น เนื้อวัวสไลด์ ผักหั่นบาง ๆ หรือนามุล ซอสถั่วเหลือง โคชูจัง (พริกหยวกสีแดงเข้ม) และตอกไข่ดิบเอาไว้ด้านบน
4. คิมบับ (Kimbap, 김밥)
คิมบับเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่นิยมเรียกกันว่าซูชิเกาหลี เนื่องจากมีหน้าตาคล้ายกับซูชิห่อสาหร่ายหรือโนริมากิของญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ ส่วนผสมหลัก ๆ ของคิมบับประกอบไปด้วย สาหร่าย ข้าวปรุงรส และส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ทอดมันปลา เนื้อสัตว์ ผักโขม ไข่ ปูอัด และแตงกวา นำมาม้วนด้วยแผ่นสาหร่ายแล้วหั่นบาง ๆ พร้อมเสิร์ฟ เชื่อกันว่าเป็นรูปแบบที่พัฒนามาจากโนริมากิของญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีในปัจจุบัน ในขณะที่อีกความเชื่อหนึ่งก็บอกว่าคิมบับนั้นถูกพัฒนามาจากรูปแบบหนึ่งของวิธีการกินอาหารแบบห่อที่เรียกว่า Ssam (쌈) ในยุคโชซอน เมนูคิมบับในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ คิมบับแบบดั้งเดิมที่มีข้าว และไส้ ห่อด้วยสาหร่ายแผ่น คิมบับแบบฝรั่งเศสหรือแบบนู้ด ที่จะเป็นการเอาสาหร่ายและไส้ไว้ด้านในแล้วห่อด้วยข้าว และซัมกัก คิมบับ ที่มีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม ซึ่งเราสามารถหาซื้อคิมบับได้ทั่วไปทั้งในร้านอาหาร ร้านข้างทาง และร้านสะดวกซื้อหลายแห่งของเกาหลีใต้
5. ต็อกบกกี (Tteokbokki, 떡볶이)
เมนูอาหารเกาหลียอดฮิตที่หลายคนรู้จักกันดี เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีที่เห็นกันบ่อย ๆ ในซีรีส์ อาหารผัดรสเผ็ดที่ประกอบไปด้วยแป้งต็อกข้าวทรงกระบอก ซอสโคชูจัง (พริกเผ็ด) และทอดมันปลา เป็นเมนูอาหารเกาหลีแนวสตรีทฟู้ดชั้นนำที่สามารถหาซื้อได้จากแผนขายริมถนนที่เรียกว่า โพจังมาชา (pojangmacha) หรือร้านเต็นท์แดงเกาหลี ต็อกบกกีมีต้นกำเนิดในสมัยราชวงศ์โชซอนซึ่งเดิมทีนั้นเป็นอาหารของราชสำนัก โดยมีชื่อเรียกว่าต็อกจิม มีลักษณะเป็นอาหารตุ๋นที่มีต็อกบกกีหั่นบาง ๆ พร้อมด้วยเนื้อสัตว์ ไข่ และเครื่องปรุงรส โดยได้มีการนำซอสโคชูจังมาใช้ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 จึงทำให้ต็อกบกกีมีรสชาติเผ็ดร้อนและมีสีแดงสดใส กลายมาเป็นหนึ่งในอาหารเกาหลีริมทางที่มีราคาถูกและมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป อีกทั้งยังเป็นเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เกาหลีใต้ จะต้องหาโอกาสมาชิมต็อกบกกีสไตล์ต้นตำรับกันให้ได้สักครั้ง
6. ต็อก (Tteok, 떡)
เค้กข้าวเกาหลีหรือที่เรียกว่าต็อก เป็นอาหารประจำชาติเกาหลีแบบดั้งเดิมชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งนึ่งที่ได้มาจากธัญพืชต่าง ๆ มีความเหนียวนุ่มและมีรสหวาน สามารถนำไปใช้ทำเมนูอาหารเกาหลีได้อย่างหลากหลาย โดยนิยมไปใช้ทำเป็นเมนูของหวาน และสามารถนำไปประกอบเป็นอาหารคาวได้ เช่น ต็อกบกกี ที่มาของการทำเค้กข้าวหรือต็อกต้องย้อนกลับไปในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว ในปัจจุบันได้มีการทำเค้กข้าวโดยมีการปรุงแต่งสี กลิ่น ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วเหลือง ผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพร ฟักทอง เกาลัด พุทรา งา น้ำผึ้ง ลูกพีช ลูกพลับ เป็นต้น และขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งประเภทของต็อกออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ "ต็อกนึ่ง" (찌는 떡), "ต็อกทุบ" (치는 떡), "ต็อกต้ม" (삶는 떡) และ"ต็อกทอด" (지지는 떡) โดยจะใช้ต็อกเป็นเมนูอาหารเกาหลีหลักในโอกาสพิเศษต่าง ๆ และยังนิยมรับประทานเป็นของหวานกันได้ตามชอบอีกด้วย
7. บูชิมแก (Buchimgae, 부침개)
บูชิมแก หรือแพนเค้กเกาหลี เมนูอาหารเกาหลีริมทางที่มีมาตั้งแต่สมัยโชซอน ซึ่งในสมัยนั้นถือได้ว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีราคาถูกสำหรับประชาชนทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไปจึงได้มีการพัฒนาจนกลายเป็นอาหารประจำชาติเกาหลีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน นิยมเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย หรือเป็นเครื่องเคียงกับเมนูอาหารเกาหลีอื่น ๆ แป้งที่ใช้ทำบูชิมแกจะมีความกรุบกรอบจากด้านนอก และเนื้อสัมผัสที่นุ่มเคี้ยวหนึบด้านใน สามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความแตกต่างกันออกไปได้ตามชอบ ทั้งอาหารทะเล กิมจิ โคชูจัง และผัก เรียกได้ว่านอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว บูชิมแกยังเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ได้จากผักและโปรตีนแบบเต็ม ๆ คำอีกด้วยค่ะ
8. ซัมกยอบซัล (Samgyeopsal, 삼겹살)
เมนูอาหารเกาหลีอันแสนโอชะที่ประกอบไปด้วยหมูสามชั้นแบบเน้น ๆ เรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติเกาหลีที่ชาวเกาหลีจะต้องกินอย่างน้อยทุกสัปดาห์เลยทีเดียว เชื่อกันว่าเมนูนี้เริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งเป็นช่วงที่โชจูมีราคาถูก ดังนั้นผู้คนจึงพยายามมองหากับแกล้มที่มากินคู่กับโชจู จนมาลงเอยที่หมูสามชั้นย่างเนื่องจากมีราคาที่ไม่แพงในช่วงนั้น โดยจะใช้เตาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ไขมันของหมูสามชั้นไหลออกทางด้านข้าง นิยมเสิร์ฟคู่กับผักกาดหอม กระเทียมดิบ พริกเขียว กิมจิ และต้นหอม พร้อมน้ำจิ้ม 2 แบบคือ ซัมจัง ซึ่งประกอบด้วยน้ำมันงา น้ำพริกเผา และเต้าเจี้ยว และ กีรึมจัง ซึ่งประกอบด้วยน้ำมันงา เกลือ และพริกไทยดำ เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเกาหลีแนวปิ้งย่างที่ไม่อยากให้พลาดกันค่ะ
