ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินทางแทบทุกคน เพราะไม่ว่าจะเป็นความงดงามทางธรรมชาติ วีถีชีวิตของผู้คนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ ประเพณี และวัฒนธรรมดั้งเดิมไปพร้อมกับการพัฒนาในด้านเทคโนโลยี สภาพบ้านเมืองที่สะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งอาหารการกินก็ดูน่าเอร็ดอร่อย เมื่อรวมสิ่งละอันพันละน้อยเข้าด้วยกัน จึงทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอยากลองไปสัมผัสด้วยตนเองกันสักครั้ง และหนึ่งในไฮท์ไลท์สำคัญที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที จะพลาดไม่ได้ ก็คือ เมนูของหวานญี่ปุ่น ซึ่งมีเอกลักษณ์อย่างมากและในบทความนี้เราก็มี 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น มาแนะนำกันด้วย
ของหวานญี่ปุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเพราะของหวานญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ชนิดที่ต้องมาลองชิมที่ญี่ปุ่นเท่านั้นถึงจะเรียกว่า “มาไม่เสียเที่ยว”
ของหวานญี่ปุ่นนั้นมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ว่าจะเป็นหน้าตาสวยงาม น่ารัก หรือบางชนิดก็เรียกรอบยิ้มและเสียงหัวเราะเมื่อได้เห็น เรียกว่าเอาใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้แบบครบถ้วน ซึ่งขนมเหล่านี้ล้วนมีที่มาจากการลงมือทำด้วยความใส่ใจ ละเมียดละไมและประณีตตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น รวมไปถึงการบรรจุหีบห่อให้ดูสวยงามไม่ว่าขนมนั้นจะมีราคาสูงหรือราคาถูก พ่อค้า แม่ค้าก็จะเต็มใจให้บริการจัดแพคเก็จให้แบบจัดเต็มจนดูน่าซื้อไปซะหมด อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ขนมทุกชนิดใน เมนูของหวานญี่ปุ่น ยังมีการชูวัตถุดิบหลักที่หลากหลายของแต่ละภูมิภาค หรือใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ซึ่งทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละท้องถิ่น หรือหารับประทานได้ในบางช่วงฤดูกาลเท่านั้น เราจึงเห็นได้ว่าในแต่ละเมืองจะมีร้านขนมหวานที่ขึ้นชื่อประจำเมืองที่นักท่องเที่ยวต้องเดินทางเสาะหาเพื่อแวะไปชิมให้ได้สักครั้ง และในวันนี้ เรามีตัวอย่าง 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดมาฝาก มีอะไรบ้างไปชมกันเลย
10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ความละเมียดละไมที่ใครๆ ก็อยากสัมผัส
1. ขนมโมจิ (mochi) (餅)
เริ่มต้นเมนู 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่มาแล้วต้องได้ชิมกันด้วยขนมโมจิ โมจิเป็นเมนูของหวานญี่ปุ่นยอดฮิตที่ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เพราะชื่อนี้คุ้นหูคนไทยกันดี ซึ่งขนมโมจิในประเทศญี่ปุ่นต้องบอกเลยว่าค่อนข้างแตกต่างจากขนมโมจิที่ทำขายกันในเมืองไทยบ้านเรานะคะ
โมจิญี่ปุ่นทำจากข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วนำมาตำขณะยังร้อน ๆ ในครกไม้ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอุซุ (Usu) โดยในช่วงปีใหม่จะมีประเพณีตำโมจิแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า โมจิสึกิ (Mochitsuki) ซึ่งการตำแป้งโมจิจะต้องมีคนตำและมีคนช่วยพลิกแป้งไปมาเพื่อให้เนื้อแป้งเข้ากันได้ดี คนตำแป้งจะตำเป็นจังหวะรวดเร็วมาก ส่วนคนพลิกแป้งก็จะต้องจับจังหวะให้ดีในช่วงที่สอดมือเข้าไปในครก ดูสนุกลุ้นมากเห็นแล้วหวาดเสียวมือเหลือเกิน การกะจังหวะระหว่างทั้งสองคนจะต้องไม่ผิดพลาดเลย ถึงขนาดเคยมีการแข่งขันตำโมจิออกรายการทีวีญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ซึ่งร้านที่ได้รางวัลชนะเลิศ คือ ร้านนาคาตะนิโดะอุ (Nakatanidou) แห่งเมืองนารา (Nara) ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการแสดงโชว์ตำโมจิให้ลูกค้าได้รับชม
