แม้ชื่อวานูอาตูจะเป็นชื่อที่แปลก แต่หากได้ไปทัวร์วานูอาตู คุณจะต้องหลงรักอย่างแน่นอน เนื่องจากแท้จริงแล้ววานูอาตูเป็นเกาะที่สวยงามใกล้ออสเตรเลีย เกาะนี้เป็นเกาะแห่งกิจกรรมแสนสนุก ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดบันจี้จัมพ์ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากที่นี่ หรือจะเป็นการดำน้ำชมทิวทัศน์ใต้ท้องทะเลที่งดงาม บอกได้เลยว่าหากคุณกำลังมองหาสถานที่ในฝัน การจัดทริปวานูอาตูจะสร้างวันหยุดพักผ่อนที่ดีในมหาสมุทรแปซิฟิกให้กับคุณได้อย่างแน่นอน
ข้อมูลเที่ยวทัวร์วานูอาตู
ก่อนจะมาทัวร์วานูอาตู มาเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานกันก่อน เนื่องจากหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับประเทศสวยๆ แห่งนี้ การจะไปทัวร์วานูอาตูนั้นเราต้องนั่งเครื่องบินไปลงออสเตรเลีย และต่อเครื่องเพื่อไปยังวานูอาตูอีกที เนื่องจากประเทศนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ปัจจุบันวานูอาตูประกอบด้วยเกาะหลัก 13 เกาะ อยู่ห่างจากฟิจิไปทางตะวันตกประมาณ 800 กิโลเมตร และทางตะวันออกจะอยู่ห่างจากออสเตรเลีย 1,770 กิโลเมตร หมู่เกาะนี้ทอดตัวไปทางเหนือและใต้เป็นระยะทางประมาณ 650 กิโลเมตร ด้วยความที่อยู่ในซีกโลกใต้ การจะเดินทางไปวานูอาตูอาจจะต้องวางแผนล่วงหน้าเนิ่นๆ เสียก่อน เพราะแค่เวลาเดินทางก็น่าจะเกิน 20 ชั่วโมงแล้ว
ทัวร์วานูอาตูตามเมืองยอดนิยม
พอร์ตวิลา (Port Vila)
หากต้องการไปทัวร์วานูอาตู การลงเครื่องที่พอร์ตวิลา หรือเรียกง่ายๆ ว่าวีลาถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการเดินทางครั้งนี้ พอร์ตวิลาเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของวานูอาตู ตั้งอยู่บนเกาะเอฟาเต แต่ไฮไลต์สำคัญในการมาทัวร์วานูอาตูและการแวะเมืองนี้ก็คือ การเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการไปเยือนอนุสรณ์สถานที่โด่งดัง โบสถ์เพรสไบทีเรียน ศาลาว่าการ ไปจนถึงการเยี่ยมชมท่าเรือที่แสนจะงดงาม
ลูแกนวิลล์ (Luganville)
เมืองลูแกนวิลล์แห่งนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของวานูอาตู ดังนั้นจึงถือเป็นจุดหมายในการทัวร์วานูอาตูยอดนิยมไม่แพ้เมืองหลวงเลยทีเดียว ที่นี่มีอะไรให้สำรวจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าท่ามกลางความงามอันน่าทึ่งของ Millennium Cave หรือการดำน้ำเพื่อไปชมเรือ SS President Coolidge ที่อับปาง
ซันมะ (Sanma)
มีนักท่องเที่ยวมากมายที่มาทัวร์วานูอาตูเพื่อชมความสวยงามยังเกาะ Aore Island โดยเฉพาะ แต่จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการเที่ยววานูอาตูที่งดงามนั้นคือ เมืองสำคัญอย่างเมืองซันมะ เนื่องจากเมืองนี้เป็นที่ตั้งของเกาะแก่งที่งดงามหลายแห่ง เช่น เกาะเอสปีรีตู เกาะซันโต และเกาะมาโล นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กๆ ที่อยู่รอบๆ นอกชายฝั่ง เช่น เกาะอาโอเรที่งดงงาม เกาะตูตูบา เกาะเต่า โบกิสซา และเกาะราตัว