9. คาลบี (Kalbi, 갈비)
Kalbi หรือ galbi คือเมนูอาหารเกาหลีประเภทปิ้งย่างที่ได้รับความนิยมมาก โดยจะใช้ซี่โครงวัวส่วนที่เรียกว่า Short Rib หรือเนื้อซี่โครงส่วนปลาย มาหมักด้วยซอสหวานที่ประกอบด้วยโชยุ น้ำตาล ไวน์ข้าว น้ำมันงา และกระเทียม ถึงแม้ว่าชื่อของเมนูจะแปลว่าซี่โครง แต่ก็สามารถใช้เนื้อสัตว์อื่นๆอย่างเช่นเนื้อไก่หรือหมูได้เช่นกัน อาหารประจำชาติเกาหลีเมนูนี้มีต้นกำเนิดมาในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งในช่วงนั้นมีกฎออกมาว่าห้ามฆ่าวัวโดยเด็ดขาด แต่ทั้งนี้คนงานที่กำลังสร้างปราสาทให้กับกษัตริย์จองโจจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารที่ดีและให้พลังงานเพียงพอ จึงได้มีการอนุญาตให้เปิดโรงฆ่าสัตว์เพื่อแปรรูปเนื้อวัวและเลี้ยงคนงานที่มาสร้างปราสาทเหล่านี้โดยเฉพาะ จนกลายมาเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมในเวลาต่อมา และมีเทศกาลเป็นของตัวเองที่เรียกว่า เทศกาลซูวอนคัลบี เพื่อให้ผู้คนได้ดื่มด่ำกับความอร่อยของเมนูอาหารเกาหลีชนิดนี้ นิยมเสิร์ฟคู่กับ กิมจิ ถั่วแดงกวน หรือข้าว แต่สามารถห่อด้วยใบผักกาดหอม ใบงาเกาหลี หรือผักอื่น ๆ ได้
10. จับแช (Japchae, 잡채)
จับแชเป็นเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีที่ทำโดยการผัดวุ้นเส้นกับผัก มักผัดพร้อมเนื้อวัว ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำตาลและซีอิ๊ว ที่มาของเมนูอาหารเกาหลีชนิดนี้เกิดขึ้นในสมัยโชซอน โดยเป็นอาหารที่ถูกปรุงขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการเฉลิมฉลองของราชวงศ์ และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกษัตริย์ควังแฮกุน (Gwangaegun) จนทำให้ข้ารับใช้ที่ปรุงอาหารจานนี้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งกลายเป็นขุนนางระดับสูงกันเลยทีเดียว โดยจับแชเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่มีสีสันรวมอยู่ในจานเดียวกันถึง 5 สีที่ได้มาจากวัตถุดิบต่าง ๆ เช่นเดียวกับเมนูอาหารเกาหลีอีกหลายชนิด ซึ่งบางครั้งก็มีการปรุงจับแชในรูปแบบอื่น ๆ เช่น โกชูจับแช ที่นำมาผัดกับโคชูจังรสเผ็ดและผัก หรือ แฮมุลจับแช ที่นำเอาอาหารทะเลและผักมาผัด ใครที่ชื่นชอบเมนูอาหารเกาหลีประเภทผัดที่กินง่ายได้ประโยชน์ แนะนำเมนูนี้กันเลยค่ะ
11. ซุนดูบู จิเก (Sundubu jjigae, 순두부찌개)
อาหารประจำชาติเกาหลีประเภทแกงแบบดั้งเดิม หรือที่เรียกกันว่าซุปเต้าหู้อ่อน ใช้วัตถุดิบหลักเป็นเต้าหู้อ่อนที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มเนียน กินแล้วนุ่มละลายในปากและมีความอร่อยเข้ากับน้ำแกงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมนูนี้มีมาตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์โชซอน และยังเป็นอาหารประจำชาติเกาหลีที่ได้รับความนิยมในเมือง Los Angeles ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นเมืองที่มีผู้อพยพชาวเกาหลีเป็นจำนวนมากเดินทางมาลงหลักปักฐานที่เมืองนี้ในช่วงปี 1990 และได้นำเอาสูตรของซุนดูบู ชิเก ติดตัวไปด้วย นอกจากส่วนผสมหลักอย่างเต้าหู้อ่อนแล้ว น้ำซุปที่ใช้ได้มาจากการเคี่ยววัตถุดิบต่าง ๆ ในหม้อหินแบบดั้งเดิม เช่น เนื้อวัว หอยลาย พร้อมด้วย หัวหอม ซูกินี ต้นหอม เห็ด และกระเทียม จากนั้นใส่เต้าหู้อ่อนลงไปในตอนท้าย ตกแต่งด้วยต้นหอมซอยและพริกชี้ฟ้าสีเขียวหรือสีแดงสับ ปรุงรสด้วยโคชูจัง พริกป่นแดง กระเทียม น้ำมันงา โดยสามารถตอกไข่ลงไปด้านบนในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเพิ่มความอร่อยแบบฟิน ๆ กันได้ค่ะ
12. นามุล (Namul, 나물)
เมนูเครื่องเคียงผักที่สามารถพบเห็นได้แทบจะทุกมื้อ นิยมเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงร่วมกับเมนูอาหารเกาหลีอื่น ๆ ผักที่ใช้นำมาเป็นเครื่องเคียงนามุล มีได้ทั้งผักใบเขียว ถั่วงอก ถั่วเขียว พืชหัว ไปจนถึงผลไม้ ซึ่งมีได้ทั้งแบบ ดิบ ดอง ผัด ผัด ลวกหรือตากแห้ง โดยจะนำเอาวัตถุดิบต่าง ๆ มาปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันงา เมล็ดงา น้ำส้มสายชู กระเทียม บางครั้งก็ใส่พริกแดงรสเผ็ดที่เรียกว่าโคชูจังลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน แต่ทั้งนี้รสชาติที่เด่นที่สุดคือรสชาติที่สดใหม่ของผักที่นำมาใช้นั่นเอง โดยนิยมเสิร์ฟนามุลเป็นเครื่องเคียงหลังจากที่เสิร์ฟเมนูอาหารเกาหลีจานหลัก โดยเฉพาะเมนูที่เป็นเนื้อสัตว์ เช่น บาร์บีคิวหรือเมนูเนื้อย่างต่าง ๆ ที่บอกได้เลยว่าเกิดมาเพื่อกันและกันอย่างแท้จริง นามุลมักจะเสิร์ฟมาต่างหากในจานแยกใบเล็ก ๆ เป็นเครื่องเคียงที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของวัตถุดิบที่ใช้ทำเมนูอาหารเกาหลี และยังนำไปใช้ในเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีอย่างบิบิมบับอีกด้วย
13. มันดู (Mandu, 만두)
