หากมีใครชวนไปทัวร์เซอร์เบีย ผู้คนส่วนใหญ่มักจะทำหน้างงอย่างแน่นอน เพราะเซอร์เบียอาจจะเป็นชื่อของประเทศที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่หากได้มีโอกาสไปทัวร์เซอร์เบียจริงๆ คุณจะต้องตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เซอร์เบียร์ตั้งอยู่ในแถบบอลข่าน ซึ่งถือว่าอยู่เกือบใจกลางทวีปยุโรป อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรยูโกสลาเวียที่ยิ่งใหญ่ เมืองหลวงของเซอร์เบียอย่างเบลเกรดก็ตั้งอยู่ในใจกลางของยุโรปตะวันออกและตะวันตก ด้วยทำเลที่ตั้งที่โดดเด่น ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเซอร์เบียได้โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ความงดงามของธรรมชาติ ความเป็นเมืองแห่งมรดกโรมัน และประวัติศาสตร์อันยาวนานก็ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้คนเลือกใช้วันหยุดในเมืองที่สวยงามแห่งนี้
ข้อมูลเที่ยวทัวร์เซอร์เบีย
ก่อนจะไปทัวร์เซอร์เบียร์ ลองมาเรียนรู้เรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับประเทศนี้กันก่อน โดยแท้จริงแล้ว ชาวเซิร์บตั้งถิ่นฐานบนคาบสมุทรบอลข่านตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 และ 7 แต่ด้วยความที่เซอร์เบียถือเป็นประเทศโด่งดังในเรื่องการเมือง จึงทำให้เซอร์เบียหลุดจากความสนใจในการเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่หากไม่แวะมาทัวร์เซอร์เบีย คุณจะพลาดสิ่งดีๆ อย่างน่าเสียดาย เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยมรดกของประวัติศาสตร์โลก การเที่ยวในประเทศนี้ยังประหยัดเงินมากๆ หากเทียบกับที่อื่นในยุโรป นอกจากนี้ความปลอดภัยและความเป็นมิตรของคนในท้องถิ่นก็ยังเป็นเลิศ ดังนั้นแนะนำให้ลองมาเที่ยวเซอร์เบียด้วยตัวเองเพื่อแต่งแต้มประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ทัวร์เซอร์เบียตามเมืองยอดนิยม
เบลเกรด (Belgrade)
การทัวร์เซอร์เบียร์จะไม่ครบถ้วนหากไม่ได้แวะมาเที่ยวในกรุงเบลเกรด เมืองหลวงอย่างเบลเกรดมักจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของแผนการเดินทาง เพราะไม่เพียงแต่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และอาหารที่น่าลิ้มลอง นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์ที่น่าสนใจเช่น ป้อมปราการ Kalemegdan วิหาร Saint Sava หอคอยแห่ง Avala พิพิธภัณฑ์นิโคลา เทสลา รวมถึงสถานที่ช้อปปิ้งอีกมากมาย โดยการเที่ยวเซอร์เบียในเมืองหลวงแห่งนี้แนะนำให้ใช้เวลาอย่างน้อย 2 – 3 วัน
ซูโบติกา (Subotica)
หากอยู่ใกล้กับชายแดนฮังการี เราสามารถข้ามมาทัวร์เซอร์เบียได้อย่างง่ายๆ โดยข้ามมาที่เมืองซูโบติกา เมืองสวยๆ แห่งนี้ถือเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจ เพราะได้รับอิทธิพลจากออสเตรียในช่วงศตวรรษที่ 19 ดังนั้นสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมจึงแตกต่างจากเมืองอื่นพอควร เรียกได้ว่าการเที่ยวเซอร์เบียร์ในเมืองนี้จะทำให้เราได้ทัวร์วัฒนธรรมจากออสเตรียไปในตัวก็ว่าได้ มีสถานที่ที่น่าสนใจเช่น ศาลาว่าการ อาสนวิหารนักบุญเทเรซาแห่งอาบีลา
สเมเดเรโว (Smederevo)