ทาเฟอา (Tafea)
นักเดินทางที่ตั้งใจจะมาทัวร์วานูอาตูเพื่อชมภูเขาไฟอันงดงามต้องมายังทาเฟอา ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้สุดและเป็นศูนย์กลางของการเดินทาง โดยหลักๆ แล้วเมืองนี้จะมีเกาะขนาดใหญ่ 3 เกาะได้แก่ เกาะเมลานีเซียน เกาะอะนิวะและเกาะฟุตูนา หรือที่เรียกรวมกันว่าเกาะเออร์โรนัน บางครั้งเรียกว่า West Futuna แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เกาะแทนนาจะมีภูเขาไฟที่สามารถเข้าถึงได้มากที่สุดในโลก ซึ่งกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับผู้มาเที่ยววานูอาตู
ทอร์บา (Torba)
สำหรับนักเดินทางที่มาทัวร์วานูอาตูเพื่อค้นหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ในสถานที่ที่น้อยคนนักจะได้มาเยือน เมือง TORBA น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทริปนี้ ทอร์บาตั้งอยู่ทางเหนือสุดของวานูอาตู ประกอบด้วยหมู่เกาะ Banks และหมู่เกาะ Torres แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การเที่ยววานูอาตูของคุณจะไม่เหมือนใครอย่างแน่นอนหากได้มาเยือนเมืองนี้ เพราะทอร์บาถือเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหม่ในแวดวงการท่องเที่ยว เรียกได้ว่าเป็นเมืองลับๆ ที่ดีที่สุดของวานูอาตูก็ว่าได้ โดยที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส อาหารทะเลสดระดับโลก วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และป่าฝนที่สดชื่น มั่นใจได้ว่าการมาเยือนเกาะทางตอนเหนือจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์วานูอาตู ยอดนิยม
ภูเขายาเซอร์ (Mount Yasur)
แลนด์มาร์กหลักที่เติมสีสันให้กับการทัวร์วานูอาตูของคุณให้สนุกยิ่งขึ้นคือสถานที่แห่งนี้ ภูเขายาเซอร์เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ปะทุมากที่สุดในโลก และอยู่ห่างจากเมืองหลวงพอร์ตวิลาเพียง 45 นาทีโดยเครื่องบิน ตำนานเล่าว่าการเรืองแสงของภูเขาไฟลูกนี้ดึงดูดความสนใจของกัปตันเจมส์ คุก ซึ่งทำให้เขาเริ่มการเดินทางครั้งแรกใน 1774 สำหรับการเที่ยววานูอาตูที่จะช่วยสร้างความตื่นเต้นได้ก็คือ การขับรถไปใกล้กับยอดเขายาซูร์และเดินขึ้นไปบนที่ราบที่ปกคลุมด้วยเถ้าถ่าน ประสบการณ์การขึ้นสู่ยอดเขานั้นต้องทำให้คุณประทับใจมิรู้ลืม เพราะคุณจะได้ยินเสียงดังกึกก้องและเสียงฟู่ของก๊าซและการพ่นลาวาสีแดงสดที่น่าตื่นเต้นอย่างใกล้ชิด
มาเตวูลู บลู โฮล (Matevulu Blue Hole)
การผจญภัยผ่านการทัวร์วานูอาตูที่ Blue Hole จะทำให้คุณอยากกลับมาเที่ยววานูอาตูอีกครั้งอย่างแน่นอน Blue Hole หรือหลุมสีน้ำเงินเป็นหลุมที่ว่ายน้ำได้ที่ใหญ่ที่สุดใน Santo สามารถเข้าถึงได้ด้วยการพายเรือคายักหรือนั่งรถ 4WD เมื่อได้เห็นด้วยตาเปล่า คุณจะแทบไม่เชื่อเลยว่าที่แห่งนี้มีอยู่จริง เพราะน้ำสีฟ้าที่น่าทึ่งจากแร่ธาตุและหินปูนนั้นน่าทึ่งมากๆ แหล่งน้ำหลายแห่งเป็นผลผลิตจากน้ำพุน้ำจืดที่ไหลออกมาจากส่วนล่างของภูเขา ขณะที่บางแห่งก็เกิดจากการไหลมาตามกระแสน้ำ