เมนูเกี๊ยวเกาหลีซึ่งมักจะใส่ไส้เป็นเนื้อสัตว์และผักต่าง ๆ รวมไปถึงเต้าหู้และกุ้ง ตัวเลือกของไส้ที่นิยมนำมาทำมันดู ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว กะหล่ำปลี กิมจิ ถั่วงอก หัวหอม ต้นหอม และเห็ด โดยวัตถุดิบต่าง ๆ อาจมีความแตกต่างกันออกไปตามฤดูกาล รูปร่างหน้าตาของมันดูจะเป็นการห่อเกี๊ยวโดยนำเอาปลายหางเกี๊ยวม้วนเข้าหากัน ทำให้ดูคล้ายกับเป็นถ้วยกลม ๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเกี๊ยวเกาหลี สามารถนำมันดูไปปรุงได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น นึ่ง ทอด ผัด หรือต้ม และเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม เชื่อกันว่ามันดูถูกนำเข้ามาในเกาหลีเป็นครั้งแรกโดยชาวมองโกลในช่วงศตวรรษที่ 14 ซึ่งตรงกับในยุคสมัยของราชวงศ์โครยอ อีกความเชื่อหนึ่งคือมาจากตะวันออกกลางผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งในอดีตเมนูเกี๊ยวเหล่านี้จะเสิร์ฟเฉพาะในราชสำนักหรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบันเป็นเมนูที่สามารถหากินได้ทั่วไปแม้แต่ร้านข้างทาง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ
14. กิมจิ จิเก (Kimchi jjigae, 김치찌개)
เมนูอาหารเกาหลีประเภทซุปหรือแกงที่ใช้กิมจิเป็นส่วนผสมหลัก อีกหนึ่งเมนูอาหารประจำชาติเกาหลียอดนิยมที่มีกันทุกบ้าน ซึ่งกิมจินั้นเป็นรูปแบบของการถนอมอาหารมาตั้งแต่ในยุคโชซอน จึงคาดกันว่ากิมจิ จิเกก็ถูกพัฒนาต่อยอดมาเป็นหนึ่งในเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน โดยนิยมใช้กิมจิที่หมักเป็นเวลานานจนมีรสเปรี้ยวจัด ซึ่งให้รสชาติที่เด่นชัดกว่าเมื่อนำมาทำเป็นซุปกิมจิ โดยจะหั่นกิมจิใส่ลงในหม้อพร้อมกับเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ที่นิยมใช้ได้แก่ เต้าหู้หั่นเต๋า เนื้อหมู เนื้อวัว อาหารทะเล พร้อมต้นหอมซอยและกระเทียม นำไปตุ๋นในน้ำสต็อกปลาแอนโชวี่ ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยวหมักหรือโคเอ็นจัง และพริกแดงโคชูจัง นิยมเสิร์ฟในชามใหญ่ตรงกลางโต๊ะอาหารพร้อมกับเครื่องเคียงบันชาน (banchan) แบบดั้งเดิม และข้าวสวย เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่เหมาะสำหรับการซดร้อน ๆ ในวันที่อากาศหนาว ๆ เป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียวค่ะ
15. กิมจิ โบคัมบับ (Kimchi bokkeumbap, 김치 볶음밥)
เมนูข้าวผัดกิมจิซึ่งถือได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติเกาหลีที่สามารถปรุงกันได้ง่าย ๆ และเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเกาหลีที่นิยมกันในครัวเรือน เนื่องจากเป็นเมนูที่ช่วยกำจัดกิมจิและข้าวสวยที่กินไม่หมดเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นการนำเอากิมจิมาผัดกับข้าว ร่วมกับวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น เนื้อสัตว์ ผัก เบคอน เห็ด ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง นิยมทอดไข่ดาวโปะลงไปด้านหน้าก่อนนำมาเสิร์ฟ โรยงา ต้นหอมสับละเอียด สาหร่าย หรือจะใส่กิมจิลงไปเพิ่ม เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่มีราคาไม่แพง สะดวกสบาย รับประทานง่าย ได้ประโยชน์ครบถ้วนและอยู่ท้อง จึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวและบรรดานักเรียนชาวเกาหลีใต้ที่ไม่ต้องการจ่ายค่าอาหารแพงมากนัก
16. จาปากูริ (Jjapaguri, 짜파구리)
เมนูอาหารเกาหลีราคาประหยัดที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดีจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Parasite ของ Boong Joon-Ho เป็นเมนูที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างราเม็งและอุด้ง ซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเกาหลี ได้แก่ Chapagetti ที่มีรสชาติคล้ายกับจาจังมยอน และ Neoguri รามยอนในน้ำซุปซีฟู้ดรสเผ็ดร้อน จนกลายมาเป็นเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งในภาพยนตร์จะใช้เมนูนี้นำเสนอความแตกต่างของ 2 ชนชั้นที่อยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเมนูอาหารราคาถูกแต่เมื่อเจ้าของบ้านซึ่งเป็นคนรวยกินเมนูนี้ ก็จะมีการใส่เนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมที่เรียกว่า “เนื้อฮันอู” (Hanwoo-한우) ลงไปด้วย แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางชนชั้นด้วยเมนูอาหารง่าย ๆ ได้อย่างชัดเจน และจากการปรากฏอยู่บนภาพยนตร์เรื่อง parasite นี่เอง ทำให้จาปากูริได้รับการยกย่องให้เป็นรามยอนแห่งชาติประจำปี 2013 ด้วยเนื้อสัมผัสที่มีความแตกต่างกันของเส้นบะหมี่ทั้ง 2 แบบ และความเข้ากันของรสชาติที่แตกต่างได้อย่างลงตัว
17. เกียรัน มาริ (Gyeran mari, 계란말이)
ไข่เจียวม้วนเกาหลี เป็นหนึ่งในเมนูเครื่องเคียงยอดนิยมซึ่งเป็นอาหารประจำชาติเกาหลี วิธีทำจะเหมือนกับไข่ม้วนญี่ปุ่นหรือทามาโกะยากิ แน่นอนว่าวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดก็คือไข่ ในขณะที่ไส้หรือวัตถุดิบที่ใส่ลงไปสามารถเป็นได้หลายอย่าง เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสให้กับไข่เจียวม้วน เช่น หัวหอมหั่นบาง ๆ หรือหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ต้นหอมซอย แครอท พริกไทย เห็ด ซูกินี ชีส แฮม เบคอน เนื้อปู ทูน่า พริกหยวกหั่นเต๋า สาหร่ายโนริ และอื่น ๆ ตามชอบ ปรุงรสด้วยเกลือ โดยปกติจะเสิร์ฟแบบหั่นเป็นชิ้น ๆ เหมือนกับไข่ม้วนญี่ปุ่น ซึ่งชาวเกาหลีนิยมรับประทานเกียรัน มาริ เป็นอาหารเช้า หรือเป็นส่วนหนึ่งของข้าวกล่องอาหารกลางวัน หรือใช้เป็นเครื่องเคียงเพื่อกินคู่กับเมนูอาหารเกาหลีอื่น ๆ กันค่ะ
