หากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าเป็นอีกที่ในฝันของนักท่องเที่ยวที่อยากไปสัมผัสกันสักครั้ง เพราะมีความหลากหลายทั้งทางด้านนวัตกรรม วัฒนธรรม รวมถึงความงดงามของธรรมชาติอาทิ ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji : Mt. Fuji) ความสวยงามของดอกไม้อย่างดอกซากุระ รวมถึง ดอกไม้ฟูจิ หรือ ดอกวิสทีเรีย (Wisteria) ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคน ไปทำความรู้จักดอกไม้ฟูจิ กันให้มากขึ้น พร้อมแนะนำสถานที่เข้าชมดอกไม้นี้ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นกันค่ะ พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
สำหรับดอกไม้ฟูจิ หรือ ดอกวิสทีเรีย (Wisteria) จัดอยู่ในพืชตระกูลถั่วที่สามารถยึดเกาะและเลื้อยไปได้ทุกที่ สามารถจัดพุ่มให้สวยงามตามต้องการ มีดอกเป็นสีม่วงและกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีความทนทานเติบโตได้แม้ในดินที่ค่อนข้างมีสารอาหารน้อย สูงได้ถึง 20 เมตร เถาสามารถแผ่ขยายไปด้านข้างได้ 10 เมตร เติบโตได้เร็ว สามารถขึ้นได้ในทุกพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น มีพวงระย้าสวยงาม ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ
ช่วงเวลาในการชมดอกวิสทีเรีย บานสะพรั่งสวยงามนั้นจะอยู่ระหว่างกลางเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี หรือพูดได้ว่าดอกไม้ฟูจินั้นบานต่อจากที่ดอกซากุระเริ่มร่วงโรยตามฤดูกาล เป็นการสานต่อความงดงามที่ไม่ควรพลาดชม โดยมีหลายที่ที่เราสามารถไปชมความงามนี้ได้ ส่วนจะมีที่ไหนบ้างนั้นตามเรามาเลย
มาเริ่มกันเลยกับที่แรกนั่นก็คือสวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) ที่ต้องบอกว่าใครไปญี่ปุ่นในช่วงกลางเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมต้องมาที่นี่ เพราะคุณจะได้ชื่นชมความงามของดอกไม้ฟูจิ อย่างเต็มอิ่มเลยล่ะ จุดเด่นของสวนดอกไม้อาชิคางะที่แตกต่างจากที่อื่นก็คือมีต้นวิสทีเรียใหญ่ยักษ์อายุกว่า 150 ปี ที่ได้รับการดูแลรักษามาอย่างดี พร้อมด้วยอุโมงค์วิสทีเรียสีขาวและสีเหลืองความยาว 80 เมตร ให้ได้ถ่ายรูปเช็กอินกัน เป็นแหล่งรวบรวมสายพันธ์ดอกไม้ฟูจินี้เอาไว้มากถึง 350 ต้น บนพื้นที่ราว 2,000 ตารางเมตร ซึ่งนอกจากดอกวิสทีเรียแล้วยังมีดอกไม้อื่นๆ เอาไว้ให้ชมกันด้วย สวยขนาดเป็นที่ท่องเที่ยวแนะนำโดย CNN เลยล่ะ
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
สวนดอกไม้อาชิคางะ ต้องเดินทางจากโตเกียวไปประมาณ 80 กิโลเมตร โดยอยู่ที่เมืองอาชิคางะ จังหวัดโทชิงิ เปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึง 14 พฤษภาคม 2023 (ควรตรวจสอบล่วงหน้า) เวลาเปิดทำการคือ 08.00 ถึง 20.30 น.