เมื่อได้แป้งโมจิเหนียวนุ่มดีแล้วก็จะนำมารับประทานแบบสด ๆ เลยก็ได้ หรือนำไปย่างแล้วราดด้วยน้ำเชื่อม หรือยัดไส้ หรือรับประทานคู่กับอาหารแบบอื่น ๆ ได้ เรียกได้ว่า 1 ใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นอย่างโมจินี่แหละ คือ สารตั้งต้นสู่เมนูของหวานญี่ปุ่นอีกหลายชนิดเลย
2. ขนมอุอิโระ (Uiro) (本いろう)
อุอิโระ (Uiro) เป็นหนึ่งใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นซึ่งทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาล และน้ำ ที่นำมานวดจนเข้ากันแล้วนำไปนึ่งจนสุกเสร็จแล้วนำมาตัด ซึ่งรูปทรงแบบดั้งเดิมนั้นจะตัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว แต่อุอิโระยุคใหม่จะตัดขนาดพอดีคำทำให้ทานง่ายกว่าเดิม ส่วนเนื้อสัมผัสจะมีความเหนียว หนึบหนับ และมีหลายรสชาติให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นถั่วแดง ชาเขียว ซากุระ ส้มยูซุ เกาลัด และสตอร์เบอร์รี
สำหรับใครที่มาเยื่อนญี่ปุ่น เราขอแนะนำว่า อุอิโระ (Uiro) แห่งร้าน โอยากิ อุอิโระ (Aoyagi Uirou) แห่งเมืองนาโกย่า คือหนึ่งใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่ต้องมาทานให้ได้ ที่นี่เป็นร้านที่จำหน่ายอุอิโระมาอย่างยาวนานมากกว่า 130 ปี ซึ่งถือเป็นร้านอุอิโระระดับตำนานที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยล่ะ
3. ขนมเซมเบ้ (Senbei) (煎餅)
10 อันดับของหวานญี่ปุ่นเมนูต่อไปคือเซมเบ้ (Senbei) จัดเป็นของหวานญี่ปุ่นโบราณเพราะมีการพบหลักฐานว่ามีมาไม่ต่ำกว่า 1,200 ปีแล้ว สูตรดั้งเดิมนั้นทำจากแป้งข้าวเหนียวต่อมาได้พัฒนาเป็นแป้งข้าวเจ้า มักทำเป็นแผ่นวงกลมหรือสี่เหลี่ยม แล้วนำไปย่างหรืออบจนกรอบ ถือเป็นเมนูของหวานญี่ปุ่นที่ชาวญี่ปุ่นนิยมนำไว้ต้อนรับแขก และคนไทยก็คุ้นเคยกันดี เพราะนิยมซื้อเป็นของฝากเพราะรสชาติอร่อย และไม่เสียง่าย
แม้เซมเบ้จะเป็นหนึ่งใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่เรียกว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง แต่รสชาติดั้งเดิมของขนมชนิดนี้ ไม่ได้หวานนะคะ เซมเบ้แท้ ๆ นั้น ดั้งเดิมมีรสเค็มจากโชยุ แต่ในปัจจุบันมีหลายรสชาติให้เลือก เช่น ปลาหมึก ปลาแห้ง งาดำ สาหร่าย ชีส และวาซาบิ คนญี่ปุ่นมักรับประทานเซมเบ้คู่กับชาเขียวร้อน เพื่อช่วยตัดรสชาติที่เข้มข้นของเซมเบ้ ส่วนร้านเซมเบ้ชื่อดังต้องยกให้ ซามูไร เซมเบ้ (Samurai Senbei) สาขาฮอกไกโด (Hokkaido) เพราะทางร้านใช้ข้าวสายพันธุ์ท้องถิ่นของฮอกไกโดถึง 3 สายพันธุ์มาเป็นวัตถุดิบหลัก
4. ขนมดังโงะ (Dango) (団子)