18. ซันนัคจี (Sannakji, 산낙지)
หนึ่งในเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเปิบพิสดารกันอยู่เล็กน้อย เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่นำเอาปลาหมึกยักษ์ดิบมาสับเป็นชิ้นแล้วเสิร์ฟกันแบบสด ๆ ราดด้วยน้ำมันงาและโรยงาคั่ว การที่ฆ่าหมึกเป็น ๆ แล้วสับเป็นชิ้นกันแบบสด ๆ ทำให้หนวดของหมึกจะยังคงขยับไปมาอยู่ในขณะที่เสิร์ฟ เนื่องมาจากเส้นประสาทในหนวดของหมึกนั้นยังคงทำงานอยู่ ในขณะที่กำลังรับประทานจะต้องระมัดระวังเนื่องจากปุ่มดูดของหมึกอาจไปติดที่ด้านในปาก ลำคอ หรือหลอดอาหาร จนทำให้เกิดการสำลักขึ้นมาได้ และต้องแน่ใจว่าเคี้ยวหนวดหมึกได้อย่างละเอียดแล้ว เพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้งเกี่ยวกับการรับประทานซันนัคจีแล้วเกิดการสำลัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นมาได้ โดยเราสามารถมองหาเมนูซันนัคจี ได้จากร้านอาหารเกาหลีที่เสิร์ฟอาหารทะเลแบบดิบ ตามร้านข้างทางหรือร้านเต็นท์แดง เพราะนิยมเสิร์ฟเป็นกับแกล้มคู่กับโชจูนั่นเองค่ะ
19. ซัมกเยทัง (Samgyetang, 삼계탕)
เมนูซุปรสชาติเยี่ยมจากเกาหลีใต้ คำว่า "ซัมกเยทัง" นั้นแปลได้ว่า "ซุปไก่โสม" เมนูอาหารเกาหลีที่เคยเป็นอาหารชาววังในอดีต ประกอบด้วยไก่หนุ่มตุ๋นทั้งตัว ซึ่งภายในตัวไก่จะยัดไส้ด้วยสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เช่น รากโสม ข้าวเหนียว พริกไทยแดง กระเทียม เกาลัด พุทราจีน ปรุงรสด้วยเกลือ นิยมรับประทานพร้อมกับเครื่องเคียง ได้แก่ เส้นหมี่ที่มีลักษณะคล้ายกับขนมจีน เหล้าโสม พริกไทยดำ เสิร์ฟมาในหม้อซุปที่ทำจากหิน ซึ่งในเกาหลีโสมนั้นเป็นสุดยอดสมุนไพรที่รู้จักกันดีในด้านสรรพคุณบำรุงร่างกาย รสชาติของซุปซัมกเยทังจะมีรสชาติที่ค่อนข้างอ่อน เมื่อเทียบกับเมนูซุปสมุนไพรเกาหลีและจีนชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่แพงมากนัก เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่นิยมรับประทานกันในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากเชื่อกันว่าช่วยทำให้เหงื่อออกได้ดี เป็นผลดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังนิยมรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โสมอินซังจูขวดเล็ก ๆ เพราะเชื่อกันว่าสามารถช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้
20. ซุนแด (Sundae, 순대)
อาหารประจำชาติเกาหลีที่หลายคนรู้จักกันดี เมนูอาหารเกาหลีประเภทไส้กรอกซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ จัดได้ว่าเป็นอาหารริมทางยอดนิยมจากทั้งคนเกาหลีและนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว ประวัติของเมนูอาหารเกาหลีชนิดนี้สามารถสืบย้อนไปได้ถึงในสมัยราชวงศ์โครยอ และปรากฏสูตรการทำซุนแดอยู่ในตำราอาหารเกาหลีในช่วงศตวรรษที่ 19 หลายฉบับ ซึ่งซุนแดแบบดั้งเดิมจะใช้ไส้วัวหรือไส้หมูมาทำเป็นตัวไส้กรอก สำหรับส่วนผสมที่จะยัดเข้าไปด้านในประกอบไปด้วยเลือด เนื้อบด ข้าว และผัก แต่สูตรในปัจจุบันได้มีการใช้วุ้นเส้น หรืออาจจะใช้อาหารทะเลเช่น หมึกสด หมึกแห้ง ปลา เป็นต้น โดยส่วนประกอบอื่น ๆ ที่อาจผสมลงไปด้วยได้แก่ ใบแกนิบ ต้นหอม ถั่วเหลืองหมัก กิมจิ และถั่วงอกหัวโตหรือถั่วเหลืองงอก หั่นเป็นแว่นเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงและรับประทานคู่กับน้ำจิ้ม ซึ่งสูตรของน้ำจิ้มจะมีความแตกต่างกันออกไปตามภูมิภาค ในโซลจะใช้เกลือผสมพริกไทย ในโฮนัมจะใช้โคชูจังผสมน้ำส้มสายชู และในเกาะเชจูนิยมใช้ซีอิ๊ว เป็นต้น
21. มักกุกซู (Makguksu, 막국수)
อาหารประจำชาติเกาหลี ซึ่งมาในรูปแบบของซุปบะหมี่โซบะเย็นสไตล์ดั้งเดิมของเกาหลีใต้ เมนูอาหารเกาหลีที่ประกอบไปด้วยเส้นโซบะที่ทำมาจากบัควีท พร้อมผักต่าง ๆ เสิร์ฟในน้ำซุปแบบเย็น ซึ่งบางครั้งก็จะมีการใส่น้ำตาล มัสตาร์ด น้ำมันงา หรือน้ำส้มสายชูลงไปด้วย ซึ่งส่วนผสมต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน รวมไปถึงสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน แต่โดยหลัก ๆ คือจะเป็นการนำเอาเส้นโซบะที่ทำมาจากบัควีทและผักต่าง ๆ มารวมกัน เป็นเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีซึ่งเป็นสินค้าเฉพาะของจังหวัดคังวอน โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองชุนชอนซึ่งเป็นแหล่งปลูกบัควีทขึ้นชื่อ จนกลายเป็นเมนูอาหารเกาหลีขึ้นชื่อของเมืองชุนชอนกันเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งที่เมืองนี้มี "ถนนบะหมี่บัควีท" ที่เต็มไปด้วยร้านขายบะหมี่เย็นมักกุกซูมากมายหลายร้าน อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์มักกุกซู และเทศกาลบะหมี่ชุนชอนมักกุกซูประจำปีอีกด้วย
22. กยองดัน (Gyeongdan, 경단)