ภูเขา Benbow และภูเขา Marum (Mt. Benbow and Mt. Marum)
เร่งสปีดความตื่นเต้นให้กับการเดินทางด้วยการทัวร์วานูอาตูผ่านปล่องภูเขาไฟที่น่าระทึก ภูเขาไฟแห่งนี้เป็นภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ ซึ่งเราสามารถเฝ้าดูหินหนืดสีแดงที่หลอมละลาย พร้อมฟองความร้อนที่เดือดอยู่เบื้องล่างได้ แต่สำหรับทริปเที่ยววานูอาตูแสนสนุกนี้ ผู้เดินทางจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงเพราะการเดินทางจะต้องปีนเขาบนพื้นที่สูงชัน
หาดแชมเปญ (Champagne Beach)
หากเหน็ดเหนื่อยจากการตะลุยทัวร์วานูอาตูแบบผจญภัย แนะนำให้ลองปรับโหมดการเดินทาง โดยเปลี่ยนมาเที่ยววานูอาตูในแบบที่ชิลล์ๆ ดูบ้าง โดยหาดแชมเปญแห่งนี้เป็นหาดรูปเกือกม้าที่สวยงาม แถมยังมีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสีฟ้าครามให้เราได้หลงใหลอีกด้วย
ถ้ำมิลเลนเนี่ยม (Millenium Cave)
หากฟิตร่างกายมาอย่างดี อย่าลืมแวะมาทัวร์วานูอาตูแบบเดินป่ากันดูบ้าง เพราะหากต้องการเข้าไปชมถ้ำมิลเลนเนี่ยม เราจะต้องเดินป่า ข้ามปากแม่น้ำ พร้อมข้ามสะพานไม้ไผ่และผ่านน้ำตกขนาดเล็กไปยังถ้ำขนาดใหญ่ นอกจากจะได้เห็นถ้ำที่สวยงามแล้ว ทริปเที่ยววานูอาตูที่ถ้ำมิลเลนเนี่ยมยังถือเป็นการสำรวจป่าฝนที่สวยงามอีกด้วย
สภาพอากาศและฤดูกาลที่วานูอาตู
ก่อนจะไปทัวร์วานูอาตู ลองมาดูกันก่อนว่าอากาศในช่วงไหนจะดีและเหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยววานูอาตูมากที่สุด โดยทั่วไปวานูอาตูจะมี 2 ฤดูกาลหลัก โดยมีช่วงอากาศแห้งที่ค่อนข้างเย็นซึ่งสัมพันธ์กับฤดูหนาวในออสเตรเลีย และอีกช่วงหนึ่งจะเป็นช่วงที่มีฝนตกและมีอากาศค่อนข้างอุ่น ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูร้อน โดยภาพรวมแล้วสภาพอากาศจะเหมาะกับการท่องเที่ยววานูอาตูได้แบบชิลล์ๆ ตลอดทั้งปี อุณหภูมิระหว่างวันอยู่ระหว่าง 20-33 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โดยปกติแล้วเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดและเดือนสิงหาคมจะเป็นเดือนที่เย็นที่สุด เดือนที่เหมาะกับการเที่ยววานูอาตูอาจจะแนะนำเป็นเดือนสิงหาคม ในขณะที่เดือนมีนาคมจะมีฝนตกชุกที่สุด
- ฤดูร้อน (พฤศจิกายน - มีนาคม) ช่วงนี้จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส อากาศจะค่อนข้างร้อนชื้น ช่วงอากาศร้อนกับช่วงฝนตกจะเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกัน แต่ก็ยังถือว่าเที่ยววานูอาตูได้แบบสบาย นอกจากนี้ในฤดูนี้ยังมีความชื้นที่สูงขึ้น อุณหภูมิในบางช่วงอาจจะสูงถึงประมาณ 33 องศา ส่วนอุณหภูมิน้ำทะเลจะอยู่ที่ราวๆ 28 องศา
