“โครเอเชีย” อีกประเทศในทวีปยุโรปที่มีความน่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ด้วยสภาพอากาศเย็นสบาย ผู้คนน่ารัก อัธยาศัยดี บวกกับเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นงานสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ ใครที่สนใจไปทัวร์โครเอเชียมั่นใจเลยว่านี่เป็นอีกประเทศที่จะสร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืม พร้อมเปิดประสบการณ์สุดพิเศษของการทัวร์ยุโรปให้แตกต่างไปจากเดิม
ข้อมูลเที่ยวทัวร์โครเอเชีย
โครเอเชีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐโครเอเชีย” (Republic of Croatia) เป็นพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยมายาวนานกว่า 1,000 ปี เริ่มมีการบันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 9 เดิมเคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จากนั้นจึงถูกรวมให้เป็นพื้นที่ของการก่อตั้งประเทศยูโกสลาเวียก่อนได้รับอิสรภาพกลับคืนมาและประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1991 เข้าร่วมกับสหภาพยุโรปในปี ค.ศ. 2013 มีเมืองหลวงชื่อ กรุงซาเกร็บ ปกครองระบบสาธารณรัฐระบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นผู้ดูแลสูงสุด จำนวนประชากรราว 4 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีพื้นที่ประเทศรวมทั้งหมด 56,594 ตารางกิโลเมตร ลักษณะคล้ายพระจันทร์เสี้ยว หรือบางมุมก็มองเหมือนเกือกม้า ทำให้มีดินแดนติดกับหลายประเทศในยุโรปไม่ว่าจะเป็นสโลวีเนีย ฮังการี อิตาลี เซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ใครมาทัวร์โครเอเชียจึงอาจมีโอกาสได้เยือนหลายประเทศพร้อมกันด้วย
ทัวร์โครเอเชียตามเมืองยอดนิยม
1. ทัวร์โครเอเชีย เมืองซาเกร็บ
เมืองซาเกร็บ (Zagreb) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชียจัดเป็นเมืองที่มีความเจริญมากสุดของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม ขณะเดียวกันก็ยังสามารถพบเห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ผ่านสถาปัตยกรรมสวย ๆ ของเมืองได้ในหลายพื้นที่ เช่น Cathedral of Zagreb โบสถ์คริสต์ตั้งเด่นเป็นสง่า จุดถ่ายรูปห้ามพลาด ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ชื่อดังอย่าง Museum of Broken Relationships ซึ่งมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้อันบ่งบอกถึงความรักที่แตกสลายก็จัดว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน
2. ทัวร์โครเอเชีย เมืองดูบรอฟนิค
เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) เมืองที่มีชื่อเสียงมากสุดของประเทศ เหตุผลมาจากถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำในหลายฉากของซีรี่ย์ยอดฮิตทั่วโลกอย่าง Game of Thrones จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นทัวร์โครเอเชียมีจุดหมายปลายทางอยู่ในเมืองแห่งนี้ ด้วยลักษณะเมืองปากอ่าวมีพื้นที่ยื่นออกไปในทะเลเอเดรียดิกส่งผลให้มีทัศนียภาพอันแสนงดงาม เมื่อบวกกับสถาปัตยกรรม อาคารต่าง ๆ ที่ยังคงความคลาสสิกเอาไว้ บางแห่งอายุมากกว่า 100 ปี ส่งผลให้เมืองแห่งนี้เปรียบดังเทพนิยายของเมืองโบราณริมทะเลได้อย่างไร้ที่ติ