ดังโงะ (Dango) เป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานญี่ปุ่นที่หาทานได้ทั่วไป เพราะเป็นขนมพื้นบ้านเก่าแก่ของญี่ปุ่น ซึ่งทำจากแป้งข้าวเหนียวอบแห้งเรียกว่า ชิราทามาโกะ (Shiratamako) หรือใช้แป้งข้าวเจ้าโจชินโกะ (Joushinko) นำมาปั้นเป็นก้อนกลม แล้วนำไปต้มหรือนึ่งจนสุก จากนั้นจะเอามาเสียบไม้ไผ่หรือไม่เสียบไม้ก็ได้ขึ้นอยู่กับดังโงะแต่ละชนิด แล้วนำเอาไปย่างไฟอ่อน ๆ จนหอมนุ่ม หรือจะไม่ย่างก็ได้เช่นกัน จากนั้นก็เอามาราด หรือผสมวัตุดิบต่าง ๆ เช่น โชยุ น้ำเชื่อม ถั่วแดงบดหรือถั่วแดงกวน มิโสะหวาน ถั่วแระกวน และใบโยโมงิ เป็นต้น ซึ่งร้านขายดังโงะชื่อดัง หนึ่งใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่อยากแนะนำ จะอยู่แถวนัมบะ (Namba) มีชื่อร้านว่า ชิราตามะ (Shiratama) มีจุดเด่นจากการขายดังโงะที่แตกต่างไปจากเดิมคือ ดังโงะหลากสีสัน ดังโงะแบบอิตาเลียน จนเป็นกระแสในโซเชียลให้ชาวญี่ปุ่นหลั่งไหลมาลองชิม
5. ขนมไทยากิ (Taiyaki) (鯛焼き)
มาต่อกันที่ 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ขนมไทยากิ (Taiyaki) หรือขนมรูปปลาไท เป็นอีกหนึ่งของหวานญี่ปุ่นไส้ถั่วแดงที่เป็นที่นิยมกันมากในประเทศญี่ปุ่น เพราะปลาไทถือเป็นสัตว์มงคลชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นจึงนิยมนำขนมไทยากิมารับประทานในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ โดยไทยากิเป็นเมนูของหวานญี่ปุ่นที่ทำมาจากแป้งสาลีที่นำไปหยอดใส่แม่พิมพ์รูปปลาไท แล้วใส่ไส้ไว้ด้านในซึ่งไส้ดั้งเดิม คือ ไส้ถั่วแดง แต่ในปัจจุบันร้านไทยากิหลาย ๆ ร้าน มีการเพิ่มไส้ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อเอาใจลูกค้าที่ต้องการความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นคัสตาร์ด วิปครีม แยม ไส้กรอก ชีส ข้าวโพด ซอสพิซซ่า และช็อกโกแลต
สำหรับใครที่อยากลองชิมขนมไทยากิ 1 ใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นในรสชาติแบบดั้งเดิม เราขอแนะนำร้านนานิวายะ โซฮนเต็น (Naniwaya sohonten) ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ขายมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 จุดเด่น คือ มีรสชาติดั้งเดิมต้นตำรับขนมญี่ปุ่นโบราณอย่างแท้จริงที่ยังคงทำแบบชิ้นต่อชิ้น และอบด้วยเตาอิคโชยากิ (icchoyaki) ซึ่งเป็นการทำตามสูตรโบราณ และยังอยู่ในโตเกียวซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังชนิดที่ลูกค้าต้องยอมยืนต่อคิวยาวเหยียด, ร้านวากาบะ (Wakaba) ในย่านชินจูกุ จุดเด่น คือร้านนี้รับประกันว่าจะมีไส้ถั่วแดงกระจายอยู่ทั่วทั้งตัวปลาไทยากิ (บางร้านจะมีไส้เฉพาะส่วนหัวปลาเท่านั้น) และร้านยานากิยะ (Yanagiya) จุดเด่น คือ ไส้ถั่วแดงทำจากถั่วแดงคัดคุณภาพจากฮอกไกโดค่ะ
6. ขนมโยกัง (Yokan) (羊羹)
โยกังหรือวุ้นถั่วแดงเป็นเมนูของหวานญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยมีที่มาจากพระญี่ปุ่นที่เดินทางไปศึกษาที่ประเทศจีนและได้พบกับเมนูซุปเนื้อแกะที่เย็นตัวลงแล้วแข็งตัวเพราะเจลลาตินที่อยู่ในน้ำซุป แต่พระไม่สามารถบริโภคเนื้อสัตว์ได้ จึงเปลี่ยนจากเนื้อแกะมาเป็นถั่วแดงกวน ต่อมาได้นำมาเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่นจนได้รับความนิยม โดยโยกัง (Yokan) 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น สุดฮิตนี้มีส่วนผสมหลักจาก ถั่วแดงกวน เจลลาติน และน้ำตาล นิยมทำเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าและด้วยความหวานมากจึงมักรับประทานคู่กับเครื่องดื่มชาเพื่อความกลมกล่อม
ปัจจุบันโยกังมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เติมลงไป แต่ที่คุ้นเคยกันทั่วไปเห็นจะมีอยู่ 2 ชนิดหลัก ๆ คือ เนริโยกัง คือ โยกังที่มีส่วนผสมเจลลาตินในปริมาณมาก และ มิซึโยกัง คือ โยกังที่ใช้เจลลาตินในปริมาณน้อย โดยผสมน้ำลงไปมากกว่าเจลลาตินทำให้มีรสสัมผัสนุ่มมากกว่า และอาจจะเติมไส้ลงไปด้วย เช่น เกาลัด ส่วนชนิดอื่น ๆ ก็มีตัวอย่างเช่น มูชิโยกัง คือ โยกังที่ใช้การผสมแป้งสาลี หรือแป้งเท้ายายม่อมและอัดแข็งด้วยความร้อนจากไอน้ำ และอิโมะโยกัง คือ โยกังที่ทำมาจากมันเทศ ซึ่งในโตเกียวมีร้านจำหน่ายโยกังที่มีชื่อเสียง เป็นร้านใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่แนะนำคือ เช่น ร้านฟุนาวะ (Funawa) และ ร้านโทรายะ (Toraya)
7. ขนมไดฟุกุ (Daifuku) (大福)
เมื่อพูดถึง 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่คนไทยคุ้นเคยดี ต้องมีชื่อขนมไดฟุกุอย่างแน่นอน เพราะไดฟูกุเป็น เมนูของหวานญี่ปุ่นที่มีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและคาเฟ่ต่างๆ ในไทย ด้วยหน้าตาที่น่ากินบวกกับสีสันที่สะดุดตาทำให้ได้รับความสนใจจากคนทุกวัย ส่วนรสชาติก็มีทั้งความหวานซ่อนเปรี้ยวที่มาพร้อมกับรสสัมผัสแบบนุ่มนอกกรอบใน เรียกว่าได้อร่อยจากส่วนผสมที่หลากหลายในเวลาเดียว แต่มาญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องไม่พลาดมาทานไดฟูกุแท้ๆ แบบดั้งเดิมกัน
สำหรับ 1 ใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นอย่างไดฟุกุ เป็นขนมที่ทำจากแป้งโมจิเนื้อหนุบหนับ โดยมีไส้ในสุดเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวชนิดต่าง ๆ เช่น สตอร์เบอร์รี ส้ม กีวี และมะม่วงสุก โดยจะนำผลไม้มาห่อด้วยไส้ที่ถูกกวนจนเป็นเนื้อนุ่ม เช่น ถั่วแดง ชาเขียว งาดำ มันหวาน ช็อคโกแลต และฟักทอง เสร็จแล้วห่อชั้นนอกสุดด้วยแป้งโมจิและคลุกผงแป้งเพื่อให้หยิบได้ง่ายไม่ติดมือ ซึ่งในญี่ปุ่นมีไดฟุกุวางจำหน่ายในร้านทั่วไป ถือว่าเป็นหนึ่งในของหวานญี่ปุ่นที่หาซื้อได้ง่าย ๆ คนญี่ปุ่นนิยมนำไดฟุกุไปมอบให้กันในโอกาสที่เป็นมงคลต่าง ๆ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีชงชาเพื่อแสดงถึงการอวยพร และความปรารถนาดี เพราะชื่อ “ไดฟูกุ” ออกเสียงว่า “ได” แปลว่า ใหญ่ และ “ฟุกุ” แปลว่า โชคดี นั่นเอง เรียกได้ว่าทั้งอร่อยและมีความหมายที่ดีสมกับเป็น 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นจริง ๆ
8. ขนมโอชิรุโกะ (Oshiruko) (お汁粉)
มาถึง 1 ใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งชนิด นั่นคือขนมโอชิรุโกะเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานญี่ปุ่นที่คนไทยเราอาจจะเคยเห็นกันในร้านอาหารญี่ปุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย เป็นอีกเมนูของหวานดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นซึ่งนิยมรับประทานในช่วงหน้าหนาว และยังเป็นของหวานญี่ปุ่นที่มีถั่วแดงเป็นส่วนประกอบหลัก โอชิรุโกะ หรือ ซุปถั่วแดง คือ ถั่วแดงที่นำไปต้มกับน้ำตาลจนสุกซึ่งมีทั้งแบบต้มแล้วถั่วแดงยังเป็นเม็ดสวย และแบบต้มจนเม็ดถั่วแดงละเอียด เวลารับประทานมักใส่โมจิย่าง หรือชิราทามะดังโงะ หรือเกาลัด อันนี้แล้วแต่ความชอบ โดยนิยมทานแบบร้อน ๆ ในฤดูหนาวเพื่อช่วยสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย
โอชิรุโกะเป็นหนึ่งใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่นมีโอชิรุโกะแบบกึ่งสำเร็จรูปขายเป็นถุง ๆ แค่เปิดซองเติมน้ำร้อนก็อร่อยได้เลย และมีแบบพร้อมทานบรรจุกระป๋องขายในตู้หยอดเหรียญอีกด้วย
9. ขนมโมนากะ (Monaka) (最中)