- ฤดูหนาว (เมษายน – กันยายน) สำหรับคนที่มาท่องเที่ยววานูอาตูในฤดูนี้จะเจอกับอากาศเย็นลงมานิดนึง โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของน้ำทะเลมักจะแตกต่างกันไปตั้งแต่ 22 ถึง 28 องศา
เที่ยวทัวร์วานูอาตู ใช้งบเท่าไหร่
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับสำหรับการทัวร์วานูอาตูจะอยู่ในเรตที่ค่อนไปทางสูงนิดนึง เนื่องจากการเที่ยววานูอาตูจะใช้เวลาการเดินทางค่อนข้างนานในแต่ละไฟลต์ โดยเฉลี่ยแล้วระยะเวลาในการเดินทางไปทัวร์วานูอาตูจะใช้เวลาราวๆ 20 – 27 ชั่วโมง สำหรับไฟลต์ธรรมดาค่าตั๋วเครื่องบินจะเริ่มต้นที่ 35,000+ บาท แต่หากเป็นไฟลต์ที่สั้นลงมาหน่อยคือ ใช้เวลาราว 20 ชั่วโมง ค่าตั๋วเครื่องบินอาจจะแตะที่ 50,000 บาทได้
- ค่ากิน หากเทียบค่าอาหารแล้ว ถือว่าไม่ได้แพงจากยุโรปเท่าไหร่ อาหารฟาสต์ฟูดเช่น แมคโดนัลด์ 1 ชุด ราคาจะอยู่ที่ราวๆ 287 บาท ส่วนอาหารในร้านธรรมดาทั่วไปจะตกที่มื้อละ 400 บาท
- ค่าที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยวสายประหยัดอาจจะลำบากหน่อย เนื่องจากการเที่ยววานูอาตูอาจจะไม่ค่อยมีห้องพักแบบโฮสเทล แต่อาจจะพอหา Airbnb ในราคาที่เริ่มต้นราวๆ 2,000 บาทได้ ส่วนโรงแรมระดับ 3 ดาวราคาจะเริ่มที่ 3,000 บาท สำหรับโรงแรมระดับ 4 - 5 ดาวราคามักจะเริ่มตั้งแต่ 5,000 บาทไปจนถึงหลักหมื่น
- ค่าเดินทางและค่าเข้าชมสถานที่ เนื่องจากระบบรถบัสของที่นี่ไม่มีเส้นทางที่แน่นอน ดังนั้นผู้ที่มาเที่ยววานูอาตูส่วนใหญ่จึงมักเลือกที่จะเช่ารถแทน ค่าเช่ารถต่อวันจะเริ่มต้นที่ 1,800 บาท สำหรับผู้ที่มาทัวร์วานูอาตูและเน้นใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ค่ารถต่อรอบจะอยู่ราวๆ 50 – 70 บาท ส่วนค่าเข้าสถานที่ทั่วไปมักจะไม่เสียเงินเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสถานที่เที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น ชายหาด น้ำตก
อาหารวานูอาตู ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
เนื้อซานโต (Santo)
หากสายทานเนื้อที่มาทัวร์วานูอาตูจะต้องลองเนื้อตำรับวานูอาตู เพราะเป็นเนื้อคุณภาพสูง เนื่องจากวัวในวานูอาตูจะถูกเลี้ยงบน Espiritu Santo ซึ่งเป็นที่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินจากธรรมชาติ จึงทำให้เนื้อวัวมีรสชาติเยี่ยม แนะนำให้ลองสั่งสเต๊กจานเด็ดสักจานแล้วคุณจะประทับใจอย่างแน่นอน
ฟลายอิ้งฟอกซ์ (Flying fox)
เมนูแปลกแหวกแนวสำหรับคนที่มาทัวร์วานูอาตูจะต้องลิ้มลองก็คือ “สุนัขจิ้งจอก” ซึ่งถือเป็นอาหารท้องถิ่น เพราะจะใช้เนื้อสุนัขจิ้งจอกที่หมักในไวน์แดงเป็นเวลา 12 ชั่วโมง แล้วปรุงต่ออีกสองครั้งจนเนื้อนุ่ม
ลาบ ลาบ (Lap lap)
มาทัวร์วานูอาตูทั้งที ก็ต้องลองชิมอาหารประจำชาติอย่างลาบ ลาบ ซึ่งประกอบด้วยมันเทศ กล้วยหรือมันเทศแช่ในหัวกะทิและปรุงในเตาดิน แถมหาชิมได้ตามตลาดอีกด้วย
ทูลัก (Tuluk)