นักเดินทางที่มาทัวร์เซอร์เบียและชื่นชอบประวัติศาสตร์ในยุคกลาง จะต้องหลงรักเมืองสเมเดเรโวอย่างแน่นอน เพราะเมืองนี้ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในเซอร์เบีย โดยมีรากฐานมาจากศตวรรษที่ 14 แถมยังเป็นที่ตั้งของป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ซึ่งบรรยากาศในเมืองจะให้อารมณ์คล้ายฉากในซีรีส์ Game of Thornes และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างสำหรับการเที่ยวเซอร์เบียในเมืองนี้ก็คือ การลิ้มลองไวน์รสชาติเยี่ยม
นิช (Niš)
เมืองน่ารักแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ถือเป็นเพชรเม็ดงามที่น่าสนใจและทำให้ทัวร์เซอร์เบียน่าสนุกยิ่งขึ้น เมืองนิชถือเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะมีทั้งป้อมปราการขนาดมหึมา หอคอยหัวกะโหลกและอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ยังมี Bubanj Memorial Park ซึ่งเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น แถมโลเคชันของเมืองยังตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Nišava ซึ่งมีร้านอาหารมากมายให้เราได้ลิ้มลอง
โนวีซาด (Novi Sad)
สำหรับคนที่ชอบความคลาสสิก การมาทัวร์เซอร์เบียและแวะมายังโนวีซาดถือเป็น bucket list ที่สำคัญ เพราะในปี 2022 โนวีซาดได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ดังนั้นจึงมีอีเวนต์ นิทรรศการ และกิจกรรมต่างๆ มากมาย โนวีซาดเป็นเมืองที่เขียวขจี เงียบสงบ และเหมาะกับวิถีสโลว์ไลฟ์ เราสามารถใช้เวลายามบ่ายที่จัตุรัส Svetozar Miletić หรือเดินเล่นไปตามถนน Dunavska ซึ่งเต็มไปด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารได้
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์เซอร์เบีย ยอดนิยม
ป้อมปราการเบลเกรด (Belgrade Fortress)
การมาทัวร์เซอร์เบียจะต้องไม่พลาดการแวะชมป้อมปราการเบลเกรดเพราะที่ป้อมปราการแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของเมืองทั้งเมือง และมีประวัติอันยาวนานเพราะผ่านความขัดแย้งมามากว่า 2,000 ปี ตัวป้อมตั้งอยู่ในสวน Kalemegdan ซึ่งใกล้กับจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำดานูบและแม่น้ำซาวา มอบทิวทัศน์ที่งดงาม ที่สำคัญที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงเซอร์เบียก็ว่าได้
โบสถ์เซนต์ซาวา (Church of St Sava)
สำหรับทริปทัวร์เซอร์เบียร์ในเมืองเบลเกรด สถานที่แรกๆ ที่ต้องไปเยี่ยมชมคือ โบสถ์สวยๆ อย่างโบสถ์เซนต์ซาวา โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นโบสถ์ออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคบอลข่านและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ตั้งอยู่บนที่ราบสูงวราซาร์ หากอยู่ในตัวเมือง เราจะสามารถมองเห็นหินแกรนิตสีขาวของโบสถ์และกำแพงหินอ่อนได้จากทุกทิศทาง ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ที่นี่มีระฆัง 50 ใบที่จะตีพร้อมกันในตอนเที่ยง ดังนั้นผู้คนจะได้ยินเสียงดังก้องกังวานไปทั่วเมืองเลยทีเดียว
ป้อมปราการเปโทรวาราดิน (Petrovaradin Fortress)
