อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu) พระพุทธรูปหล่อจากทองสัมฤทธิ์ปางยืนสูงตระหง่านกว่า 120 เมตร น้ำหนักกว่า 4,000 ตัน ที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่มีความสูงมากที่สุดในโลกเมื่อปีค.ศ. 1995 ตั้งอยู่ที่เมืองอุชิคุ จังหวัดอิบารากิ ไม่ใกล้ไม่ไหลจากโตเกียวมากนัก สามารถเดินทางได้สะดวกสบายและสามารถเที่ยวได้แบบไปเช้าเย็นกลับ นับว่าเป็นแลนมาร์คสำคัญเมื่อได้มาเยือนจังหวัดอิบารากิ ทั้งได้เป็นการมาไหว้สักการะขอพรกับองค์พระแล้ว ยังสามารถเดินชมนิทรรศการทางศาสนา รวมถึงดื่มด่ำกับธรรมชาติของสวนดอกไม้รอบ ๆ บริเวณนี้ได้อีกด้วย
ประวัติความเป็นมาของอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)
ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)
วิธีการเดินทางและค่าเข้าชมอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)
ประวัติความเป็นมาของอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)
พระพุทธรูปอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu) เป็นพระพุทธรูปปางยืนที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1993 เพื่อระลึกถึงนักบวช Shinran หรือผู้ก่อตั้งนิกาย Jodo Shinshu หนึ่งในนิกายศาสนาพุทธของญี่ปุ่น ผู้ซึ่งต้องการเผยแพร่ศาสนาในแถบจังหวัดอิบารากิ สังเกตได้จากเรื่องราวของศาสนาที่แฝงตัวไว้ในทุก ๆ มุมของจังหวัด และหนึ่งในจุดสำคัญที่สุดในการเผยแพร่ศาสนาครั้งนี้ก็คือพระพุทธรูปอุชิคุ ไดบุสสึนั่นเองค่ะ ซึ่งเดิมทีพื้นที่แห่งนี้เป็นสุสานของผู้ล่วงลับ แต่ทางญี่ปุ่นก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะให้ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมพักผ่อนหย่อนกายกัน
ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)
World of Light
ห้องจัดแสดงภายในองค์พระ Ushiku Daibutsu ชั้นแรกเมื่อเดินผ่านเข้าหลังองค์พระแล้ว เราจะพบกับความมืดมิดที่สื่อถึงความปราถนาทางโลก ก่อนจะมองเห็นแสงสว่างทองอร่ามจากพระพุทธรูปกลางห้องพุ่งวาบเข้ามา และเมื่อเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จะมีความสลัวของแสงสีฟ้า แดง และเขียว พร้อมกับจะได้กลิ่นหอมของธูปลอยอบอวลและเสียงดนตรีบรรเลงเบา ๆ ช่วยทำให้จิตใจสงบลงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
World of Chionhotoku
ในส่วนของชั้น 2 นี้จะเป็นการจัดแสดงของพระสูตร หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมการคัดลอกพระสูตรได้โดยมีค่าใช้จ่าย 200 เยนค่ะ โดยตามความเชื่อนั้น ว่ากันว่าหากเราได้คัดลอกพระสูตรจะนับเป็นการสั่งสมบุญในปัจจุบันและชีวิตจะพบแต่สิ่งดี ๆ ทั้งนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะเขียนภาษาญี่ปุ่น หรือตัวคันจิไม่ได้นะคะ เพราะทางนิทรรศการเขามีการเตรียมกระดาษลอกลายไว้ให้เรียบร้อยค่ะ หากไปถึงแล้วพอมีเวลาก็ลองไปคัดพระสูตรกันนะคะ
World of Lotus Sanctuary