ในส่วนของค่าเข้าชมนั้นแบ่งออกเป็นเวลากลางวันและกลางคืนดังนี้ค่ะ
-เวลากลางวัน เด็ก 500-1,100 เยน, ผู้ใหญ่ 900-2,100 เยน
-เวลากลางวัน เด็ก 400-1,000 เยน, ผู้ใหญ่ 700-1,900 เยน
Location : 607 Hasamacho, Ashikaga, Tochigi 329-4216, Japan
อีกหนึ่งสถานที่สำหรับชื่นชมความสวยงามของดอกไม้ฟูจิ ได้ก็คือ เท็นโนงะวะปาร์ค (Tennogawa Park) ที่บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำเทนโนะ มีสระน้ำรูปวงรีมารุอิเกะ และได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 8 สถานที่ที่สวยที่สุดของทัศนียภาพริมแม่น้ำนี้ ในส่วนของการจัดสวนนั้นในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกวิสทีเรียกำลังเบ่งบาน จะเลื้อยอยู่บนระแนงไม้ที่มีความยาวถึง 275 เมตร ออกดอกสีม่วงห้อยระย้าลงมา 2 เมตร ราวกับน้ำตกดอกไม้ เหมาะกับการถ่ายภาพสวยๆ เก็บเอาไว้ในความทรงจำ ยิ่งกว่านั้นก็คือแม้ในยามร่วงโรยกลีบดอกของมันก็จะทำให้พื้นและแม่น้ำปกคลุมไปด้วยสีม่วงเหมือนกับดินแดนในเทพนิยายเลยดีเดียว
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
การเดินทางไปยังเท็นโนงะวะปาร์คนั้นก็สะดวกรวดเร็วมากค่ะ โดยสามารถขึ้นรถไฟจากสถานี Nagoya มาลงที่สถานี Tsushima และเดินต่ออีกเพียง 15 นาที ชมเมืองก่อนถึง เท็นโนงะวะปาร์ค ซึ่งที่นี่เขาเปิดให้เข้าชมฟรีแบบไม่มีวันหยุดประจำ ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย
Location : 1 Chome Rurikojicho, Tsushima, Aichi 496-0856, Japan
สำหรับสายบุญที่นี่เหมาะมากเพราะเมื่อมาเยือนย่านศาลเจ้าคะเมอิโดะเท็นจิน (Kameido Tenjin Shrine) นอกจากจะได้ศักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วยังได้ชื่นชมความงามของดอกไม้สวยๆ อย่างดอกไม้ฟูจิ อีกด้วย จุดเด่นของการชมดอกไม้ที่นี่ก็คือมีการจัดทรงพุ่มด้วยไม้ระแนงเหนือสระน้ำ ทำให้เกิดเป็นเงาสะท้อนบนพื้นน้ำดูสงบ สวยงาม เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจและเก็บภาพที่ระลึก ที่สำคัญคืออยู่ในเมืองโตเกียว ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง โดยที่นี่ยังมีการบันทึกเอาไว้ด้วยว่าบุคคลสำคัญมากมาย อาทิ โชกุนโทคุงาวะลำดับที่ 5 และ ลำดับที่ 8 เคยมาเยือนอีกด้วย
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
การชมดอกไม้นี้ในย่านศาลเจ้าคะเมอิโดะเท็นจิน ก็เช่นเดียวกันกับที่อื่นคือในช่วงระหว่างกลางเดือนเมษายน ถึง ต้นเดือนพฤษภาคม ของทุกปี หลังจากที่หมดฤดูของดอกซากุระ โดยเดินทางจาก Kameido Station (Sobu Line) ออก North Exit แล้วเดินต่ออีกราว 15 นาที ก็ถึงที่หมาย และยังเปิดให้เข้าชมกันแบบฟรีๆ อีกด้วยค่ะ
Location : 3 Chome-6-1 Kameido, Koto City, Tokyo 136-0071, Japan
สำหรับ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden) เมืองคิตะคิวชู จังหวัดฟุกุโอกะ ก็เป็นอีกแห่งที่คุณสามารถชมเทศกาลดอกวิสทีเรียบานได้ โดยมีการจัดแสดงในรูปแบบอุโมงค์ดอกไม้ ความยาว 80 เมตร และ 220 เมตร โดยมีการรวบรวมเอาสายพันธ์ของดอกไม้นี้เอาไว้ถึง 220 สายพันธุ์ จำนวน 150 ต้น ในสีสันที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงยังเป็นสถานที่ปลูกต้นวิสทีเรียอายุกว่า 100 ปีอีกด้วย ใครไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนเมษายน ถึง ต้นเดือนพฤษภาคม ต้องไม่พลาด ที่จะไปชื่นชมความงามและกลิ่นหอมของดอกไม้นี้ และนอกจากเทศกาลดอกไม้ฟูจิแล้ว สวนคาวาจิ ฟูจิ การ์เดน ยังมีเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี ให้ได้ชมกันในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นเดือนธันวาคมอีกด้วยล่ะ
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
ในส่วนของการเดินทางไปยังคาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น สามารถเริ่มต้นจากสถานี JR Hakata (Fukuoka) ด้วยรถไฟสาย Kagoshima Main Line ไปลงที่ JR Yahata แล้วต่อรถบัส Nishitetsu สาย 56 ไปลงยังสถานี Kawachi Elementary School แล้วเดินชมวิวต่ออีกไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 ถึง 18.00 น. โดยเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมฟรี ส่วนผู้ใหญ่เสียค่าเข้าชมคนละ 1,500 เยน
Location : 2 Chome-2-48 Kawachi, Yahatahigashi Ward, Kitakyushu, Fukuoka 805-0045, Japan
เมื่อพูดถึงวัดเบียคุโกจิ (Byakugou-ji Temple) แล้ว ก็ต้องบอกเลยว่านอกจากการเป็นวัดเก่าแก่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีอายุมากกว่า 1,300 ปีแล้ว ดอกไม้ฟูจิของวัดนี้ก็ยังแตกต่างจากที่อื่นออีกด้วย เพราะเป็นดอกวิสทีเรียในสายพันธุ์คิวชะกุ (Kyushaku) ที่หาดูได้ยาก เมื่อสีม่วงของดอกไม้ตัดกับสีเขียวของทิวเขาให้ความรู้สึกราวกับภาพวาดในเทพนิยาย คุ้มค่ากับเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และไม่เพียงความงดงามดังกล่าวข้างต้นเท่านั้น ยังมีการจัดแสงในยามค่ำคืนเพื่อเพิ่มความงดงามให้กับสวนดอกไม้ด้วยล่ะ
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
การเดินทางมายังวัดเบียคุโกจิ เริ่มต้นด้วยการขึ้นรถไฟ JR Fukuchiyama Line ที่สถานี้ Osaka ไปยังสถานี Ichijima โดยใช้เวลาในการเดินทางราว 2 ชม. และต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 6:00 ถึง 18:00 น. มีการแสดงไฟถึง 21.00 น. ซึ่งในเทศการดอกไม้จะเก็บค่าเข้าชมคนละ 300 เยน สำหรับนักเรียนระดับชั้นต่ำกว่ามัธยมปลายสามารถเข้าชมได้ฟรีค่ะ
Location : 709 Ichijimacho Byakugoji, Tamba, Hyogo 669-4334, Japan
ต่อกันด้วยวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) วัดเก่าแก่ของเมืองยูจิ ทางใต้ของเมืองหลวงเก่าเกียวโต โดยวัดนี้ประกอบไปด้วยสวนแบบญี่ปุ่นอันงดงาม ล้อมรอบด้วยสระน้ำ สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามพอรวมกับความสวยงามของดอกไม้ที่รายล้อมจึงเป็นที่ที่ไม่ควรพลาดไปเช็กอิน ในส่วนของเทศกาลดอกไม้ฟูจินั้น จะมีการปลูกเอาไว้ด้วยแผงไม้ระแนงติดกับอาคารหลักของวัด เวลาที่ผลิบานเต็มที่จะห้อยระย้าสวยงามและมีกลิ่นหอมไปทั้งบริเวณ
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
การเดินทางสู่วัดเบียวโดอินนั้นให้ลงที่สถานี Keihan Uji หรือว่า JR Uji ก็ได้ค่ะ โดยจะต้องเดินต่ออีกราว 15 นาที สำหรับผู้ที่ต้องการชมดอกไม้ฟูจิ ต้องเดินทางไปในช่วงปลายเดือนเมษายน จนถึง ต้นเดือนพฤษภาคม โดยเปิดให้เข้าตั้งแต่ 08.30 ถึง 17.30 น. สำหรับค่าเข้าชมนักเรียนประถมอยู่ที่ 300 เยน, นักเรียนมัธยม 400 เยน และผู้ใหญ่คนละ 600 เยนค่ะ
Location : Renge-116 Uji, Kyoto 611-0021, Japan
งานนี้ก็ห้ามพลาดค่ะนั่นก็คือ เทศกาลดอกวิสทีเรีย Nakayama O-fuji Festival) ที่จังหวัดฟุกุโอกะ โดยงานนี้จัดขึ้นในบริเวณสวน Shimizuyama Botan’en และ ศาลเจ้า Nakayama Kumano ที่นี้คุณจะได้ชื่นชมดอกไม้ฟูจิที่ผ่านการดูแลรักษาและบำรุงให้สวยงามโดยผู้คนในชุมชนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยภายในงานยังมีการจัดสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงมีการเปิดไฟในช่วงค่ำอีกด้วย
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
เทศกาลดอกวิสทีเรีย Nakayama O-fuji Festival เปิดให้เข้าชมฟรี และยังมีรถรับส่งนักท่องเที่ยวด้วย โดยเราต้องขึ้นรถไฟที่สถานี Nishitetsu Fukuoka (Tenjin) เพื่อไปลงจุดรอรับคือสถานี Nishitetsu Yanagawa ใช้เวลานั่งรถไฟราว 50 นาทีค่ะ
Location : Mitsuhashimachi Nakayama, Yanagawa, Fukuoka 832-0811, Japan
และทั้งหมดนี้ก็คือ 7 สถานที่ชมดอกไม้ฟูจิ ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ที่เราได้รวบรวมมาฝาก เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับคนที่ชื่นชอบความงามของต้นไม้และดอกไม้ที่หาดูไม่ได้ในบ้านเรา ทั้งนี้ก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งเพื่อป้องกันความผิดพลาดจะได้เดินทางไปแล้วไม่เสียเที่ยวนะคะ