ป้อมปราการแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ในตำนาน และเหมาะกับนักเดินทางทริปทัวร์เซอร์เบียร์ที่รักในประวัติศาสตร์มากๆ ตามตำนานชื่อของป้อมปราการนี้ได้มาจากคำว่า "Petra" หมายถึงหินในภาษาละติน "var" แปลว่าอยู่ในเมือง และ "din" แปลว่าความเชื่อในภาษาตุรกี มารวมกันจึงกลายเป็นเมืองที่มั่นคงดังศรัทธา การก่อสร้างป้อมปราการใช้เวลายาวนานถึง 88 ปี และแม้จะถูกทำลายลงในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 แต่ก็ได้รับการบูรณะอีกครั้ง และกลายเป็นที่ท่องเที่ยวเซอร์เบียที่สำคัญ จนกลายเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์
ดเวนกราด (Drvengrad)
หมู่บ้านที่สวยงามราวกับเทพนิยายแห่งนี้ สร้างขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์เรื่อง Life Is a Miracle ของ Emir Kusturica แต่ได้รับความนิยมอย่างมากจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเซอร์เบียยอดฮิตอันดับต้นๆ โดดเด่นด้วยโลเคชันที่เหมาะกับสายทัวร์เซอร์เบียร์ที่รักธรรมชาติ เนื่องจากตัวหมู่บ้านตั้งอยู่บนเนินเขา Mećavnik ในอุทยาน Mokra Gora ซึ่งเป็นจุดบรรจบของภูเขา Tara และ Zlatibor อันสวยงามของเซอร์เบีย
แฟนตาส (Fantast)
สถานที่โรแมนติกอย่างแฟนตาสสร้างโดย Bogdan Dundjerski เมื่อร้อยปีที่แล้ว แม้จะไม่ใช่พระราชวังจริงๆ แต่ที่นี่ก็ถือเป็นหนึ่งในพระราชวังที่สวยที่สุดในเซอร์เบีย แฟนตาสตั้งอยู่ใน Central Vojvodina ห่างจากเมือง Bečej ราว 14 กิโลเมตร และห่างจากเมือง Novi Sad 60 กิโลเมตร ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเซอร์เบียที่สำคัญ รวมถึงยังเป็นอาคารที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมอีกด้วย
สภาพอากาศและฤดูกาลที่เซอร์เบีย
เซอร์เบียมีภูมิอากาศเย็นสบายตามสไตล์ยุโรป โดยหากไม่ชอบอากาศร้อน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเที่ยวเซอร์เบียร์ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด ส่วนเดือนมิถุนายนก็เป็นอีกเดือนที่ไม่เหมาะกับการท่องเที่ยวเพราะเป็นเดือนที่มีฝนตกมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ย 13% ของปริมาณน้ำฝนทั้งปี
- ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน - มิถุนายน) แม้จะเพิ่งพ้นจากฤดูหนาว แต่การมาเที่ยวเซอร์เบียร์ในช่วงนี้อาจจะทำให้นักเดินทางเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ โดยอากาศจะเริ่มอุ่นในเดือนมีนาคม แต่อาจจะเจอกับอากาศที่มีอุณหภูมิค่อนข้างแปรผันระหว่าง 0 – 10 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจจะมีฝนบ้างในบางช่วง แต่พอเข้าเมษายนอากาศจะอุ่นและเหมาะกับการเที่ยวมากกว่า โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 12.9 -18.1 องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน (กรกฎาคม – กันยายน) เซอร์เบียเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลและอยู่ระหว่างภูเขา ดังนั้นหน้าร้อนจะค่อนข้างร้อน แม้จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 18 - 23 องศาเซลเซียส แต่ความเป็นแอ่งกระทะทำให้มีอากาศร้อนแห้งๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มาเที่ยวเซอร์เบียในช่วงนี้รู้สึกอึดอัดและไม่สนุกเท่าที่ควร
- ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน) ฤดูนี้จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 11 - 24 องศาเซลเซียส ถือเป็นช่วงที่เหมาะกับการเที่ยวเซอร์เบียเพราะอากาศกำลังดี แถมยังได้ชมใบไม้ร่วงที่มอบสีสันที่สวยแปลกตาอีกด้วย
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) คนขี้หนาวควรแพลนให้ห่างจากการเที่ยวเซอร์เบียในฤดูหนาว เนื่องจากอุณหภูมิมักจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 7 ถึง - 4 องศาเซลเซียส หรืออาจจะต่ำกว่านี้ เพราะมักจะมีลมหนาวจากอาร์กติกพัดปกคลุมเซอร์เบีย แต่สำหรับคนที่มาทัวร์เซอร์เบียเพราะชื่นชอบสกี ฤดูนี้จะมีหิมะปกคลุมเยอะและเหมาะกับการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวอื่นๆ เป็นอย่างมาก
เที่ยวทัวร์เซอร์เบีย ใช้งบเท่าไหร่
การทัวร์เซอร์เบียถือเป็นการเติมฝันสำหรับคนที่มาเที่ยวยุโรปแต่มีงบจำกัด เพราะเราสามารถสัมผัสอากาศดีๆ พร้อมเล่นหิมะ ในราคาที่ไม่ทิ้งห่างจากการเที่ยวในโซนเอเชียมากนัก
- ค่าตั๋วเครื่องบิน อาจจะเป็นเพราะการทัวร์เซอร์เบียไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก จึงทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินมีราคาสูงกว่ายุโรปประเทศอื่นๆ และด้วยไฟลต์ที่มีน้อย ราคาตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดจึงมักจะเริ่มต้นที่ 3 หมื่นบาทขึ้นไป
- ค่ากิน เรื่องอาหารการกินถือเป็นข้อดีของการเที่ยวเซอร์เบียก็ว่าได้ เพราะราคาอาหารต่อมื้อถูกพอๆ กับการเที่ยวในประเทศโซนเอเชีย โดยอาหาร 1 มื้อในร้านธรรมดาจะอยู่ที่ 800 RSD หรือราวๆ 280 บาท ซึ่งหากเทียบกับยุโรปอย่างฝรั่งเศส หรือสวิตฯ ถือว่าราคาถูกลงถึง 50% เลยทีเดียว
- ค่าที่พัก เรื่องค่าที่พักก็ถือเป็นข้อดีอีกหนึ่งข้อในการมาเที่ยวเซอร์เบีย เพราะขนาดโรงแรมระดับ 5 ดาวอย่างฮิลตัน ค่าห้องพักยังเริ่มต้นไม่ถึง 1 หมื่นบาท ส่วนโรงแรมระดับกลางๆ ก็เริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันเท่านั้น
- ค่าเดินทางและค่าเข้าสถานที่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เซอร์เบียหมดห่วงเรื่องค่าเดินทางได้ เพราะค่าตั๋วโดยสารแบบขาเดียวค่อนข้างถูก อยู่ที่ประมาณ 89 RSD หรือราว 31 บาท ค่าแท็กซี่ก็เริ่มต้นที่ 190 RSD หรือ 66 บาท เท่านั้น ส่วนค่าเข้าสถานที่สำคัญเช่น พิพิธภัณฑ์ดังๆ อยู่ที่ราวๆ 800 RSD หรือ 280 บาท
อาหารเซอร์เบีย ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
- ไส้กรอกย่างเชวัปชิชิ (Cevapcici) หากได้มาทัวร์เซอร์เบียและชิมอาหารท้องถิ่นจะต้องไม่พลาดเมนูนี้อย่างแน่นอน เชวัปชิชิเป็นไส้กรอกย่างที่ทำจากเนื้อบด บางทีก็ทำจากหมูและเนื้อสับ แล้วม้วนให้เป็นไส้กรอก จากนั้นนำมาย่างให้หอมกรุ่น
- ซาร์มา (Sarma) อาหารฤดูหนาวอย่างซาร์มา เราจะได้ชิมก็ต่อเมื่อไปเที่ยวเซอร์เบียและได้เข้าไปยังบ้านชาวเซอร์เบียแท้ๆ เพราะเป็นเมนูที่นิยมทำทานภายในบ้าน ทำจากใบกะหล่ำปลีดองและเนื้อสับ นอกจากนี้อาจจะเสริมความอร่อยด้วยเบคอน ไส้กรอก แครอท ข้าว และหัวหอม
- อัจวาร์ (Ajvar) หากมองหาอาหารแบบท้องถิ่น ต้องไม่พลาดการชิมอัจวาร์ในทริปเที่ยวเซอร์เบีย โดยอัจวาร์ทำมาจากพริกแดงคั่ว นิยมทาบนขนมปังแผ่นหนาและกรอบ ซึ่งทำทานได้ง่ายและรวดเร็วในมื้อเช้า บางทีก็จะนำไปเป็นเครื่องเคียงหรืออาหารเรียกน้ำย่อย