10 อันดับของหวานญี่ปุ่น เมนูที่ 9 คือขนมโมนากะเป็นเมนูของหวานญี่ปุ่นที่คนไทยอาจจะไม่ได้สังเกตว่ามีจำหน่ายในประเทศไทยมานานแล้ว แต่มาในรูปแบบดัดแปลงเป็นไอซ์โมนากะ หรือโมนากะสอดไส้ไอศกรีมเหมือนที่วางขายในตู้ไอศกรีมในเมืองไทยที่มีหน้าตาคล้ายเวเฟอร์สอดใส่ไอศกรีมรูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนโมนากะแบบดั้งเดิมทำจากแป้งโมจินำมาขึ้นรูป แล้วนำไปย่างจนกลายเป็นเวเฟอร์กรอบ ๆแล้วใส่ไส้ถั่วแดงบดผสมน้ำตาล ซึ่งปัจจุบันตัวแป้งสามารถทำได้หลากหลายรูปทรงตามจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นรูปตัวการ์ตูน หรือรูปสัตว์มงคลแบบต่าง ๆ ส่วนไส้ก็มีให้เลือกหลายชนิด เช่น ช็อกโกแลต ชาเขียว เกาลัด วานิลา คัสตาร์ด และมันหวาน ถือว่าเป็น หนึ่งใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่มีถั่วแดงเป็นส่วนประกอบหลักอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
10. ขนมโดรายากิ (Dorayaki) (どら焼き)
ปิดท้าย 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ด้วยเมนูของหวานญี่ปุ่นที่ทุกคนต้องรู้จัก นั่นก็คือ โดรายากิ ขนมสุดโปรดของตัวการ์ตูนยอดฮิตอย่างโดราเอม่อน และเป็นของหวานญี่ปุ่นที่หาซื้อได้ง่าย ๆ แต่จะให้ฟินเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนไปท่องโลก ก็ต้องได้ไปทานกันที่ญี่ปุ่นนะคะ
โดรายากิ หนึ่งในเมนู 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่ต้องห้ามพลาด ตัวขนมทำมาจากแป้งสาลีผสมเนย ไข่ และนมสด ส่วนไส้สูตรดั้งเดิมทำจากถั่วแดงกวนหรือ อันโกะ (Anko) แต่ปัจจุบันยังมีไส้อีกหลายแบบให้เลือก ทั้งครีมคัสตาร์ด ช็อคโกแลต ชาเขียว เกาลัด เม็ดบัว มันหวาน และอื่น ๆ รูปร่างหน้าตาของโดรายากิคล้ายแพนเค้กประกบคู่กัน เรียกได้ว่าโดรายากิเป็นเมนูของหวานญี่ปุ่นที่นำแป้งเค้กแบบตะวันตกมาผสมผสานกับไส้ถั่วแดงกวนแบบญี่ปุ่น ที่นิยมมารับประทานคู่กับชาเขียวร้อนเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่เราได้รวบรวมมาฝากกันวันนี้ หวังว่าจะถูกใจเหล่านักชิมที่กำลังตัดสินใจว่าทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไป จะไปชิมอะไรกันดีนะคะ สำหรับตัวอย่างเมนูของหวานญี่ปุ่น และ 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นที่เรานำมารวบรวมไว้ในครั้งนี้ เราได้คัดเลือกเมนูของหวานญี่ปุ่น ที่เป็นซิกเนอเจอร์ เป็นไฮท์ไลท์ของประเทศญี่ปุ่นจริงๆ มาฝาก ขนม 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นแต่ละชนิดนอกจากความอร่อย และความละเมียดละไมในการปรุงแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยแง่มุมความงามทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย สำหรับนักชิมก็จะได้ชิมของอร่อยจากร้านเก่าแก่ สำหรับนักเสพก็จะได้เสพความงดงามและเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่มาพร้อมกับเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ของขนม เรียกได้ว่า ขนมหวานญี่ปุ่นใน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่น ที่เลือกมานี้ เป็นขนมที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นจริงๆ ส่วนใครไปญี่ปุ่นครั้งเดียวแล้วหาทานได้ไม่ครบ เราขอแนะนำว่า เที่ยวญี่ปุ่นไปกี่ครั้งก็ยังน่าสนุกค่ะ ไปแล้วไปอีกได้ ว่าแล้วก็อย่าลืมไปหาทาน 10 อันดับของหวานญี่ปุ่นให้ครบทั้ง 10 ชนิดกันนะคะ