เมนูอาหารเกาหลีซึ่งถือได้ว่าเป็นเค้กข้าวเกาหลีแบบดั้งเดิมที่นุ่มเหนียวเคี้ยวหนึบ เค้กข้าวปั้นเกาหลีที่ทำมาจากข้าวเหนียวหรือแป้งธัญพืชอื่น ๆ แต่โดยพื้นฐานแล้วจะทำจากแป้งข้าวเหนียว นำมานวดให้เป็นลูกกลมขนาดประมาณลูกเกาลัดพอดีคำ ซึ่งสามารถสอดไส้ถั่วแดงกวนด้านในหรืออาจจะเป็นเมล็ดสนก็ได้ จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดแล้วนำมาน็อคในน้ำเย็น ทาด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเมเปิ้ลเพื่อเพิ่มความหวาน จากนั้นคลุกเคล้าผิวด้านนอกด้วยวัตถุดิบที่มีสีสันแตกต่างกันออกไป เช่น ถั่วเขียวบด, ถั่วแดงบด, เกาลัดบด, งาดำคั่ว, ผงคาสเทลล่า, ผง Mugwort, ผงอบเชย, มะพร้าวขูด เป็นต้น โดยเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่นิยมรับประทานกันในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่นในวันเกิดของเด็ก ๆ จะมีการทำกยองดันที่คลุกด้วยถั่วแดง ซึ่งเชื่อกันว่าถั่วแดงนั้นสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายได้นั่นเอง
23. ต็อกกุก (Tteokguk, 떡국)
อาหารประจำชาติเกาหลีที่นิยมทำขึ้นในวันฉลองปีใหม่ของเกาหลี เป็นเมนูที่ผสมผสานระหว่างแป้งต๊อกของเกาหลีและน้ำซุปรสชาติเยี่ยม ซึ่งตามประเพณีของเกาหลี ซุปนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ ในขณะที่เค้กข้าวหรือต็อกหั่นบาง ๆ จะดูคล้ายกับเหรียญซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นจึงนิยมรับประทานเมนูนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้มีความโชคดีและมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น เป็นเมนูซุปที่ทำได้ไม่ยากโดยจะใช้น้ำซุปที่ได้มาจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว ไก่ อาหารทะเล หรือน้ำซุปสาหร่ายทะเล ในขณะที่ส่วนผสมเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่นิยมใส่ลงไปด้วย ได้แก่ ไข่เจียวหั่นเป็นเส้น ต้นหอมซอย สาหร่ายทะเลแผ่นหั่นฝอย น้ำมันงา และเนื้อสับ เป็นต้น
24. ยุคเกจัง (Yukgaejang, 육개장)
ซุปเนื้อรสเผ็ดซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเกาหลีประเภทซุปที่ทำมาจากเนื้อวัว ในอดีตเคยเป็นเมนูที่เสิร์ฟในราชสำนักของเกาหลี ส่วนผสมหลัก ๆ ของเมนูนี้ประกอบไปด้วย เนื้อวัวฉีกเป็นเส้นฝอยและต้นหอม gosari ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เนื้อหน้าอกของวัว หรืออาจจะใช้เป็นเนื้อไก่แทนเนื้อวัวก็ได้ หากใช้เนื้อไก่จะถูกเรียกว่าทัคแกจัง ส่วนน้ำซุปจะถูกปรุงรสด้วย น้ำพริกเผา ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา กระเทียม และพริกป่น ซึ่งบางส่วนอาจมีการใส่วุ้นเส้นลงไปด้วย และนอกจากวัตถุดิบต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ยังสามารถเลือกใช้วัตถุดิบอื่น ๆ ใส่ลงไปเพิ่มเติมได้เช่นกัน อาทิ ถั่วงอก ยอดอ่อนของใบเฟิร์นหรือโกซารี ก้านเผือก หัวหอมหั่นแว่น บะหมี่มันหวาน พริกไทยดำ เป็นต้น เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยและมีกิมจิเป็นเครื่องเคียง นิยมรับประทานตอนร้อน ๆ บอกเลยว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ซดคล่องคอ และรสชาติน่าจะเผ็ดร้อนถูกปากคนไทยพอสมควรเลยทีเดียวค่ะ
25. นักจี บกกึม (Nakji bokkeum, 낙지볶음)
เมนูอาหารเกาหลีที่ถือกำเนิดขึ้นมาในปี ค.ศ. 1960 และกลายมาเป็นอาหารประจำชาติเกาหลียอดนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากปลาหมึกยักษ์กลายเป็นอาหารทะเลที่เชื่อกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารอีกทั้งยังมีแคลอรี่ต่ำ โดยเป็นการนำเอาปลาหมึกยักษ์พร้อมกับผักต่าง ๆ เช่น หัวหอม ต้นหอม กะหล่ำปลี และแครอท มาหมักกับน้ำดองที่ทำจากโคชูจังหรือซอสพริกแดง พริกขี้หนูเกาหลี พริกป่น ซีอิ๊วขาว กระเทียม เกลือ น้ำส้มสายชูข้าว และน้ำตาล หมักทิ้งไว้ตั้งแต่สามชั่วโมงหรือข้ามคืนแล้วนำมาผัดให้เข้ากัน ซึ่งในเกาหลีจะมีการเสิร์ฟปลาหมึกยักษ์ผัดเผ็ดแบบเผ็ดมาก พร้อมด้วยข้าวสวย และเครื่องเคียงที่มีรสชาติอ่อน ๆ เช่น ซุปหอย ถั่วงอก เป็นต้น ด้วยรสชาติเผ็ดร้อนและความกรุบกรอบของปลาหมึกยักษ์ เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีที่ไม่อยากให้พลาดกันเลยค่ะ
26. ฮวาจอน (Hwajeon, 화전)
เมนูอาหารเกาหลีซึ่งมาในรูปแบบของแพนเค้กข้าวที่สวยงามไม่เหมือนใคร ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว น้ำผึ้ง และนำมาตกแต่งหน้าด้วยดอกไม้ตามฤดูกาลที่กินได้ เช่น ดอกชวนชมเกาหลี ดอกสาลี่ กลีบกุหลาบ ดอกเบญจมาศป่า ดอกโรโดเดนดรอน ดอกซากุระ ดอกลูกแพร์ ดอกหงอนไก่ ดอกไวโอเล็ต เป็นต้น เชื่อกันว่าฮวาจอนมีต้นกำเนิดในสมัยราชวงศ์โครยอ เป็นเมนูที่นิยมพกไปสำหรับการปิกนิกแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “ฮวาจอน โนริ” โดยเฉพาะในกลุ่มของหญิงสาวที่ได้มีการประดิดประดอยฮวาจอนในรูปแบบที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป แล้วนำไปปิคนิคบนภูเขาเพื่อชมดอกไม้ตามฤดูกาลในช่วงฤดูใบไม้ผลผลิตและฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งยังนิยมรับประทานร่วมกับเหล้าดอกเบญจมาศหรือน้ำพั้นซ์แบบดั้งเดิมของเกาหลีที่เรียกว่า Yuja-hwachae ในปัจจุบันเป็นเมนูของหวานที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ให้เนื้อสัมผัสนุ่มเหนียว และรสชาติหวานละมุน
27. แมอุนทัง (Maeuntang, 매운탕)