3. ทัวร์โครเอเชีย เมืองซาดาร์
เมืองซาดาร์ (Zadar) ถือเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่มากสุดของโครเอเชีย ตามหลักฐานที่ค้นพบเชื่อว่าน่าจะมีผู้คนมาอาศัยอยู่ตั้งแต่ยุค 800 ปี ก่อนคริสตกาล ส่งผลให้เมืองแห่งนี้ยังคงความคลาสสิกเอาไว้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ให้กลิ่นอายได้ชัดเจน เช่น Church of St. Donatus วิหารประจำเมืองมีอายุมากกว่า 1,000 ปี สามารถมาเดินเที่ยวเมืองนี้ได้แบบสุดชิล ใครชอบแนวอดีตไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลย
4. ทัวร์โครเอเชีย เมืองสปลิท
เมืองสปลิท (Split) เมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโครเอเชีย มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,500 ปี บอกเล่าได้จากการมีพระราชวังแห่งจักรวรรดิไดอาคลีเซียนตั้งแต่สมัยยุคโรมัน จุดเด่นสำคัญหากได้มีโอกาสทัวร์โครเอเชียที่เมืองนี้คือบ้านเรือน อาคารสถานที่ต่าง ๆ ยังคงอนุรักษ์ความคลาสสิกเอาไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย ได้อารมณ์ของเมืองโบราณที่เดินเที่ยวเล่นกันเพลิน แต่อีกไฮไลท์คือท้องทะเลสีครามและชายหาดที่ผู้คนมักแวะเวียนมาพักผ่อนกันเสมอ รวมถึงยังสามารถชมวิวเมืองจากมุมสูงได้บริเวณ Marjan Hill อีกด้วย
5. ทัวร์โครเอเชีย เมืองโทรเกียร์
เมืองโทรเกียร์ (Trogir) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนเกาะริมชายฝั่งของโครเอเชียได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกจึงบ่งบอกถึงความสำคัญได้อย่างดี มีลักษณะคล้ายเมืองท่าที่มีบางส่วนตั้งอยู่ในลักษณะเกาะจึงโดดเด่นด้วยทัศนียภาพอันแสนงดงามไม่ว่าจะเป็นทะเลหรือภูเขา รวมถึงสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ก็ยังคงความคลาสสิกเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ ผังเมืองถูกวางตามแบบกรีก-โรมันโบราณ อย่าลืมแวะไป Cathedral of St. Lawrence ชมความงดงามเกินบรรยาย
สถานที่ท่องเที่ยวโครเอเชีย ยอดนิยม
1. พระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian’s Palace in Split)
เที่ยวโครเอเชียในเมืองสปลิทอันบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของบริเวณนี้ได้อย่างดี ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยจักรพรรดิไดโอคลีเซียน ช่วงต้นศตวรรษที่ 4 ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมยุคโรมันโบราณที่ยังคงตั้งตระหง่านมาจนถึงตอนนี้ พื้นที่ด้านหน้าพระราชวังมีการนำเอาสฟิงซ์ที่ส่งตรงจากอียิปต์มาตกแต่งเพิ่มความสวยงาม ในอดีตมีด้วยกัน 12 ตัว แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 3 ตัว ใครเป็นสายรักประวัติศาสตร์หรือชอบเดินถ่ายรูปชมเมืองเก่าไม่ควรพลาดเด็ดขาด
2. โบสถ์อนาสตาเชีย (The Cathedral of St. Anastasia)
