“รวันดา” ประเทศเล็ก ๆ ในทวีปแอฟริกา แต่เป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่มีความน่าสนใจในเชิงการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยแต่ละปีที่อยากมีโอกาสไป “ทัวร์รวันดา” เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตกันพอสมควร ดังนั้นใครวางแผนอยากลองมีโอกาสเที่ยวรวันดา ลองมาศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อันน่าสนใจ เชื่อว่าจะช่วยให้การเที่ยวของคุณสนุกและน่าตื่นเต้นมากกว่าเคย
ข้อมูลเที่ยวทัวร์รวันดา
ประเทศรวันดา มีชื่อทางการว่า “สาธารณรัฐรวันดา” (Republic of Rwanda) ตั้งอยู่ในแถบตอนกลางเยื้องไปทางฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกาใต้ เมืองหลวงชื่อ กรุงคิกาลี (Kigali) ขนาดพื้นที่รวม 26,338 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือติดกับประเทศยูกันดา ทิศตะวันออกติดกับประเทศแทนซาเนีย ทิศตะวันตกติดต่อกับคองโก ทิศใต้ติดต่อกับบุรุนดี จำนวนประชากรทั้งประเทศราว 13.46 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในประเทศของทวีปแอฟริกาที่มีประชากรเยอะเป็นลำดับต้น ๆ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์แทบทั้งหมด มีระบอบการปกครองแบบรัฐเดี่ยวระบบประธานาธิบดีสาธารณรัฐตามรัฐธรรมนูญ เดิมทีถูกปกครองโดยประเทศเบลเยียมก่อนมีการประกาศอิสรภาพเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1962 ด้วยลักษณะภูมิประเทศแบบเนินเขา มีความอุดมสมบูรณ์จึงทำให้หลายคนอยากไปสัมผัสการทัวร์รวันดาสักครั้ง
ทัวร์รวันดาตามเมืองยอดนิยม
1. ทัวร์รวันดาเมืองคิกาลี (Kigali)
เป็นเมืองหลวงของประเทศและถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง (ปัจจุบันมีอัตราการเติบโตสูงมาก) จัดเป็นเมืองขนาดใหญ่สุด และประชากรหนาแน่นมากที่สุด ตั้งอยู่บริเวณใจกลางประเทศจึงมีความโดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยี การศึกษา วัฒนธรรม นักท่องเที่ยวสามารถพบเจอกับวิถีชีวิตอันแสนเรียบง่ายของชาวเมืองได้ที่นี่ และยังมีความพิเศษอื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด
2. ทัวร์รวันดาเมืองจิเซนยี (Gisenyi)
ใครมาทัวร์รวันดา นี่คือเมืองปลายทางที่ไม่ควรพลาด มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ มีทำเลตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบคีวู (Kiwu) นั่นทำให้เมืองแห่งนี้ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวพักผ่อนริมทะเลอย่างยิ่ง รวมถึงการทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ชมสถาปัตยกรรมคลาสสิก ไปจนถึงเบียร์พื้นถิ่นที่มีรสชาติน่าประทับใจด้วย
3. ทัวร์รวันดาเมืองรูเฮนเกรี (Ruhengeri)
เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือมีประชากรเพียงแค่แสนกว่าคน บางคนก็เรียกชื่อเมืองนี้ว่า มูซานเซ (Musanze) ความแปลกไม่เหมือนใครอย่างหนึ่งคือฉากหลังของเมืองเป็นจุดตั้งของภูเขาไฟลูกใหญ่ที่ยังพร้อมปะทุขึ้นมาได้เสมอ อีกทั้งยังมีพื้นที่ติดกับทะเลสาบและอุทยานแห่งชาติให้ได้แวะไปเยี่ยมชมกันหลายแห่ง เที่ยวรวันดาเมืองนี้สนุก ตื่นเต้น และได้ผจญภัยแบบไม่ต้องห่วงใด ๆ เลย