- บูเร็ก (Burek) เมนูนี้ถือเป็นอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเซอร์เบีย บูเร็กเป็นขนมอบไส้แน่น ทำด้วยแป้งและมีไส้เนื้อสับ ชีส เห็ด มันฝรั่ง และผักโขม หาซื้อได้ง่ายที่ร้านเบเกอรี่ทั่วประเทศ แนะนำให้ค้นหาร้านบน google map ว่า Burekdzinice เพราะจะขายเฉพาะบูเร็ก รับรองว่าก่อนท่องเที่ยวเซอร์เบีย กำลังวังชาจะกลับคืนมาด้วยบูเร็กชิ้นเล็กๆ ได้อย่างแน่นอน
- บัคลาวา (Baklava) สำหรับคนรักของหวาน การมาทัวร์เซอร์เบียจะขาดขนมหวานขึ้นชื่ออย่างบัคลาวาไม่ได้อย่างแน่นอน เมนูของหวานคลาสสิกมีต้นกำเนิดมาจากยุคออตโตมันเป็นเวลากว่า 500 ปี ทำจากแป้งแผ่นบาง วอลนัต และเชอร์เบทที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
แหล่งช้อปปิ้งในเซอร์เบีย ยอดนิยม
ถนน Knez Mihajlova
เที่ยวเซอร์เบียแล้วก็ต้องปิดท้ายกับการช้อปปิ้ง ถนนแห่งนี้ถือเป็นย่านช้อปปิ้งที่ทันสมัย แถมยังเป็นถนนคนเดินที่ยาวมาก โดยถือเป็นหนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดในเบลเกรด มีร้านแบรนด์ดังมากมาย เช่น Zara, Cavalli, Armani เป็นต้น
เดลต้า ซิตี (Delta City)
นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เซอร์เบียและอยากลองไปเดินห้าง ต้องแวะมาที่ “Delta City” ศูนย์การค้าชื่อดังในเบลเกรด เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่เหมาะกับการช้อปปิ้งมากๆ หากเหนื่อยก็สามารถแวะทานอาหารหรือแวะคาเฟ่สวยๆ ที่ตั้งอยู่ภายในห้างได้เช่นกัน
บิ๊กแฟชั่นเอาท์เล็ต (BIG FASHION Outlet)
หากออกมานอกเมืองเบลเกรดสัก 58 กิโลเมตร เราจะพบกับสวรรค์แห่งการช้อปที่แฟชั่นเอาท์เล็ตในเมือง Inđija ที่นี่ถือเป็นเอาท์เล็ตแห่งแรกในประเทศ แถมมีคอลเลกชันของแบรนด์ดังที่ลดราคา 30% ถึง 70% และมีร้านค้าให้เลือกช้อปปิ้งถึง 65 ร้าน
ทีซีบิ๊กซี (TC BIG CEE)
มาทัวร์เซอร์เบียทั้งทีก็ต้องช้อปกันอย่างครบรส ดังนั้นหากมาเที่ยวเมือง Novi Sad แนะนำให้แวะช้อปที่ TC BIG CEE ซึ่งเดินทางสะดวก แถมภายในห้างใหญ่ยังมีแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ดังระดับโลกให้เลือกช้อปอีกด้วย
ถนน Zmaj Jovina
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์เซอร์เบียและอยากอุดหนุนแบรนด์ท้องถิ่นในเมือง Novi Sad แนะนำให้มาเดินที่ถนน Zmaj Jovina เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แล้ว แถวนี้ยังมีร้านบูติกของผู้คนท้องถิ่น รวมถึงร้านกาแฟ และร้านหนังสือที่ตกแต่งสไตล์บาโรกหรือนีโอเรเนซองส์ไว้อย่างงดงามอีกด้วย
โรงแรมและที่พักในเซอร์เบียแนะนำ
- Hilton Belgrade โรงแรมหรูหรามาตรฐานฮิลตัน เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเซอร์เบียเป็นอย่างมาก เพราะตั้งอยู่ในใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก สามารถเดินไป Slavija Square และ St. Sava Temple ได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญถือเป็นโรงแรม 5 ดาวที่มีราคาดีงาม โดยเริ่มต้นเพียง 9,000 บาทเท่านั้น