แนะนำให้ลิ้มลองอาหารวานูอาตูสูตรดั้งเดิมสำหรับผู้ที่มาทัวร์วานูอาตูโดยเฉพาะ ทูลักทำมาจากเนื้อสับที่ห่อด้วยมันสำปะหลังและแป้ง จากนั้นจึงปรุงในเตาอบธรรมชาติซึ่งก็คือ ใต้ดินนานถึง 6 ชั่วโมง สามารถหาชิมได้ตามตลาดท้องถิ่น
คาวา (Kava)
มาเที่ยววานูอาตูในวันที่อากาศร้อน แนะนำให้ลองเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมเพื่อดับกระหายอย่างคาวา พืชชนิดนี้คนในท้องถิ่นดื่มมานานกว่า 3,000 ปีแล้ว เดิมบริโภคเพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์และวัฒนธรรม แต่ต่อมาเป็นที่ฮอตฮิตในหมู่นักท่องเที่ยว
แหล่งช้อปปิ้งในวานูอาตู ยอดนิยม
ตลาดพอร์ตวิลา (Port Vila Markets)
มาเที่ยววานูอาตูจะขาดการช้อปปิ้งที่มีชีวิตชีวาไปไม่ได้เป็นอันขาด ดังนั้นแนะนำให้ลองเดินสำรวจตลาดพอร์ตวิลา ซึ่งเป็นตลาดที่มีสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่ผักและผลไม้ในท้องถิ่น (มันเทศ มะพร้าว มะละกอ) ไปจนถึงของฝากสวยๆ จากงานหัตถกรรมและของที่ระลึก เช่น งานแกะสลัก เครื่องประดับ และเสื้อผ้า
ตลาดเฮบริด้า (Hebrida Markets)
นักเดินทางที่ชอบงานคราฟต์และสินค้าทำมือ ขอแนะนำตลาดเฮบริด้า ซึ่งอยู่เมืองพอร์ตวิลา ที่นี่เป็นแหล่งจับจ่ายเสื้อผ้าและเครื่องประดับทำมือที่ไม่เหมือนใคร
แพดานัส วานูอาตู (Pandanus Vanuatu)
หากมองหางานคราฟต์ที่จะช่วยสนับสนุนผู้คนท้องถิ่น นักเดินทางที่มาทัวร์วานูอาตู จะต้องแวะร้านนี้ให้ได้ เพราะที่นี่มีงานฝีมือคุณภาพให้เลือกมากมาย โดยจะเน้นที่ผลิตภัณฑ์ Made in Vanuatu โดยเฉพาะ เช่น เครื่องประดับ ผ้าเช็ดจานสุดเก๋ เครื่องเทศ งานแกะสลัก ของใช้ในบ้าน
ปารีสช้อปปิ้ง (Paris Shopping)
นักช้อปจะต้องถูกใจสิ่งนี้ เนื่องจากที่วานูอาตูมีร้านค้าปลอดภาษีมากมาย ดังนั้นหากกำลังมองหาสินค้าแบรนด์ ในราคาปลอดภาษี ขอแนะนำปารีสช้อปปิ้ง ซึ่งเป็นร้านค้าปลอดภาษีใจกลางเมืองพอร์ตวิลา
ถนนเมนสตรีท (Main Street)
หากมาเยือนวานูอาตูแล้วแวะเที่ยวลูแกนวิลล์ แนะนำให้ลองเดินช้อปปิ้งที่ถนนเมนสตรีท เนื่องจากถนนสายนี้จะมีร้านขายของฝากและสินค้าทำมือสวยๆ มากมาย เช่น ร้าน Mama Handicrafts ที่จำหน่ายเครื่องประดับ ผ้าทองานและแกะสลัก
โรงแรมและที่พักในวานูอาตูแนะนำ
Tamanu on the Beach
เดินทางมาทัวร์วานูอาตูด้วยไฟลต์แบบยาวๆ แนะนำหาที่พักในพอร์ตวิลา ที่แสนจะผ่อนคลายเพื่อละลายความเหนื่อยล้าอย่าง Tamanu on the Beach เพราะที่นี่เป็นรีสอร์ทบูติกระดับ 5 ดาว แถมยังตั้งอยู่บนหาดทรายขาวบริสุทธิ์ มีสระว่ายน้ำสไตล์ลากูนที่มองเห็นมหาสมุทร ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 9,000 บาท
Ramada Resort by Wyndham Port Vila
สายกิจกรรมจะต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน เพราะโรงแรมระดับ 5 ดาวในพอร์ตวิลาแห่งนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างการพายเรือคายัก ดำน้ำตื้น ว่ายน้ำ หรือเล่นวอลเลย์บอลที่ชายหาด ค่าห้องเริ่มต้นที่ 5,800 บาท
