ประเทศในยุโรป คือจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะแต่ละประเทศล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมที่ถูกทิ้งไว้บนสถาปัตยกรรมต่างๆ งานศิลปะ หรือแม้แต่ตำนานที่ถูกเล่าขานต่อๆ กันมา ทำให้ประเทศในทวีปยุโรปต่างก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่ถ้าจะให้ไปให้ครบทุกประเทศอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้เราจึงได้คัดเอา 10 ประเทศในยุโรป ที่ควรค่าไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต เพื่อเป็นตัวเลือกหากใครอยากเดินทางไปเที่ยวประเทศในทวีปยุโรปมาฝากกันค่ะ
แนะนำ 10 ประเทศในยุโรป ที่ควรค่าไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต
1. ประเทศอังกฤษ
ถ้าพูดถึงประเทศในยุโรปชื่อแรกที่เรามักจะนึกถึงคือ อังกฤษ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่เดินทางได้สะดวกสบายอย่างเช่น พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace), ตึกรัฐสภาเวสต์มินสเตอร์ (Houses of Parliament) และหอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) แลนด์มาร์คสำคัญของประเทศอังกฤษ ซึ่งในปี 2022 นี้ หอนาฬิกาบิ๊กเบนจะกลับมาเปิดให้เข้าชมได้อีกครั้ง และยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ควรพลาดอย่าง บริติช มิวเซียม (British Museum) และหอศิลป์แห่งชาติ (National Gallery) ที่เต็มไปด้วยงานศิลปะระดับโลก, 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) เป็นต้น
2. ประเทศฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส ประเทศในยุโรป ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกมากมาย จนหลายคู่รัก คู่แต่งงานเลือกที่จะมาฮันนีมูนเติมความหวานกันที่นี่ เพราะนอกจากจะมีบรรยากาศสุดโรแมนติกแล้วยังที่ถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บไว้เป็นความทรงจำสุดประทับใจ อาทิ หอไอเฟล (Eiffel Tower) ที่สวยทั้งกลางวันและกลางคืน, แม่น้ำแซน (Seine River) จะเดินเล่นริมน้ำหรือล่องเรือชมก็โรแมนติกสุดๆ, พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) พระราชวังที่งดงามอลังการทั้งยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน, พระราชวังชองบอร์ (Chateau de Chambord) ปราสาทสุดโรแมนติกที่เป็นต้นแบบของการ์ตูนดิสนีย์เรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร แต่ถ้าใครชอบบรรยากาศทะเล ขอแนะนำให้แวะไปที่ เมืองนีซ (Nice) เมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวยุโรป
3. ประเทศอิตาลี
ถ้าคุณชอบเที่ยวทะเล ภูเขา ทะเลสาบ ชมประวัติศาสตร์ พินิจงานศิลปะ และหลงใหลแฟชั่น ทั้งหมดนี้คุณสามารถค้นพบได้จากประเทศในยุโรป ที่ชื่อว่า อิตาลี ประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายมากประเทศในทวีปยุโรป สถานที่ท่องเที่ยวที่เราแนะนำ เริ่มจาก โรม เมืองหลวงของอิตาลี ที่เป็นที่ตั้งของ โคลอสเซียม (Colosseum) และ มหาวิหารแพนธีออน (Pantheon), ชมหอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) ที่เมืองปิซ่า, ล่องเรือกอนโดลา ที่เวนิส, ชมมหาวิหารฟลอเรนซ์ (Cathedral of Santa Maria del Flore) และ หอศิลป์อุฟฟีซี (The Uffizi Gallery) ที่รวมผลงานของศิลปินระดับโลกมากมายที่เมืองฟลอเรนซ์, แวะช้อปปิ้ง ชมความงามของศิลปะ ประวัติศาสตร์และแฟชั่นที่เมืองมิลาน, ตามรอยโรมิโอและจูเลียต ที่เมืองเวโรน่า และดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติที่ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como)
4. ประเทศกรีซ
ถ้าอยากสัมผัสอารยธรรมเก่าแก่และตำนานแห่งเทพเจ้าของแท้ให้เดินทางไปที่ประเทศในยุโรป อย่างกรีซ เพราะนอกจากจะมีร่องรอยอารยธรรมโบราณอยู่ทั่วทุกแห่ง อาทิ วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) และป้อมปราการอะโครโปลิส (The Acropolis) รอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว กรีซยังมีท้องทะเลสีครามที่งดงามโดดเด่นให้คุณได้เที่ยวชมอย่างซานโตรินี (Santorini) เกาะสวรรค์ที่อยู่ทางตอนใต้ของทะเลอีเจียน, เมืองนาฟปลิโอ (Nafplio) เมืองสวยริมทะเล อดีตเมืองหลวงเก่าที่ยังคงสวยงามด้วยสไตล์นีโอคลาสสิก หรือเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงอย่าง มิโคนอส (Mykonos)
5. ประเทศออสเตรีย
ออสเตรีย ประเทศในยุโรปที่ขึ้นชื่นในเรื่องของเมืองมรดกโลกและธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งมีหลายเมืองในออสเตรียได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของออสเตรียจึงมีมากมาย เริ่มตั้งแต่กรุงเวียนนาเมืองหลวงของประเทศ ที่เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephen’s Cathedral) และ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Place) นอกจากนั้น ออสเตรียยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โด่งดังไม่แพ้กันอย่าง ทะเลสาบฮัลชตัท (Hallstätter See) ที่มีหมู่บ้านเล็กๆ โอบล้อมด้วยขุนเขาราวกับเมืองในเทพนิยาย หรือเมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ที่ตั้งของสวนมิราเบล (Mirabell Garden) และป้อมปราการเมืองซาลซ์บูร์ก (Festung Hohensalzburg) ที่ถูกสร้างไว้บนยอดเขา