- Square Nine Hotel Belgrade-The Leading Hotels of The World หากมองหาที่พักหรูหรามีระดับราวกับพักในพระราชวัง Square Nine ถือว่าตอบโจทย์อย่างแน่นอน ที่สำคัญสถานที่ตั้งยังดีมากๆ เพราะห่างจากถนนคนเดินและย่านช้อปปิ้ง Kneza Mihailova เพียง 50 เมตรเท่านั้น ราคาคืนละ 11,000 บาท
- Metropol Palace ทัวร์เซอร์เบียจนเหนื่อย แต่อยากได้ห้องพักหรูๆ ในราคาที่เป็นมิตรต่อกระเป๋าตังค์ ขอแนะนำที่นี่ เพราะราคาเริ่มต้นเพียง 5,700 บาท แถมหรูหราราวกับพระราชวัง ที่สำคัญเดินทางง่ายและอยู่ใกล้สถานีรถไฟอีกด้วย
- Garni Hotel Leopold I สำหรับคนที่มองหาที่พักดีๆ ในเมือง Novi Sad ขอแนะนำที่ Garni Hotel เพราะตัวที่พักสวยงามมากๆ เนื่องจากตั้งอยู่บนแม่น้ำ Danube และบนยอดป้อม Petrovaradin ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 แถมราคายังดีงาม เริ่มต้นเพียง 2,400 บาทเท่านั้น
- Ambasador Hotel หากมาเที่ยวเมือง Niš โรงแรม 5 ดาวที่คุ้มค่าที่สุดก็คือ Ambasador Hotel โดยค่าห้องคืนละ 3,000 บาทเท่านั้น ที่สำคัญตั้งอยู่ใจกลางเมือง ห่างจากจัตุรัส King Milan Square เพียง 200 เมตร
แนะนำของฝาก เซอร์เบีย
- บานานิก้า (Bananica) เมื่อมาทัวร์เซอร์เบียแล้วไม่รู้จะซื้ออะไรกับไปฝากเด็กๆ ที่บ้าน ขอแนะนำขนมบานานิก้า ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับมาร์ชเมลโล่ ตรงกลางจะเคลือบด้วยช็อกโกแลต แถมราคายังถูกและหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย
- รากิ (Rakia) แนะนำของฝากที่มีแอลกอฮอล์สำหรับผู้ใหญ่อย่างรากิ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงที่สุด โดยรสชาติคล้ายบรั่นดีและพลัม ทำจากน้ำผลไม้หมักและมีแอลกอฮอล์ประมาณ 40% - 60%
- น้ำผึ้งท้องถิ่น นักเดินทางที่ตระเวนทัวร์เซอร์เบียในหลายๆ เมืองอาจจะเห็นการเลี้ยงผึ้งข้างถนน น้ำผึ้งท้องถิ่น (med) เป็นประเพณีที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในยูโกสลาเวีย และที่สำคัญหาซื้อได้ง่าย แถมยังมีราคาที่ไม่แพงอีกด้วย
- อัจวาร์ (Ajvar) นอกจากจะเป็นอาหารแนะนำ เรายังสามารถซื้อขึ้นเครื่องกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย เพราะส่วนใหญ่อัจวาร์มักจะบรรจุในโหลแก้วเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ต้องห่อด้วยกระดาษเพื่อกันแตก
- ไวน์ บอกเลยว่าเซอร์เบียขึ้นชื่อเรื่องไวน์จาก Fruska Gora เป็นอย่างยิ่ง แนะนำไวน์ขาวของ Fruska Gora ที่มีรสชาติกลมกล่อม ในราคาที่ย่อมเยา ซึ่งหาซื้อได้ง่ายมากในกรุงเบลเกรด
สำหรับนักเดินทางที่ยังลังเลอยู่ว่าจะมาเที่ยวประเทศเซอร์เบียที่ไม่ค่อยคุ้นหูดีหรือไม่นั้น บอกเลยว่าต้องรีบตัดสินใจก่อนที่คนจะแห่ไปเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น เหมือนดังประเทศโครเอเชียที่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ปัจจุบันห้องพักหายาก ผู้คนเบียดเสียด แถมข้าวของยังแพงขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ที่สำคัญเซอร์เบียเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับงบประมาณ และเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและวัฒนธรรม รวมไปถึงการสำรวจธรรมชาติที่สดใหม่ รับรองได้เลยว่าคุณจะประทับใจเซอร์เบียอย่างแน่นอน