4. ทัวร์รวันดาเมืองโบตาเรย์ (Butare)
เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่หลายคนทัวร์รวันดาแล้วอยากแวะไปเยือนสักครั้ง มีประชากรราว 75,000 คน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 5 เดิมทีเมืองแห่งนี้ได้ถูกล่าอาณานิคมจากเบลเยียมและมาตั้งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 1920 โดดเด่นด้วยการมีมหาวิทยาลัยชื่อดังจนได้รับฉายาในฐานะเมืองแห่งการศึกษา หรือ เมืองหลวงทางปัญญามาอย่างยาวนาน
5. ทัวร์รวันดาเมืองนีฮันซา (Nyanza)
เมืองทางตอนใต้ของประเทศที่มีความสำคัญมากทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว บรรยากาศภายในเมืองมีอาคารทันสมัยหลายชั้นถูกปลูกสร้างขึ้นเพื่อบอกถึงความก้าวหน้า รวมถึงมีบริการทั้งรถบัส รถตู้ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปยังจุดต่าง ๆ ในเมืองและบริเวณใกล้เคียงแบบไม่ยุ่งยากมากนัก ใครแวะมาที่นี่ต้องไม่พลาดลองชิมโยเกิร์ตสูตรพื้นเมืองด้วย อร่อยมาก
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์รวันดา ยอดนิยม
1. อนุสรณ์สถานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คิกาลี (Kigali Genocide Memorial)
เมื่อปี 1994 เคยเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกรุงคิกาลี ประเทศรวันดา ส่งผลให้มีประชากรเสียชีวิตกว่า 8 แสนราย อนุสรณ์สถานที่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนและเครื่องเตือนใจของคนในประเทศให้เห็นถึงความเลือดเย็น ความบ้าคลั่งเมื่อครั้งอดีต ยังคงมีซากกระดูกของผู้คนกว่า 2.5 แสนรายอยู่ที่นี่ รวมถึงบอกเล่าประวัติ เรื่องราวอันน่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ซึมซับถึงประวัติศาสตร์อันแสนโหดร้ายด้วย
2. อุทยานแห่งชาติ Nyungwe Forest National Park
หนึ่งในป่าฝนที่มีความเก่าแก่มากสุดของทวีปแอฟริกา ใครเป็นสายรักธรรมชาติอยากแนะนำให้ลองมาทัวร์รวันดากันที่นี่เลย อัดแน่นไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมบรรยากาศอันแสนงดงามไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูง ป่าไม้อันเขียวชอุ่ม รวมถึงการได้พบเจอกับเหล่าบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่แอบออกมาโชว์ตัวกันอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะบรรดาลิงชิมแปนซีและอีกหลายสายพัน์ธุ์ จุดชมวิวสวย ๆ และถ่ายรูปกันเพลินแน่
3. ศูนย์ศิลปะอินีมา (Inema Arts Centre)
เที่ยวรวันดาชมความงดงามของงานศิลปะแนะนำให้มายังศูนย์แห่งนี้ได้เลย ตั้งอยู่ในกรุงคิกาลี ชาวเมืองมักบอกเสมอว่าที่นี่เป็นมากกว่าแค่หอศิลป์ทั่วไป เพราะภายในอัดแน่นไปด้วยผลงานที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่พบเห็นได้เสมอ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 โดยพี่น้องและจิตรกรที่เรียนรู้งานศิลปะด้วยตนเองนามว่า Emmanuel Nkuranga และ Innocent Nkurunziza ในบางช่วงยังมีการจัดกิจกรรมให้ได้ทำกันด้วย
4. ทะเลสาบคีวู (Kiwu Lake)