หากไปทัวร์โครเอเชียในเมืองซาดาร์ นี่คือไฮไลท์ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบเวนิส เป็นช่วงเวลาที่สร้างจะถูกคาดการณ์ว่าอยู่ในยุคโรมาเนสก์ก็ตาม โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกขนาดใหญ่สุดของภูมิภาคดัลเมเชี่ยน มีความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก แม้ในช่วง ค.ศ. 1202 จะเกิดความเสียหายอย่างหนักจากปัญหาสงครามทางศาสนา แต่เมื่อมีการบูรณะใหม่อีกครั้งยุคศตวรรษที่ 13 ก็ทำให้ความงดงามกลับคืนมาอีกครั้ง
3. อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park)
อีกจุดเที่ยวโครเอเชียสำหรับสายธรรมชาติผสมความแอดเวนเจอร์นิด ๆ ต้องประทับใจแน่ บนพื้นที่กว่า 295 ตารางกิโลเมตร โอบล้อมด้วยต้นไม้อันเขียวขจีสร้างอากาศบริสุทธิ์หายใจกันแบบเต็มปอด ทำให้อุทยานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1979 ไฮไลท์ห้ามพลาดเป็นอันขาดต้องยกให้กับการชมความงดงามแบบธรรมชาติรังสรรค์ของทะเลสาบที่มีสีเขียวมรกตอมฟ้า และไหน ๆ มาถึงแล้วก็อย่าลืมนั่งเรือข้ามฟากบนทะเลสาบขนาดใหญ่สุดของประเทศอย่างทะเลสาบ Kozjak กันด้วย
4. มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen’s Cathedral)
ถ้ามาทัวร์โครเอเชียในเมืองฮวาร์นี่คือจุดแลนด์มาร์กที่ต้องสัมผัสด้วยตาตัวเองให้ได้สักครั้ง วิหารเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1094 จัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองมาอย่างยาวนานมีการออกแบบตามสไตล์คลาสสิกดั้งเดิม นอกจากบริเวณลานด้านหน้าที่สามารถหามุมถ่ายรูปกันตามสะดวกแล้ว วิหารแห่งนี้ยังมีการเปิดให้เข้าชมภายในได้อีกด้วย ใกล้ชิดกับกลิ่นอายแบบดั้งเดิมที่ตราตรึงใจแบบไร้ที่ติ เป็นอีกความพิเศษและความน่าประทับใจที่ควรค่ากับเสน่ห์อันแสนวิเศษ
5. พิพิธภัณฑ์คนใจสลาย (Museum of Broken Relationships)
ฟังชื่อแล้วอาจรู้สึกแปลกหูแปลกตา แต่นี่คืออีกที่เที่ยวโครเอเชียที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวเมืองและต่างชาติ ในชีวิตเชื่อว่าแทบทุกคนต้องเคยผ่านเรื่องราวที่มักทำให้ใจสลาย เศร้า การบอกลา เส้นทางรักอันไม่สมหวัง ถอยคืนกลับสู่สถานะความสัมพันธ์ก่อนหน้า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงรวบรวมเอาข้าวของเครื่องใช้ที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมดมาจัดแสดง ยิ่งใครพึ่งอกหักใหม่ ๆ หากได้มาแวะเวียนอาจมีเสียน้ำตาแบบไม่รู้ตัว โดยในกรุงซาเกร็บถือเป็นสาขาแรก เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 แล้วจึงมีสาขาอื่นเปิดตามมาภายหลัง มาเมืองหลวงของโครเอเชียต้องแวะให้ได้เลย
สภาพอากาศและฤดูกาลที่โครเอเชีย
ด้วยตำแหน่งของประเทศแห่งนี้ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่านจึงมีสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” ส่งผลให้แต่ละฤดูกาลสภาพอากาศถือเป็นอีกความน่าประทับใจในการได้มาทัวร์โครเอเชีย แบ่งออกได้ 4 ฤดูกาล ประกอบไปด้วย
ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน
หลังหมดจากช่วงฤดูหนาวอันแสนเย็นยะเยือกก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่เหล่าบรรดามวลหมู่ต้นไม้ดอกไม้ทั้งหลายได้เริ่มต้นผลิบานกันอีกครั้ง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 8-17 องศาเซลเซียส อากาศกำลังเย็นสบาย สวมเสื้อคลุมสักตัวก็เที่ยวได้ ตอบโจทย์มากในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติ หรือจะเดินตามสถานที่สวย ๆ ชมสถาปัตยกรรมก็ไม่ว่ากัน
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม - เดือนสิงหาคม
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นฤดูร้อนแต่สำหรับประเทศโครเอเชียคืออีกซีซั่นที่อากาศเย็นสบาย ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนกับบ้านเรา อุณหภูมิระหว่าง 15-25 องศาเซลเซียส อากาศกำลังดีสุด ๆ เหมาะมากกับการท่องเที่ยวตามเมืองชายทะเล รวมถึงการหามุมสวย ๆ ของสถาปัตยกรรมโบราณเพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ออกไปเดินเล่นกันเลย
ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน - เดือนตุลาคม
เป็นอีกช่วงเวลาที่ตอบโจทย์มากในการมาเที่ยวโครเอเชีย ดอกไม้ใบไม้กำลังเปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นสีส้มทองตัดกับทะเลสาบสีฟ้าครามได้อย่างไร้ที่ติ อุณหภูมิระหว่าง 8-17 องศาเซลเซียส ยังไม่ได้หนาวเย็นมากเกินไปนัก ใครเป็นสายธรรมชาติ ชอบปรากฏการณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ได้ถ่ายรูปมุมสวยกับต้นไม้ทั้งหลาย นี่คือซีซั่นที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงอย่างยิ่ง
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์
อย่าพึ่งคิดว่าฤดูหนาวของโครเอเชียต้องหนาวจัดเหมือนหลายประเทศในยุโรป ด้วยทำเลติดกับทะเลส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยจึงอยู่ระหว่าง 5-10 องศาเซลเซียส เท่านั้น บางพื้นที่อาจมีหิมะปกคลุมหรืออุณหภูมิลดลงต่ำกว่านี้บ้างแต่ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกเที่ยวของแต่ละคน ส่วนมากนิยมไปตามเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ หรือพื้นที่ธรรมชาติซึ่งอาจเห็นหิมะปกคลุม แปลกตาไปอีกแบบ
เที่ยวทัวร์โครเอเชีย ใช้งบเท่าไหร่
เป็นอีกเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาดสำหรับคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวหรือไปทัวร์โครเอเชียก็ตาม ต้องขออธิบายก่อนว่าในการเดินทางไปยังประเทศนี้ต้องทำการแลกเงินบาทเป็นเงินยูโร (EUR) จากนั้นเมื่อเดินทางถึงโครเอเชียค่อยแลกเป็นสกุลเงินคูนา (HRK) ซึ่งแนะนำให้แลกจากในสนามบินนิดหน่อยสำหรับเดินทางเข้าเมืองแล้วค่อยไปหาแลกตามจุดต่าง ๆ ในเมืองจะอัตราแลกเปลี่ยนดีกว่า เหนือสิ่งอื่นใดก่อนกลับไทยต้องไม่ลืมแลกคืนเป็นเงินยูโรด้วย โดย 1 HRK ประมาณ 4.8 THB