เมนูอาหารเกาหลีซึ่งเป็นแกงปลารสเผ็ด โดยสามารถใช้ได้ทั้งปลาน้ำจืดและน้ำเค็ม เช่น ปลากะพงแดง ปลาพอลแล็ค ปลาค็อด ปลามังค์ฟิชหรือปลากะพงขาว ปลาคาร์พ และปลาเทราต์ เป็นต้น โดยทั่วไปจะใช้ปลาทั้งตัวรวมทั้งหัวและหาง ใส่ลงไปในน้ำแกงที่ต้มกับโคชูจังหรือพริกแกงเกาหลี พร้อมพริกป่นและผักต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มอาหารทะเล เช่น ปู และหอย ลงไปในน้ำแกงด้วยก็ได้ โดยจะทำการหั่นปลาทั้งตัวออกเป็นชิ้น แล้วนำมาต้มกับผัก บางครั้งจะมีการใส่บวบและเต้าหู้ลงไปในส่วนผสมเพื่อให้สามารถดูดซับโคชูจังในน้ำแกงได้ดีขึ้น ปรุงรสด้วยพริกป่น กระเทียม ซีอิ้วขาว และผู้ที่ชื่นชอบรสเผ็ดสามารถเติมโคชูจังเพิ่มเข้าไปอีกได้ โดยร้านอาหารบางแห่งจะมีตู้ปลาเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกชนิดปลาเพื่อนำไปทำแมอุนทังได้ ส่วนใหญ่นิยมสั่งมาคู่กับการดื่มโซจู นอกจากนี้ยังสามารถใช้ส่วนที่เหลือของปลาจากการแล่ปลามาทำน้ำแกงชนิดนี้ได้เช่นกัน
28. กเยรันจิม (Gyeran jjim, 계란찜)
เมนูอาหารเกาหลีที่ให้รสชาตินุ่มและเบาของไข่ตุ๋นแสนอร่อย รสชาติของกเยรันจิมที่แท้จริงจะต้องมีความเบาและฟู โดยสามารถใช้วิธีการปรุงได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนึ่งในภาชนะดินเผาที่เรียกว่า tukbaegi การนึ่งแบบ Bain-marie หรือ Double-Boiler รวมไปถึงการปรุงในหม้อที่สามารถตั้งบนเตาได้โดยใช้ความร้อนต่ำมาก ในปัจจุบันสามารถใช้ถ้วย ramekins วางลงในหม้อน้ำ หรือจะปรุงด้วยไมโครเวฟกันก็ได้ โดยจะใช้ไข่ไก่ตีเบา ๆ ผสมกับน้ำซุปที่ทำมาจากแองโชวี่ กุ้ง หรือสาหร่ายทะเล และเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น ต้นหอมซอย เห็ด ถั่วลันเตา บวบเกาหลี แครอท และผักอื่น ๆ ปรุงรสด้วย Saeu-jeot (새우젓) หรือกุ้งเค็ม เกลือ พริกไทยดำ พริกป่น ไข่ปลาพอลลอคเค็ม พริกป่น พริกแดงหั่นฝอย และงาคั่ว เป็นต้น เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่นิยมทำกินเองกันที่บ้าน และเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงคู่กับเมนูอาหารเกาหลีอื่น ๆ
29. เกจัง (Gejang, 게장)
เกจัง (게장) หรือเกจอต (게젓) เมนูปูดองซีอิ๊วเกาหลี ที่ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติเกาหลีขึ้นชื่อกันเลยทีเดียว และยังเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่คนไทยหลายคนชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เป็นการนำเอาปูม้าสด ๆ มาดองในซอสที่มีส่วนผสมของ ganjang (ซอสถั่วเหลือง) นิยมใช้ปูไข่เพื่อรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น มีบันทึกกล่าวถึงเมนูปูดองซีอิ๊วเอาไว้ตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์โชซอนของเกาหลี ซึ่งในสมัยนั้นจะมีการนำเอาปูไปหมักในกากเหล้าและเกลือเพื่อเป็นการถนอมอาหาร ต่อมาได้มีการใช้ซอสถั่วเหลืองที่มีรสเค็มมากเพื่อให้สามารถเก็บปูเอาไว้ได้เป็นเวลานาน ในปัจจุบันได้มีการใช้ซอสถั่วเหลืองที่มีรสเค็มน้อยลงเพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็จะเก็บไว้ได้เพียง 2-3 วันเท่านั้นหลังจากดองเสร็จ ซึ่งคนเกาหลีเรียกเกจังว่า "ขโมยข้าว" ( 밥도둑 ) เนื่องจากคุณจะเพลิดเพลินไปกับการดูดเนื้อปูที่อัดแน่นไปด้วยไข่ จนข้าวหมดไปอย่างรวดเร็ว แนะนำว่าให้ตักข้าวลงไปผสมกับมันปูและไข่ปูในกระดอง รับรองว่าฟินจนสายรุ้งออกปากกันอย่างแน่นอน
30. กอพชัง (Gopchang, 곱창)
กอพชังหรือกอพชังกุย (gopchang-gui) เมนูอาหารเกาหลีเมนูย่างที่ทำมาจากลำไส้เล็กของวัวหรือลำไส้ใหญ่ของหมู เมนูไส้ย่างแสนอร่อยที่บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง โดยเมนูนี้เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่จะนำเอาไส้มาล้างให้สะอาด ถูด้วยแป้งสาลีและเกลือหยาบ ล้างหลาย ๆ ครั้ง จนสะอาดและไม่มีกลิ่นคาว จากนั้นนำมาหมักเพื่อกำจัดกลิ่นของเครื่องในและทำให้ไส้นุ่ม ปรุงด้วยเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศ โดยจะใช้วิธีการคั้นให้เป็นน้ำแล้วนำมาหมักไส้ เพื่อไม่ให้เกิดการไหม้ของเครื่องปรุงในขณะที่กำลังย่างนั่นเอง จากนั้นจะนำไปย่างบนกระทะหรือตะแกรงที่ทาน้ำมันบาง ๆ นิยมย่างพร้อมกับหัวหอมและพริกหยวก เสิร์ฟโดยจิ้มกับเกลือและน้ำมันงา พร้อมผักและเครื่องเคียงต่าง ๆ ของอาหารเกาหลี
31. แฮจังกุก (Haejang-guk, 해장국)
แฮจังกุกในเมนูอาหารเกาหลีจะหมายถึงซุปที่รับประทานเพื่อไล่อาการเมาค้าง มักจะประกอบไปด้วยกะหล่ำปลีแห้ง เนื้อสัตว์ และน้ำซุปเนื้อเข้มข้น มีการสันนิษฐานว่าอาหารเกาหลีเมนูนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์โครยอ เนื่องจากมีบันทึกเกี่ยวกับซุปที่ทำให้สร่างเมา จึงสันนิษฐานว่าเป็นที่มาของเมนูอาหารเกาหลีจานนี้นี่เอง โดยในน้ำแกงจะประกอบไปด้วยเนื้อสไลด์บาง ๆ เส้นบะหมี่ ต้นหอม และผงชอนโช ซึ่งแฮจังกุกหรือซุปแก้เมาค้างนี้จะมีความแตกต่างกันออกไปตามภูมิภาค ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและสูตรที่ใช้ จึงทำให้แต่ละที่นั้นก็จะมีแฮจังกุกอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ถือได้ว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่สาย hangout หรือสายปาร์ตี้ทั้งหลายควรลิ้มลองหลังจากที่ดื่มกันมาอย่างหนักหน่วง เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้ดีมากเลยทีเดียวค่ะ
32. คัมจาทัง (Gamjatang, 감자탕)
เมนูนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นเมนูต้มเล้งสไตล์เกาหลีก็ว่าได้ค่ะ เป็นซุปเกาหลีรสเผ็ดที่ทำมาจากกระดูกสันหลังหรือกระดูกคอหมู ต้มด้วยไฟแรงเป็นเวลานานเพื่อให้เนื้อเปื่อยนุ่ม พร้อมด้วยมันฝรั่ง บะหมี่แก้ว หัวไชเท้าแห้ง ต้นหอม พริก ใบเพริลลา และงาบด นิยมเสิร์ฟพร้อมกับกิมจิและข้าวสวย โดยจะเสิร์ฟเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อค่ำ รวมไปถึงอาหารว่างมื้อดึก กระดูกหมูเปื่อย ๆ พร้อมกับน้ำซุปสีแดงเผ็ดร้อน เข้ากันได้ดีกับข้าวสวยเลยทีเดียวค่ะ โดยต้นกำเนิดของอาหารเกาหลีเมนูนี้มาจากจังหวัดชอลลา (Jeolla) ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ เนื่องจากที่นี่มีการเลี้ยงหมูกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ราคาถูกและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มของผู้ใช้แรงงาน และกลายเป็นเมนูอาหารเกาหลียอดนิยมที่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป
33. กงกุกซู (Kongguksu, 콩국수)
คงกุกซูหรือบะหมี่ซุปนมถั่วเหลืองเย็น กล่าวกันว่าเมนูอาหารเกาหลีชนิดนี้มีมาตั้งแต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 อาหารเกาหลีเมนูบะหมี่ที่นิยมรับประทานกันในช่วงฤดูร้อนของเกาหลี เสิร์ฟในน้ำซุปนมถั่วเหลืองเย็นที่แสนสดชื่นและเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ เมนูนี้มาจากคำว่า กง แปลว่า ถั่วเหลือง และ กุกซู แปลว่า บะหมี่ โดยประกอบไปด้วยส่วนผสมเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ เส้นบะหมี่ที่ทำจากแป้งสาลี ถั่วเหลืองบด แตงกวา เกลือ และน้ำ โดยจะเป็นน้ำซุปนมถั่วเหลืองโฮมเมดที่อร่อยเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับเส้นบะหมี่ข้าวสาลีเส้นบาง ๆ พร้อมแตงกวาหั่นเป็นเส้นยาว สามารถใส่เมล็ดงาหรือถั่วลิสงคั่วด้านบนก็จะให้รสชาติที่อร่อยสดชื่นมากยิ่งขึ้นค่ะ
34. คัลกุกซู (Kalguksu, 칼국수)
อาหารเกาหลีเมนูเส้นที่อยากให้ลองชิมกันดูค่ะ ต้องบอกว่ามีบันทึกเกี่ยวกับคัลกุกซูมาตั้งแต่ในสมัยโครยอกันเลยทีเดียว โดยคำว่า Kal ในภาษาเกาหลีแปลว่า มีด และ Guksu แปลว่า บะหมี่ ดังนั้นคัลกุกซูจึงรวมกันได้เป็นบะหมี่ที่ทำจากมีด อันเกิดมาจากวิธีทำเส้นบะหมี่ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้มาจากการรีดแป้งแล้วตัดเป็นเส้นยาวด้วยมีดนั่นเอง โดยเส้นบะหมี่จะทำมาจากแป้งสาลีและไข่ บางครั้งอาจมีการใส่ผงถั่วบดลงไปเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส จากนั้นพักแป้งทิ้งไว้แล้วรีดให้เป็นแผ่นบางตัดเป็นเส้นยาวด้วยมีด ในขณะที่น้ำซุปจะทำมาจากปลาแองโชวี่แห้ง หอย และสาหร่ายเคลป์ เคี่ยวเป็นเวลานานหลายชั่วโมง บางครั้งอาจใช้น้ำซุปไก่เพื่อให้รสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น พร้อมด้วยผักต่าง ๆ ได้แก่ บวบเกาหลี มันฝรั่ง และต้นหอม ปรุงรสด้วยเกลือ ซึ่งคัลกุกซูของแต่ละที่ก็จะมีการใช้วัตถุดิบและสูตรที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วยค่ะ
35. ซอลลองทัง (Seolleongtang, 설렁탕)
ซอลลองทังหรือซุปกระดูกวัว เป็นเมนูอาหารเกาหลีท้องถิ่นของกรุงโซล ว่ากันว่าเมนูนี้เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์โชซอนกันเลยทีเดียวค่ะ กระดูกวัวที่ใช้ส่วนใหญ่จะใช้เป็นกระดูกส่วนขา พร้อมด้วยเนื้อหน้าอกและเนื้อส่วนอื่น ๆ นำมาเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือทั้งวัน เพื่อให้รสชาติถูกดึงออกมาจากกระดูกอย่างช้า ๆ จนได้น้ำซุปสีขาวขุ่นคล้ายกับน้ำนม นิยมรับประทานคู่กับข้าวสวยและเครื่องเคียงอีกหลายอย่าง หรือบางครั้งอาจเติมข้าวลงไปในน้ำซุปโดยตรงเลยก็ได้ และจะมีการปรุงตามความชอบส่วนตัวหลังจากเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ โดยสามารถใส่เกลือ พริกไทยดำ พริกแดง กระเทียมสับ หรือต้นหอมสับ เพื่อเพิ่มรสชาติกันได้
36. ดนจังจิเก (Doenjang jjigae, 된장찌개)
ซุปเต้าเจี้ยวเกาหลีแบบง่าย ๆ ที่เป็นหนึ่งในอาหารประจำบ้านยอดนิยมของชาวเกาหลีกันเลยทีเดียวค่ะ ประกอบไปด้วยเต้าเจี้ยวหรือ Doenjang ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในการหมักถั่วเหลืองที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลี นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำสต๊อกที่ได้จากปลากะตักหรือปลาแอนโชวี่ ผักและโปรตีนตามชอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เป็นเนื้อวัว กุ้ง หอย เต้าหู้ หมู มันฝรั่ง เห็ด หัวหอม กระเทียม และบวบเกาหลี ให้รสชาติที่เผ็ดร้อนและความกลมกล่อมจากเต้าเจี้ยวเกาหลี เป็นเมนูอาหารเกาหลีเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยผักและโปรตีน ช่วยสร้างความอบอุ่นและสบายท้องได้เป็นอย่างดี ซึ่งร้านหมูสามชั้นย่างเกาหลีบางแห่งนิยมเสิร์ฟดนจังจิเก เป็นเมนูปิดท้ายกันด้วยค่ะ
37. อากูจิม (Agujjim, 아구찜)