ถือเป็นทะเลสาบที่มีความสำคัญมากเพราะมีส่วนกั้นระหว่างรวันดากับคองโก กินพื้นที่กว่า 2,700 ตารางกิโลเมตร มีจุดลึกสุดราว 480 เมตร ซึ่งใต้ทะเลสาบแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ แม้ดูเป็นอันตรายแต่ก็ยังมีส่วนสำคัญในการผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศ บริเวณโดยรอบมีวิวสวยงามโดยเฉพาะป่าไม้จึงทำให้เกิดรีสอร์ต ที่พักจำนวนมากเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้แวะมาสัมผัสด้วยตนเอง
5. พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา (Ethnographic Museum)
เดิมมีชื่อว่าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติรวันดา ถูกสร้างขึ้นในฐานะการเป็นของขวัญจากกษัตริย์บาดูอินแห่งเบลเยียมช่วงปลายทศวรรษ 1980 หากทัวร์รวันดาที่นี่ภายในมีการจัดเก็บได้มีการจัดเก็บคอลเล็กชันชาติพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์มากสุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา แบ่งเป็นแกลอรีรวม 7 แห่ง บอกเล่าถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์วิทยา งานศิลปะ และแหล่งโบราณคดี มีอุปกรณ์ช่วยให้คุณมองเห็นชัดเจนขึ้น จึงได้รับข้อมูลแบบเจาะลึกขนานแท้
สภาพอากาศและฤดูกาลที่รวันดา
ด้วยความเป็นประเทศทางตอนกลางของทวีปแอฟริกาและอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้สภาพอากาศของรวันดาเองแทบไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก ดังนั้นใครสนใจอยากแวะเวียนไปทัวร์รวันดาสักครั้งอาจไม่ต้องกังวลใจเรื่องเสื้อผ้า แต่อยากเน้นให้เตรียมความพร้อมด้านอื่น เช่น อุปกรณ์กันแดด กันฝน ไปให้พร้อมจะดีที่สุด โดยสภาพอากาศและฤดูกาลของรวันดา มีดังนี้
ฤดูฝน
จะมีช่วงฤดูฝนที่ยาวนานมากในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม ถือเป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยว เนื่องจากฝนตกชุก บางแห่งตกติดกันแทบทุกวัน โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกของประเทศใครเป็นสายเที่ยวอุทยานแห่งชาติไม่ค่อยแนะนำสักเท่าใดนักเนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ง่าย อุณหภูมิเฉลี่ยราว 25 องศาเซลเซียส ขณะที่อีกช่วงที่มักเป็นฤดูฝนแบบช่วงสั้น ๆ คือราวเดือนตุลาคม - เดือนพฤศจิกายน ซึ่งสภาพอากาศมีความใกล้เคียงกันมาก
ฤดูร้อน
หากบอกว่านี่คือฤดูกาลท่องเที่ยวสำหรับใครที่อยากทัวร์รวันดาคงไม่ใช่เรื่องผิดนัก ด้วยสภาพอากาศแห้ง มีความร้อนในระดับหนึ่ง จึงเหมาะกับการทำกิจกรรมทั้งชมพิพิธภัณฑ์ สนุกไปกับการเยี่ยมเยียนอุทยานแห่งชาติ อย่างไรก็ตามในบางวันอาจมีฝนตกลงมาบ้างแต่ก็ประปรายชนิดน้อยถึงน้อยที่สุด อยู่ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน ไปจนถึงช่วงกลางเดือนกันยายน และจะกลับมาอีกครั้งประมาณเดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ 28-30 องศาเซลเซียส จัดว่าไม่ร้อนเกินไปนัก แถมบางช่วงอากาศยังลดต่ำได้อีกขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศและลมหนาว
เที่ยวทัวร์รวันดา ใช้งบเท่าไหร่