คราวนี้มาดูกันต่อเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ของการเดินทางไปเที่ยวโครเอเชีย ซึ่งคนไทยต้องทำวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) อยู่ที่ประมาณ 80 EUR จากนั้นลองมาประเมินค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ในการไปเที่ยวครั้งนี้ได้เลยว่าควรตั้งงบเท่าไหร่
- ค่าตั๋วเครื่องบินจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลา หากเป็น High Season อาจพุ่งสูงประมาณ 4 หมื่นบาทต่อเที่ยว แต่ถ้าเป็นฤดูกาลปกติมีตั้งแต่ 2 หมื่นบาทต้น ๆ ไปจนถึง 3 หมื่นกว่าบาทต่อเที่ยว
- ค่าเดินทางในประเทศ ปกติแล้วจะนิยมเดินทางด้วยรถบัสและรถรางเป็นหลัก ราคาขึ้นอยู่กับระยะทางและเมืองที่เดินทางเฉลี่ย 0.5 EUR / เที่ยว
- ค่าอาหาร ด้วยค่าครองชีพที่สูงกว่าราคาอาหารเฉลี่ยต่อมื้ออยู่ประมาณ 5-8 EUR (ร้านทั่วไป)
- ค่าที่พัก ที่พักในโครเอเชียจะมีด้วยกันหลายสไตล์ ราคาก็ขึ้นอยู่กับประเภทที่พักด้วยเช่นกัน หากเป็น Hostel ราคาประมาณ 20-25 EUR / คืน โรงแรม 3 ดาว ราคาประมาณ 60-80 EUR /คืน ขณะที่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว อาจมีราคาตั้งแต่ 130 EUR / คืน ขึ้นไป
- ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
โดยรวมแล้วเฉลี่ยการเดินทางต่อ 1 คนสำหรับเที่ยวโครเอเชียอาจอยู่ราว 80,000 – 100,000 บาท อย่างไรก็ตามหากเลือกไปกับทัวร์โครเอเชียก็มักได้ราคาใกล้เคียงกันแต่จะสะดวกสบายมากกว่า ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายจุกจิกอื่นเพิ่มเติม เช่น ค่ารถระหว่างเดินทาง ค่าโรงแรมที่พัก เป็นต้น
อาหารโครเอเชีย ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
1. Zagorski Štrukli
อาหารพื้นเมืองดั้งเดิมที่ชาวโครเอเชียนิยมมากโดยเฉพาะแถบตอนเหนือและในกรุงซาเกร็บ ลักษณะคล้ายกับสตรูเดิล (Strudel) ด้านนอกเป็นแป้งขณะที่ไส้ข้างในอัดแน่นไปด้วยชีส อาจเติมน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้ความหวาน อบจนหอมพร้อมเสิร์ฟ
2. Crni Rižoto
อาหารจานหลักที่น่าจะมีต้นกำเนิดมาจาก Risotto ของอิตาลี (ประเทศเพื่อนบ้าน) มีลักษณะเป็นเส้นสีดำจากน้ำหมึกผัดคลุกเคล้าให้เข้าที่ปรุงรสแบบง่าย ๆ เน้นเค็มนิดหน่อย ท็อปด้านบนด้วยซีฟู้ดแบบเน้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอยแมลงภู่ หมึก อร่อยอย่าบอกใคร
3. Ćevapi
บางพื้นที่ก็เรียก Ćevapčići ซึ่งเชวาปีจริงแล้วเป็นอาหารที่ผู้คนในดินแดนที่เคยเป็นยูโกสลาเวียคุ้นเคยดี ลักษณะคือการนำเนื้อแกะหรือเนื้อหมูบดผสมกับหัวหอมและเครื่องเทศต่าง ๆ แล้วจึงนำมาปั้นเป็นก้อนย่างไฟร้อน ๆ อร่อยมาก
4. Peka
เป็นรูปแบบการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม วิธีคือจะนำเนื้อสัตว์หรือผักต่าง ๆ ปรุงรสด้วยสมุนไพรหรือไวน์ จากนั้นวางในกระทะเหล็กขนาดใหญ่ ปิดฝาด้านบนแล้วนำไปวางตรงเตาผิงหรือเตาถ่านไฟอ่อน ให้ความร้อนค่อย ๆ ทำให้สมุนไพรเข้าเนื้อ ได้รสสัมผัสล้ำลึกมาก
5. Maneštra
อารมณ์แบบเดียวกับสตูผักที่จะเน้นผักจำพวกมันฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำปลี ธัญพืช และถั่วหลากชนิดตามชอบ (คาดว่าได้รับอิทธิพลจากอิตาลี) จากนั้นจึงนำไปต้มกับน้ำสต๊อกหมู อาจเพิ่มเติมเนื้อสัตว์หรือ Cevapi ลงไปด้วยก็อร่อยไม่แพ้กัน