ชั้น 3 ภายในองค์พระพุทธรูปปางยืน คุณจะได้พบกับ World of Lotus Sanctuary ห้องที่แสดงถึงดินแดนของพระอมิตาภะ ภายในอัดแน่นไปด้วย Tainaibutsu หรือพระพุทธรูปองค์เล็กสีทองอร่ามนับ 3,400 รูปเรียงรายเต็มผนังทำหน้าที่เป็นที่จัดเก็บอัฐิของผู้ที่ล่วงลับ
Room of Mount Gridhra-kuta
สำหรับชั้นที่ 4 และ 5 ภายในตัวองค์พระพุทธรูปปางยืน นั้นจะเป็นจุดชมวิวซึ่งตั้งอยู่ระดับประมาณพระอุระ หรืออกขององค์พระ โดยจะเป็นจุดชมวิวมองผ่านหน้าบานเล็กออกไป ด้วยความสูง 85 เมตร คุณจะเพลิดเพลินไปกับวิวจังหวัดอิบารากิแบบ 360 องศา และยิ่งวันไหนถ้าอากาศแจ่มใสท้องฟ้าเป็นใจ เผลอ ๆ เราอาจจะมองเห็นเมืองโตเกียวในระยะไกล ๆ ได้อีกด้วย
Jodo Garden
สวนดอกไม้ขนาดย่อมใต้พระบาทขององค์พระพุทธรูปปางยืนที่มีการตกแต่งยึดตามดินแดนสุขาวดี เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งให้คุณได้ถ่ายรูปเก็บไว้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันในแต่ละฤดูก็จะมีการปลูกดอกไม้ต้นไม้ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ฤดูใบไม้ผลิเป็นดอกซากุระ ดอกไฮเดรนเยียในฤดูร้อน ดอกคอสมอสในฤดูใบไม้ร่วง
Ushiku Buddha - Petting Zoo
หากทริปนี้มีเด็กๆ ไปด้วยแล้วกลัวจะเบื่อ ก็สามารถพาไปเที่ยวที่ Petting Zoo หรือสวนสัตว์ด้านหลังองค์พระพุทธรูปปางยืนได้ ซึ่งเป็นสวนสัตว์ขนาดเล็กและเต็มไปด้วยสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น กระรอก กระต่าย รวมถึงมีโชว์การแสดงของลิงให้หนูน้อยทั้งหลายและคุณพ่อคุณแม่สนุกสนานได้ใช้เวลาร่วมกัน
วิธีการเดินทางและค่าเข้าชมอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu)
สำหรับการเดินทางมายังอุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu) สามารถเดินทางได้โดยรถไฟสาย JR Joban แล้วลงที่สถานี Ushiku แล้วจึงเดินต่อไปยังอุชิคุ ไดบุสสึเพียง 5 นาทีเท่านั้น หรือถ้าขึ้นรถบัสก็สามารถไปขึ้นรถบัสที่ Ushikuekihigashiguchi เลือกสาย Ushiku Daibutsu / Ushiku Jyoen แล้วลงที่ป้าย Ushikudaibutsu โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 20-30 นาที
ในส่วนของค่าเข้าชมนั้น สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปผู้ใหญ่ราคา 800 เยน และเด็ก 400 เยนค่ะ โดยราคานี้จะสามารถเข้าชมได้ทั้งบริเวณและเข้าชมนิทรรศการภายในองค์พระได้เลย แต่ถ้าต้องการชมเฉพาะบริเวณรอบ ๆ ราคาตั๋วเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 500 เยน และเด็ก 300 เยนค่ะ
เรียกได้ว่ามาที่อุชิคุ ไดบุสสึ (Ushiku Daibutsu) ที่เดียว จะได้สัมผัสทั้งความขลังขององค์พระขนาดใหญ่ยักษ์ ซึมซับบรรยกาศเงียบสงบของนิทรรศการภายใน เพลินตากับสวนดอกไม้นานาชนิด และได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ณ สวนสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี โดยช่วงเดือนมีนาคม-กันยายน วันธรรมดาเปิดทำการตั้งแต่เวลา 9.30-17.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์วันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดทำการ 9.30-17.30 น. และในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.30-16.30 ค่ะ