ต้องอธิบายสำหรับคนไทยที่สนใจออกไปทัวร์รวันดา เปิดประสบการณ์สุดพิเศษให้กับตนเองไม่ว่าจะไปแบบฉายเดี่ยวหรือไปเป็นกรุ๊ปก็ตาม ด้วยการเป็นประเทศในแถบแอฟริกาดังนั้นแม้พวกเขาจะมีสกุลเงินเป็นของตนเองนั่นคือ ฟรังก์รวันดา (RWF) แต่นักท่องเที่ยวควรทำการแลกเงินยูโร (EUR) หรือ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ไว้ก่อนจะดีที่สุด เมื่อเดินทางถึงรวันดาจึงค่อยแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินท้องถิ่นกับสถาบันการเงิน โรงแรม หรือร้านอาหารที่เชื่อถือได้เท่านั้น ที่สำคัญก่อนกลับประเทศไทยอย่าลืมแลกคืนเป็นเงินยูโรหรือดอลลาร์ด้วย คราวนี้ก็มาลองเทียบงบประมาณเบื้องต้นที่คาดว่าต้องใช้ในการเที่ยวรวันดากันเลย
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เลือกบิน ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นผู้โดยสารชั้นประหยัดปกติ การเดินทาง มีราคาตั้งแต่ 40,000 บาทเศษ จนถึงระดับหลักแสนบาทเลยทีเดียว (2 ไฟล์ท) ดังนั้นพิจารณาความเหมาะสมให้ดีด้วย
- ค่าเดินทางภายในประเทศ แม้จะมีระบบขนส่งที่เฉลี่ยแล้วถูกมากประมาณ 10 บาทไทย แต่แนะนำให้ใช้บริการแท็กซี่จะสะดวกกว่า โดยมีมิเตอร์เริ่มต้นประมาณ 90 บาท และคำนวณต่อกิโลเมตรละ 35 บาท
- ค่าอาหาร จากค่าครองชีพที่ไม่ได้สูงมากนักทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องนี้ไม่สูงมาก เฉลี่ยมื้อปกติอาจอยู่ประมาณ 200 บาท / คน เทียบเป็นอาหารบางชนิด เช่น เบียร์ขวดละ 45 บาท นมกล่อง 1 ลิตร 20 บาท ก็ไม่ได้ถือว่าแพงใด ๆ เลย
- ค่าที่พัก ขึ้นอยู่กับการเลือกจองของนักท่องเที่ยว หากเป็นโฮสเทลปกติราคามักไม่เกิน 800 บาท / คืน ส่วนโรงแรมระดับ 3 ดาว ประมาณ 2,000 บาท / คืน ส่วนโรงแรมหรู 5 ดาว ราคาประมาณ 7,000 บาท จนถึงหลักหมื่น / คืน
- ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสถานที่นั้น ๆ
อาหารรวันดา ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
1. Isombe
ใครที่ทัวร์รวันดาบอกเลยห้ามพลาดกับอาหารที่มีชื่อเสียงรวมถึงชาวรวันดาจำนวนมากต่างนิยมทานกัน ทำจากใบมันสำปะหลังต้มและบดจนได้สีเขียวจากนั้นจึงเติมส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไป เช่น หัวหอม กระเทียมต้น ผักชี มะเขือยาว กระเทียมสด มะเขือเทศ และพริกหยวก เมื่อทุกอย่างกลมกล่อมเข้ากันดีแล้วตามด้วยเนยถั่วประมาณ 1 ช้อน จะทานเป็นเครื่องเคียงกับอาหารจานอื่น ทานคู่กับข้าวหรือข้าวต้มก็ดีงาม
2. Ugali
บางคนอาจรู้จักในชื่อ Bugali มีลักษณะคล้ายโจ๊กสีขาวจากการถูกบดของวัตถุดิบโดยมีข้าวโพดเป็นหลักจากนั้นจึงเคี่ยวด้วยน้ำหรือนม สามารถทานคู่กับอาหารชนิดอื่นได้ตามชอบ อาทิ ปลาทอด ต้มซุป ผักย่าง ฯลฯ อย่างไรก็ตามอาหารจานนี้ต้องใช้เวลานานในการปรุงแต่งส่วนใหญ่ฝ่ายผู้หญิงจะเป็นคนจัดการระหว่างผู้ชายทำงานหรือออกไปหาอาหาร
3. Brochettes
อาหารอีกชนิดที่ถูกมองว่าเป็นอาหารประจำชาติรวันดา นำเนื้อสัตว์อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อแพะ หรือ เนื้อปลา หมักในน้ำดองสูตรพิเศษซึ่งมีส่วนผสมของมะเขือเทศ หัวหอม พริก และน้ำมันพืช เสียบไม้ย่างไฟบนถ่านร้อน ๆ จนสุก บางร้านอาจมีการนำผักเสียบคั่นระหว่างเนื้อเพื่อเพิ่มรสชาติตัดกันและสีสันที่สวยงาม เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งอบ กล้วยทอด หรือสลัดผักสด คล้ายบาร์บีคิวแต่รสชาติคนละสไตล์
4. Kachumbari