Aore Island Resort
แนะนำเลยสำหรับทริปฮันนีมูน หรือทริปที่ต้องการบรรยากาศดีและการพักผ่อนแบบเน้นๆ เพราะทริปทัวร์วานูอาตูคราวนี้คุณจะได้พบกับที่พักดีๆ อย่าง Aore Island Resort ที่นี่เป็นรีสอร์ทริมชายหาดที่อยู่บนเกาะส่วนตัวและเงียบสงบ ใช้เวลานั่งเรือข้ามฟากเพียง 15 นาทีจากเมืองลูแกนวิลล์ ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 23,000 บาท
Turtle Bay Lodge
เป็นที่พักอีกแห่งที่ลูแกนวิลล์ที่งดงามและเงียบสงบ ที่นี่โลเคชันดีมากเพราะตั้งอยู่ในทำเลริมน้ำที่สวยงาม แถมยังใช้เวลาเดินทางจากเมืองลูแกนวิลล์เพียง 20 นาทีนั้น ค่าห้องเริ่มต้นที่ 7,000 บาท
The Havannah – Vanuatu
สัมผัสประสบการณ์จากโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่ในย่าน Port Havannah ของ Efate โรงแรมติดชายหาดที่มีทรายขาวละเอียดและเหมาะกับการว่ายน้ำ แถมโลเคชันยังสะดวกมากๆ สามารถเดินทางเข้าเมืองได้อย่างสบาย ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 20,000 บาท
แนะนำของฝาก วานูอาตู
งานไม้แกะสลัก
หากมองหาของประดับตกแต่งบ้าน ลองแวะไปดูงานไม้แกะสลักจาก Northern Ambrym ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในด้านความคิดสร้างสรรค์และความชำนาญของช่างแกะสลัก ไม้ที่แกะสลักจะมีทั้งเรือแคนูจิ๋ว สัตว์ คันธนู
แทมแทม (Tam Tam)
หาของฝากแปลกๆ แนะนำแทมแทมที่ผลิตในวานูอาตู แทมแทมเป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกลองที่งดงาม รับรองว่าของฝากของคุณจะไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
พัด
ของฝากสำหรับเมืองร้อนคงหนีไม่พ้น “พัด” ซึ่งที่วานูอาตูจะมีพัดที่สานด้วยมือมากมายให้เราได้ช้อป สีสันของพัดที่นี่สดใสมากๆ แถมราคายังย่อมเยาอีกด้วย
ผ้าโสร่ง
ลองแวะไปตลาดแล้วเลือกซื้อผ้าโสร่งลวดลายสวยๆ เช่น ลายพื้นเมือง หรือลายแผนที่วานูอาตู สามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิง และยังพกพาได้ง่ายอีกด้วย
ขนนก
ชาวพื้นเมืองมักใช้ขนนกที่มีสีสันเหมือนสายรุ้งมอบเป็นของขวัญให้กับผู้มาเยือน ซึ่งโดยส่วนใหญ่นิยมนำมาประดับผมให้สวยงาม สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของที่ระลึก
คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการพักผ่อนที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์และไม่เหมือนใครอย่างประเทศวานูอาตู แต่จะให้ดีไปกว่านั้น ขอแนะนำให้ทำการบ้านก่อนตัดสินใจเดินทาง โดยลองวางแผนการเดินทางตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณหาที่พักในโลเคชันสวยๆ ได้ เนื่องจากที่พักติดหาดหรือที่พักที่มีชื่อเสียงมักจะเต็มไวมาก นอกจากนี้การจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้านานๆ ก็จะทำให้ได้ราคาตั๋วถูกลงด้วย ซึ่งการเตรียมการอย่างดีเยี่ยมจะทำให้ทริปของคุณสมบูรณ์แบบที่สุด