6. ประเทศเยอรมนี
ประเทศในยุโรปที่มีบรรยากาศดั่งเมืองเทพนิยาย คงต้องยกให้เยอรมนีที่เต็มไปด้วยปราสาท อาคารและบ้านเรือนสวยๆ ราวกับอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน อย่างเช่น ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) ปราสาทที่ตั้งอยู่บนผาสูงและเป็นต้นแบบของการ์ตูนดิสนีย์เรื่องเจ้าหญิงนิทรา, ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle) ปราสาทเก่าแก่อายุกว่า 700 ปี, อาสนวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) , พระราชวังซวิงเงอร์ (Zwinger Palace) ที่ภายในมีทั้งพิพิธภัณฑ์และแกลลอรีที่จัดแสดงงานศิลปะล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย
7. ประเทศสเปน
สเปน ถิ่นกระทิงดุ ประเทศในยุโรปที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายและน่าสนใจมากมาย อาทิ มหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย (Sagrada Familia) ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์แปลกตาไม่เหมือนใคร, มหาวิหารวาเลนเซีย (Valencia Cathedral) หรือ มหาวิหารเซนต์แมรี ที่รวมเอาศิลปะหลากหลายสไตล์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวจนเกิดเป็นความงดงามที่ไม่เหมือนใคร, มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) 1 ในวิหารสไตล์โกธิกที่มีชื่อเสียงด้านความงดงามมากที่สุด แต่สำหรับคอฟุตบอลต้องไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชมสนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว (EStadio Santiago Bernabeu) ของสโมสรฟุตบอลชื่อดัง เรอัลมาดริด (Real Madrid) สักครั้งในชีวิต
8. ประเทศเนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์ ประเทศในยุโรปที่ไฮไลต์โดดเด่น คือ ภาพทุ่งดอกทิวลิปสุดลูกหูลูกตา แต่เนเธอร์แลนด์นั้นไม่ได้มีดีแค่ทุกดอกทิวลิปที่ สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) เท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และงานดีไซน์น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ซึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ บ้านแอนน์ แฟรงก์, พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum), บ้านคิวบิกเฮ้าส์ (Cube Houses) และ โบสถ์โกรตเคร์ก (De Grote of St. Bavokerk te Haarlem) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ มหาวิหารเซนต์บาโว (The Church of Saint Bavo) ที่นอกจากจะงดงามแล้วยังเป็นที่ตั้งของออร์แกนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
9. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สวรรค์บนดินมีอยู่จริงที่สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศในยุโรปที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายเหมาะแก่นักเดินทางที่ชอบความสโลว์ไลฟ์ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาด ได้แก่ ยอดเขายุงเฟรา (Jungfraujoh) ที่เป็นที่ตั้งของหอดูดาวสฟิงซ์ซึ่งเป็นหอดูดาวที่สูงที่สุดในโลก, ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่สวยงามจนถูกใช้เป็นโลโก้ของบริษัทผลิตภาพยนตร์ Paramount Pictures, น้ำตกไรน์ (Rhine Falls) น้ำตกกลางแม่น้ำที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีฉากหลังเป็นบ้านเรือนโบราณ และสวิตเซอร์แลนด์ยังมีเมืองและหมู่บ้านโบราณที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้อยู่เคียงคู่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์และงดงามได้อย่างลงตัว
10. ประเทศนอร์เวย์
ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน นอร์เวย์ ประเทศที่โดดเด่นด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ประเทศในยุโรปประเทศอื่น โดยจุดชุมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ดีที่สุดในโลกคือ นอร์ทเคป (North Cape) ตั้งอยู่บนเกาะมาเกโรยา (Mageroya)ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอลังการไม่แพ้กันอย่าง ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord) หุบเขาสูงชันที่มีแม่น้ำสีครามไหลผ่าน และมีน้ำตกขนาดไหนที่ไหลจากยอดเขาลงสู่แม่น้ำ แต่ถ้าใครอยากตามล่าแสงเหนือ แนะนำให้ไปที่เมืองทรอมโซ (Tromso) เมืองที่สามารถชมแสงเหนือได้ดีที่สุด และยังมีมหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral) ที่สวยงามโดดเด่นด้วยดีไซน์แปลกตากว่าวิหารของประเทศในทวีปยุโรปประเทศอื่น
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติแล้ว ประเทศในยุโรปหลายๆ ประเทศยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปะและวัฒนธรรมยุคใหม่ จึงทำให้ประเทศในทวีปยุโรปต่างมีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันคือความโรแมนติกที่อบอวลอยู่ในบรรยากาศของทุกประเทศในยุโรปที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็ประทับใจและอยากกลับไปเยือนกันอีกเมื่อมีโอกาส