แหล่งช้อปปิ้งในโครเอเชีย ยอดนิยม
1. Arena Centar
สำหรับคนไปทัวร์โครเอเชียแล้วพักอยู่ในกรุงซาเกร็บ นี่คือตัวเลือกแหล่งช้อปปิ้งที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ภายในมีห้างร้านอยู่จำนวนมากให้ได้เลือกสรรกันแบบจุใจไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์เนม ร้านท้องถิ่น เครื่องสำอาง น้ำหอม เสื้อผ้าแฟชั่น ไปจนถึงร้านของใช้ทั่วไป จุดเด่นสำคัญคือนักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีได้อีกด้วย คุ้มค่ากับการช้อปปิ้งมาก
2. Dolac Market
ตั้งอยู่แถบใจกลางกรุงซาเกร็บ เป็นตลาดท้องถิ่นที่จะมีชาวบ้านและผู้คนออกมาขายสินค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นของสด อาหาร ให้ได้เลือกสรรสำหรับคนที่ชอบความเป็นท้องถิ่น มีทั้งร้านค้าตั้งแผงแบบดั้งเดิมคล้ายตลาดนัดบ้านเรา รวมถึงร้านที่ตั้งเป็นอาคารชัดเจน ถือเป็นอีกจุดท่องเที่ยวยอดฮิตที่เปิดขายมาตั้งแต่ ค.ศ. 1930 ลองแวะไปกันได้เลย
3. Green Market
เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในเมืองสปลิท รูปแบบก็แสนเรียบง่ายวางขายกันบนแผงลอยคล้ายกับตลาดสดบ้านเรา มีสินค้าให้เลือกเยอะมากไม่ว่าจะเป็นของสด อาหารพื้นถิ่น ผลไม้ สมุนไพร ชีสแบบโฮมเมด น้ำผึ้ง ขนมหวาน เสื้อผ้า ดอกไม้ ไปจนถึงของฝาก ของที่ระลึกต่าง ๆ ผู้คนชาวโครเอเชียมักมาเดินซื้อของกันเยอะได้สัมผัสกลิ่นอายแบบพื้นถิ่นอย่างแท้จริง
4. Rijeka Central Market
เป็นตลาดศูนย์กลางแห่งเมืองริเยกา ด้วยบรรยากาศแบบกลางแจ้งจึงถูกโอบล้อมด้วยอาคารบ้านเรือนตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกให้ความสวยงามและแปลกตาสำหรับคนไทยสุด ๆ ขณะที่สินค้าเองก็มีเยอะมากตั้งแต่อาหารพื้นเมือง ผัก-ผลไม้สด ชีสหลากชนิด เสื้อผ้า ของที่ระลึก และอีกสารพัด ใครมีโอกาสไปเมืองนี้ต้องแวะให้ได้เลย
5. Portanova
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกแห่งของประเทศ มีทุกสิ่งให้เลือกสรรไม่ว่าคุณต้องการอะไรมีให้แบบครบครันทั้งหมด อาทิ เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋าแบรนด์เนม ของใช้ท้องถิ่น อาหารสด อาหารแห้ง และอีกมากมาย เรียกว่าเป็นห้างที่ปกติคนท้องถิ่นก็มาเดินช้อปปิ้งกันอยู่แล้ว ใครอยากซื้อของฝากแวะมาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่
โรงแรมและที่พักในโครเอเชียแนะนำ
1. Lakeside Hotel Plitvice
ที่พักใกล้ชิดธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes พร้อมเปิดประสบการณ์สุดพิเศษที่ใครได้พักผ่อนแล้วต่างก็ต้องหลงรัก โอบล้อมด้วยต้นไม้ หิมะ และความเงียบสงบ ห้องพักเน้นความเรียบง่ายแต่ให้กลิ่นอายแบบชาวยุโรปของแท้ มาพร้อมอาหารพื้นเมืองแสนอร่อยให้ได้ลิ้มลองด้วย
2. Tre Re Inn