ใครเที่ยวรวันดาแล้วอยากได้เมนูแบบบ้าน ๆ เน้นความง่ายในการปรุงแนะนำเลย เป็นสลัดผักที่มีส่วนผสมหลักคือมะเขือเทศหั่นแว่นกับหัวหอมหั่นยาว เอาเข้าจริงเมนูนี้แม้ไม่เชิงว่าเป็นของรวันดาตรง ๆ แต่คนในแถบแอฟริกากลางนิยมทานกันมาก หากต้องการเพิ่มรสชาติความอร่อยก็สามารถใส่ส่วนผสมอื่นเข้าไปได้ เช่น พริกเติมความเผ็ดเล็กน้อย ผักชี ผักชีฝรั่ง น้ำมะนาว เป็นต้น
5. Akabenzi
เมนูสุดท้ายหากเรียกเป็นภาษาไทยเข้าใจง่ายก็เชิง “หมูผัดซอส” วิธีทำก็แสนง่ายจะมีการหั่นหมูเป็นชิ้นแบบพอดีคำ จากนั้นนำลงไปผัดกับเครื่องเทศต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ เช่น พริก สมุนไพร หัวหอม มะเขือเทศ เมื่อคลุกเคล้ากันดีแล้วก็ตักเสิร์ฟลงบนจานทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือเลือกทานกับข้าวต้มก็ได้ฟิลความแปลกไปอีกแบบเช่นกัน
แหล่งช้อปปิ้งในรวันดา ยอดนิยม
1. Rwanda Clothing Store
จุดแรกในการทัวร์รวันดาที่อยากพามาช้อปปิ้งเป็นร้านขายเสื้อผ้าหลากสไตล์สามารถเลือกได้ตามความชอบเลย ร้านแห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2012 เป็นแบรนด์เสื้อผ้าแท้ ๆ จากรวันดาที่ตัดเย็บออกมาอย่างสวยงาม มั่นใจเลยว่าสาว ๆ ต้องมีติดไม้ติดมือกันมาแน่นอน
2. Caplaki Craft Village
อยากได้ของฝากเก๋ ๆ มีให้เลือกหลากสไตล์แนะนำให้แวะเที่ยวรวันดากันที่ห้างแห่งนี้เลย มีขนาดใหญ่โต ภายในจัดเต็มความพิเศษให้คุณเลือกสรรเยอะมาก ซึ่งเน้นไปที่งานแฮนด์เมด งานคราฟต์ต่าง ๆ รวมถึงผ้าพันคอ และอีกเพียบ ราคาไม่แพงอย่างที่คิดด้วยนะ
3. Umuzabibu Mwiza - Handspun Hope
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นสถานที่หลบภัยจากสงครามและความรุนแรงต่าง ๆ ทำให้อีกมุมหนึ่งคือแหล่งรวมสาว ๆ ที่มีฝีมือในการเย็บปักถักร้อย ดังนั้นหากคุณแวะมาถึงที่แล้วอย่าพลาดซื้องานฝีมือของพวกเธอกลับไปเป็นที่ระลึกโดยเฉพาะผ้าขนสัตว์จากขนกอริลลาอันถือเป็นของล้ำค่าและหาได้ยากมาก
4. Go Kigali Tours & Boutique
ไม่ได้เป็นแค่บริษัททัวร์นำเที่ยวรวันดาเท่านั้น แต่ยังพร้อมพาคุณไปสัมผัสกับของฝากหลากสไตล์ที่ไม่อยากให้พลาด อาทิ กระเป๋าหนัง เครื่องประดับ เสื้อผ้า หมวก กระเป๋าสตางค์ อุปกรณ์ปั่นจักรยาน ของตกแต่งบ้าน เนคไท งานศิลปะ และอื่น ๆ อีกไม่รู้จบ ทำนองว่ามีให้ครบสรรพแค่แวะมาที่นี่แห่งเดียวทุกอย่างจบ
5. Haute Baso
เป็นช้อปขายเสื้อผ้าแบรนด์เดียวกับชื่อร้านที่ออกแบบโดยอาศัยจิตวิญญาณแห่งความเป็นชาวเมืองขนานแท้ เน้นดีไซน์แบบเรียบง่ายแต่สามารถสวมใส่ใช้งานได้จริง มีการผสานกันอย่างลงตัวในทุกวัฒนธรรมพร้อมดึงเอาแรงบันดาลใจเหนือกาลเวลาแบบไม่เหมือนใคร ทำให้ใครมาช้อปแล้วต่างก็ประทับใจไม่รู้ลืม
โรงแรมและที่พักในรวันดาแนะนำ
1. Virunga Inn Resort & Spa
โรงแรมระดับ 4 ดาว ในกรุงคิกาลี โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์พื้นเมืองกับความโมเดิร์นเข้ากันอย่างลงตัวด้วยธีมสีส้มอิฐ ด้านหน้ามีสวนดอกไม้สวย ๆ ให้สัมผัสถึงความผ่อนคลาย ภายในห้องพักกว้างขวาง และยังมีพื้นที่สำหรับฟิตเนสอีกด้วย จัดว่าครบสรรพมาก
2. Rebero Kivu Resort
สำหรับคนที่อยากไปชมวิวแม่น้ำคิวูแล้วหาที่พักไม่ได้ แนะนำรีสอร์ตแห่งนี้เลย เน้นความเรียบง่ายเหมือนไปนอนบ้านเพื่อน แต่บรรยากาศโดยรอบถือว่าธรรมชาติ ได้ความเขียวขจี ภายในห้องพักก็พื้นที่กว้างขวางเน้นตกแต่งสไตล์รวันดา หรือใครอยากกางเต็นท์ก็ไม่มีปัญหา