Agujjim หรือที่รู้จักในชื่อ Agwijjim (아귀찜) อาหารเกาหลีเมนูปลา ซึ่งได้มาจากปลาแองเกลอร์ (Angler) ปลาตกเบ็ดซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด เป็นปลาที่มีหน้าตาแปลกประหลาดและน่ากลัว หัวใหญ่ฟันคม ต้นกำเนิดของเมนูนี้มาจากตลาดปลาในเมืองมาซัน จังหวัดคยองซังใต้ เมื่อชาวประมงพยายามขอให้พ่อครัวปรุงอาหารจากปลาแองเกลอร์ ซึ่งเป็นปลาที่มักจะถูกทิ้งเมื่อโดนจับมาเพราะรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดของมัน แต่เมื่อปลาเริ่มหายากขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เมนูนี้จึงกลายเป็นอาหารอันโอชะที่มีความแปลกใหม่ และกลายเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมในที่สุด ด้วยเนื้อสีขาวแน่นจนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เนื้อแห่งทะเล" ปรุงรสด้วยผงพริกขี้หนู เต้าเจี้ยว ซอสคันจัง กระเทียมสับ ต้นหอมสับ ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เข้ากันได้ดีกับถั่วงอกและเครื่องเทศต่าง ๆ ที่คลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ให้สัมผัสที่อร่อยเคี้ยวเพลินได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียวค่ะ
38. โพซัม (Bossam, 보쌈)
หมูสามชั้นต้มสไตล์เกาหลี หมูต้มเนื้อนุ่มแบบไม่มีกลิ่นคาวซึ่งนิยมรับประทานคู่กับกิมจิสด และเครื่องเคียงที่เป็นผักสดต่าง ๆ และยังเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะการสั่งมารับประทานคู่กับการดื่มโชจู ลักษณะเด่นที่สุดของเนื้อโพซัมคือเนื้อหมูสามชั้นที่ต้มจนเนื้อนุ่มโดยที่ไม่มีกลิ่นคาว ซึ่งเวลาต้มจะใช้ขิงและสมุนไพรต่าง ๆ ใส่ลงไปด้วยเพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อ พร้อมทั้งใส่หัวไชเท้าและหัวหอมเพื่อเพิ่มรสชาติ เวลารับประทานให้นำเนื้อโพซัมจุ่มลงในซอสซัมจัง ห่อด้วยใบผักกาดหอมหรือใบงาเกาหลี นิยมรับประทานควบคู่ไปกับเครื่องเคียงอย่างเช่น กุ้งเค็ม หัวไชเท้าแห้ง หอยนางรม และกิมจิ
39. แน็งมย็อน (Naengmyeon, 냉면)
เมนูอาหารเกาหลีจานบะหมี่ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเกาหลีเหนือ โดยพบว่าแน็งมย็อนนั้นมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ในสมัยจักรวรรดิเกาหลี หรือในสมัยของพระเจ้าโกจง โดยเป็นอาหารจากเกาหลีเหนือที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในเปียงยางและฮัมฮึง ประกอบไปด้วยเส้นบะหมี่ที่ยาวและบางซึ่งทำมาจากแป้งบักวีต บางครั้งอาจใช้แป้งมันฝรั่ง แป้งมันเทศ รวมไปถึงแป้งท้าวยายม่อมญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน โรยหน้าด้วยหัวไชเท้า แตงกวา และไข่ ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูและมัสตาร์ดเกาหลี (เกียวจา) เป็นบะหมี่เย็นที่มีรสชาติสดชื่น เหมาะสำหรับการรับประทานในช่วงฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี นิยมเลือกเป็นเมนูอาหารเกาหลีสำหรับมื้อกลางวันแบบเบา ๆ หรือใช้เป็นเมนูล้างปากหลังเสร็จจากมื้อบาร์บีคิวเกาหลีก็ได้
40. มิยอกกุก (Miyeok-guk, 미역국)
ซุปสาหร่ายสไตล์เกาหลี ซึ่งเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่นิยมรับประทานกันเป็นอาหารเช้าในวันเกิด เพื่อเป็นเกียรติให้กับมารดาและสตรีที่คลอดบุตรหลังจากที่ได้อุ้มท้องมานานหลายเดือน ซึ่งการกินซุปสาหร่ายหลังจากคลอดลูกเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่ในสมัยโครยอ โดยเกิดขึ้นมาจากการที่ผู้คนสังเกตเห็นว่าวาฬนั้นจะกินสาหร่ายหลังจากคลอดลูกนั่นเอง ส่วนประกอบที่สำคัญในมิยอกกุกคือสาหร่ายแห้ง โดยทั่วไปจะใช้สาหร่ายวากาเมะหรือมิยอก ใส่เนื้อสัตว์ลงไปเพื่อเพิ่มโปรตีน ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งเนื้อวัว กุ้ง หอยนางรม หอยแมลงภู่ หรือเต้าหู้ ปรุงรสด้วยน้ำมันงาและซีอิ๊ว เป็นซุปรสจืดที่นิยมรับประทานพร้อมกับข้าว และเครื่องเคียงต่าง ๆ ของเกาหลีในมื้ออาหาร
41. นักจี บกกึม (Nakji bokkeum, 낙지볶음)
ปลาหมึกยักษ์ผัดเผ็ด เมนูอาหารเกาหลีรสชาติจัดจ้านร้อนแรงที่เต็มไปด้วยส่วนผสมของพริก สามารถสร้างรสชาติเผ็ดร้อนเป็นพิเศษได้อย่างลงตัว ต้นกำเนิดของเมนูนี้เชื่อกันว่าคุณยาย Park Mu-Sun เป็นผู้สร้างอาหารจานนี้ขึ้นมาในปีค.ศ 1965 โดยเป็นเมนูที่ใช้ปลาหมึกและผักสับ เช่น หัวหอม หัวหอมใหญ่ กะหล่ำปลี และแครอท ทำน้ำปรุงด้วยโคชูจัง ซีอิ๊ว กระเทียม เกลือและน้ำตาล จากนั้นผสมปลาหมึกกับผักเข้าด้วยกันแล้วหมักเอาไว้จนเข้าเนื้อ จากนั้นผัดให้เข้ากัน นิยมเสิร์ฟพร้อมกับโจแกทัง (สตูว์หอย) เพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร
42. บุงจอปัง (Bungeoppang, 붕어빵)
ปิดท้ายเมนูอาหารเกาหลีกันที่ขนมหวานที่มีรูปร่างเป็นปลาสอดไส้ถั่วแดง โดยเปลือกด้านนอกทำมาจากแป้งซึ่งประกอบไปด้วย ไข่ แป้ง ผงฟู น้ำตาล และน้ำ เทลงในแม่พิมพ์รูปปลา แล้ววางไส้ถั่วแดงบดแบบเนียนหรือแบบหยาบเอาไว้ตรงกลาง จากนั้นอบจนกลายเป็นสีเหลืองทองและได้ขอบที่กรุบกรอบ ไส้ถั่วแดงจะกระจายอยู่อย่างสม่ำเสมอด้านใน ซึ่งเมนูนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นขนมไทยากิแบบญี่ปุ่นแต่มีความซับซ้อนน้อยกว่า เพราะจะไม่มีการใส่ไส้อื่น ๆ นอกจากไส้ถั่วแดงเท่านั้น คุณสามารถมองหาขนมบุงจอปังได้ทุกที่ทั่วเกาหลีใต้ โดยเฉพาะตามร้านข้างทางที่ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับความนุ่มอร่อยของบุงจอปังไส้ถั่วแดงนุ่ม ๆ ร้อน ๆ ที่ทำเสร็จใหม่ ๆ กันค่ะ
และทั้งหมดนี้ก็คือสุดยอด 30 เมนูอาหารเกาหลี ที่บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวเกาหลี ซึ่งนอกจาก 30 เมนูอาหารเกาหลีนี้แล้ว ยังมีเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีขึ้นชื่ออีกหลายอย่าง ที่รอให้คุณได้ไปลิ้มลองรสชาติอาหารเกาหลีตามแบบฉบับต้นตำรับด้วยตัวเองกันค่ะ