ห้องพักสุดเรียบง่ายในเมืองริเยกา ทำเลดีห่างจากชายหาด Sablićevo เพียง 2.3 กิโลเมตร มีวิวเมืองสวย ๆ ให้คุณได้ผ่อนคลาย ภายในห้องพักจัดสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้แบบครบครัน ตกแต่งแบบเรียบง่ายด้วยพื้นไม้เทียมสีน้ำตาลและผนังตามสไตล์แต่ละห้อง ห่างจากสถานีรถไฟ Kontejnerski terminal Brajdica ไม่เกิน 900 เมตร
3. Hostel Antique
สายประหยัดแนะนำที่นี่เลย มีให้เลือกทั้งแบบห้องส่วนตัว หรือพื้นที่นอนรวม สามารถแยกชาย-หญิงได้ ปลอดภัยไร้กังวล สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานมีให้ครบสรรพ สะอาดนอนหลับสบาย ห่างจากสถานีรถไฟ Pula Bus Station ประมาณ 1 กิโลเมตร เท่านั้น
4. Hotel Princess
โรงแรมโครเอเชียสุดหรูหราใช้การตกแต่งแบบเรียบง่ายตามสไตล์มาตรฐานทั่วไป มีสระว่ายน้ำในร่มเพื่อการผ่อนคลาย ห้องพักเลือกได้หลากสไตล์ ภายในถือว่ากว้างขวาง เน้นโทนสีขาว สีน้ำตาลอ่อน และเทาเป็นหลัก ห่างจากสถานีรถไฟ Jastrebarsko เพียง 600 เมตร
5. Priska Med Luxury Rooms
โรงแรมในเมืองสปลิทจัดเต็มความหรูหรากันไปเน้น ๆ การตกแต่งผสานกันระหว่างความโมเดิร์นและความคลาสสิกร่วมสมัยสุดลงตัว สระว่ายน้ำกลางแจ้งให้คุณได้ผ่อนคลายกันอย่างอิสระ ห้องพักเน้นโทนสีสดใสเข้ากับบรรยากาศ ห่างจากสถานีรถไฟ Split – Predgrađe ประมาณ 2 กิโลเมตร
แนะนำของฝาก โครเอเชีย
1. ไวน์
ถือเป็นหนึ่งในของฝากขึ้นชื่อเมื่อเที่ยวโครเอเชียโดยเฉพาะบริเวณเกาะทางตอนใต้ ด้วยสภาพอากาศที่เหมาะสมทำให้องุ่นมีผลผลิตน่าพึงพอใจ ใครเป็นสายไวน์แดงและชอบความเข้มข้น หรือไวน์ขาวให้กลิ่นอายแบบอโรมาติกต้องมีหิ้วกลับบ้านแน่
2. น้ำมันหอมระเหย
เป็นน้ำมันหอมที่ผ่านการสกัดจากสมุนไพรคุณภาพสูงหลากชนิดขึ้นอยู่กับความชอบของกลิ่นในแต่ละคน เช่น โรสแมรี่ อัลมอนด์ ลาเวนเดอร์ ฯลฯ ผสานด้วยกลิ่นน้ำมันมะกอกจึงสามารถใช้งานได้กับทุกจุดในบ้าน ใคร ๆ ต่างก็ชื่นชอบ
3. เนกไท
รู้หรือไม่เนกไทมีต้นกำเนิดจากประเทศโครเอเชีย จึงไม่แปลกที่มาทัวร์โครเอเชียทั้งทีจะต้องซื้อกลับไปใช้หรือฝากคุณผู้ชายที่บ้าน มีหลากสไตล์ หลายเนื้อผ้าให้ได้เลือกสรร ชอบแบบไหน หรือมองแล้วเหมาะกับชุดที่สวมใส่ประจำก็จัดเลย
4. เหยือกดินเผา
ของที่ระลึกประเทศโครเอเชียที่ได้รับความนิยมมาก ถูกทำออกมาให้คล้ายกับนก ทว่าดีไซน์ของแต่ละรูปแบบจะมีความแตกต่างกันออกไป เหตุเพราะงานเหล่านี้ทำด้วยมือทั้งหมดตั้งแต่การปั้นจนถึงลงสี หากบอกว่างานแฮนด์เมดสุดว้าวคงไม่ผิดนัก
5. ขนมปังขิง
มีการตกแต่งให้เป็นรูปหัวใจสีแดงหรือขาว ตัดกับตัวอักษรสีสันสดใสซึ่งในอดีตคนที่นี่มักทำให้กันเพื่อแสดงถึงความรักแทนการมอบดอกกุหลาบ ดังนั้นใครมาเที่ยวโครเอเชียแล้วอยากซื้อของกลับไปฝากคนที่ตัวเองรักแนะนำเลย
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับข้อมูลดี ๆ ในการทัวร์โครเอเชีย เชื่อว่าจะช่วยให้ทุกคนวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมถึงพร้อมสำหรับการเตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตของตนเอง สักครั้งที่ควรได้มีโอกาสสัมผัสกับประเทศที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมถึงยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกเยอะมาก ไม่ผิดหวังแน่