3. Peponi Living Spaces
โรงแรมอีกแห่งในกรุงคิกาลีที่อยากแนะนำให้ลองพักหากมีโอกาสทัวร์รวันดา ตัวอาคารห้องพักปลูกสร้างในสไตล์โมเดิร์น มีระเบียงด้านหน้าห้องเพื่อการพักผ่อน ขณะที่บริเวณล็อบบี้จะติดกับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง สามารถใช้บริการพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยเลย
4. Rwiza Village
อยากได้ฟิลติดทะเลสาบคีวูพร้อมห้องพักสไตล์รีสอร์ตอันแสนร่มรื่น นี่คืออีกตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ห้องพักออกแบบและตกแต่งตามแบบฉบับเรียบง่ายของชาวรวันดาที่ยังคงใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ด้านหน้ามีสวนพร้อมต้นไม้เขียวขจี สูดอากาศเต็มปอด
5. Kivu Paradis Resort
ใกล้ชิดธรรมชาติพร้อมชมวิวสวย ๆ ของทะเลสาบคีวูกันได้ที่โรงแรมแห่งนี้เลย เน้นการตกแต่งแบบเรียบง่ายตามสไตล์ของชาวแอฟริกาทั้งหินและไม้ ให้ฟิลดีขั้นสุด ระเบียงหน้าห้องเพิ่มความชิล หรือจะมานั่งเล่นด้านหน้าตรงสวนสีเขียวขจีก็ไม่มีปัญหาเลย
แนะนำของฝาก รวันดา
1. เมล็ดกาแฟ
หากคุณเป็นคอกาแฟและหลงใหลในรสชาติของกาแฟเอธิโอเปีย ขอบอกว่าเมล็ดกาแฟรวันดาก็ไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียว ความหอมกรุ่นหากได้นำไปบดคั่วสด กลิ่นเตะจมูกและมีความเป็นเอกลักษณ์สูงมาก รสชาติเข้มข้นจนต้องติดใจและไม่อยากเปลี่ยนยี่ห้อแน่
2. ผ้าทอพื้นเมือง
หญิงสาวชาวรวันดาส่วนใหญ่จะมีทักษะในการทอผ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นผ้าพื้นเมืองที่ได้จากการทอจึงเป็นของฝากชั้นยอดที่ใครได้รับต้องชอบ ขณะที่ผู้ซื้อเองยังเลือกลวดลาย และดีไซน์ได้เยอะมาก ราคาไม่แพงอย่างที่คิด ซื้อกันได้เลย
3. ภาพวาด
บางคนอาจสงสัยว่าทัวร์รวันดาทำไมต้องซื้อภาพวาดกลับมาด้วย จริงแล้วงานภาพวาดของพวกเขาถือเป็นอีกจุดขายที่จะบอกได้ชัดว่าเคยมีโอกาสมายังดินแดนแห่งนี้ เอาเข้าจริงน้อยคนที่ได้สัมผัส ดังนั้นภาพวาดสวย ๆ ก็เป็นอีกความพิเศษนั่นเอง
4. น้ำมันหอมระเหย
ด้วยฝีมือการคัดสรรสมุนไพรชั้นยอดของชาวรวันดาตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน จึงทำให้พวกเขาสามารถผลิตน้ำมันหอมระเหยในสไตล์ชีวจิตออกมาได้อย่างน่าประทับใจ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านค้าในกรุงคิกาลี มีทั้งกลิ่นตะไคร้ ยูคาลิปตัส เจอเรเนียม และอื่น ๆ
5. แยมคราฟต์
ไม่ว่าจะเป็นแยมกล้วยสด แยมสับปะรด แยมมะม่วง หรือแยมเสาวรส ก็สามารถหาซื้อกลับมาทานคู่กับขนมปังแสนอร่อยได้เลย มีผลไม้รสชาติดีปลูกในประเทศนี้เยอะมาก จึงถูกนำมาแปรรูปเป็นแยมแสนอร่อยให้ได้ลองลิ้มชิมรส ผลิตกันแบบสดใหม่ โดนใจแน่นอน
แม้การทัวร์รวันดาอาจเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริงประเทศนี้ก็มีความน่าสนใจและความแปลกใหม่ที่พร้อมเปิดประสบการณ์ทุกคนอยู่พอสมควร ไม่ได้น่ากลัวหรืออันตรายอย่างที่คิด ผู้คนพร้อมให้การต้อนรับอย่างดี ใครสนใจเที่ยวรวันดาก็ลองนำข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนของตนเองกันเลย เชื่อว่าได้ความประทับใจกลับมาอีกเพียบ