“มอนเตเนโกร” ประเทศในทวีปยุโรปที่หลายคนอาจยังไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก แต่ยืนยันได้เลยว่าหากใครมีโอกาสไปสัมผัสแล้วต่างต้องหลงรักทั้งในเรื่องของธรรมชาติอันแสนงดงาม บริสุทธิ์ เสน่ห์ของผู้คนด้านศิลปวัฒนธรรม ไปจนถึงสถาปัตยกรรมอันน่าสนใจ หากสนใจไปทัวร์มอนเตเนโกร ลองมาศึกษาข้อมูลที่น่าสนใจเหล่านี้เพื่อการวางแผนอย่างเหมาะสม ให้ทุกนาทีในการเที่ยวมอนเตเนโกรของคุณมีแต่ความสุข
ข้อมูลเที่ยวทัวร์มอนเตเนโกร
มอนเตเนโกร มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ราชอาณาจักรมอนเตเนโกร” (Kingdom of Montenegro) ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ ทิศเหนือติดกับประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ทิศตะวันตกติดกับประเทศโครเอเชียและทะเลเอเดรียติก ทิศตะวันออกติดกับประเทศเซอร์เบียและโคโวโซ ทิศใต้ติดกับประเทศแอลเบเนีย พื้นที่รวม 13,812 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวงของประเทศคือ กรุงพอตกอรีตซา (Podgorica) ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอีสเทิร์นออร์โทดอกซ์ ใช้การปกครองแบบรัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุขสูงสุด เดิมประเทศนี้เป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวีย ก่อนจะเป็นดินแดนของเซอร์เบีย - มอนเตเนโกร กระทั่งมีการประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2006 ปัจจุบันมีประชากรราว 6 แสนคน ใครสนใจทัวร์มอนเตเนโกรรับรองประทับใจแน่นอน
ทัวร์มอนเตเนโกรตามเมืองยอดนิยม
1. ทัวร์มอนเตเนโกรเมืองพอตกอรีตซา (Podgorica)
เมืองหลวงของประเทศจัดว่ามีความทันสมัย มีอาคารสูงขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมด้วยทะเลและภูเขา ถือว่าผสานกันได้อย่างลงตัว ศูนย์กลางแห่งความเจริญก้าวหน้าที่ยังผสานสถาปัตยกรรมของยุคกลางและยุคสมัยใหม่เอาไว้ไม่เสื่อมคลาย อีกทั้งยังมีโอกาสได้พบเห็นกับไร่องุ่นที่ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตอันแสนเรียบง่ายในเมืองแห่งนี้อีกด้วย มีโอกาสไปทัวร์มอนเตเนโกรต้องชอบแน่
2. ทัวร์มอนเตเนโกรเมืองกอเตอร์ (Kotor)
เที่ยวมอนเตเนโกรสัมผัสเมืองโบราณที่มีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี ประวัติศาสตร์จึงถูกอ้างอิงมาตั้งแต่ยุคกรีก-โรมัน ด้วยทำเลลักษณะเมืองชายฝั่งทำให้เป็นศูนย์กลางด้านขนส่งและมีความสำคัญในเชิงการค้าบริเวณทะเลเอเดรียติกมานานมาก ภูมิประเทศจัดว่างดงามด้วยการถูกโอบล้อมจากภูเขากับอ่าวกอเตอร์ และยังพบกำแพงเมืองเก่า ป้อมปราการ สถาปัตยกรรมยุคกลาง คูคลองต่าง ๆ บ่งบอกถึงการมีผู้คนอาศัยมาหลายศตวรรษ
3. ทัวร์มอนเตเนโกรเมืองบุดวา (Budva)
ใครอยากทัวร์มอนเตเนโกรเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศแห่งท้องทะเล นี่คือตัวเลือกห้ามพลาดเด็ดขาด ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับทะเลเอเดรียติก จึงเป็นสวรรค์ของคนรักหาดทราย สายลม และแสงแดด ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวนิยมมานอนอาบแดด ทำกิจกรรมทางน้ำ รวมถึงยังมีพื้นที่ย่านเมืองเก่าซึ่งยังคงสถาปัตยกรรมในยุคกลางเอาไว้ และมีอุทยานแห่งชาติให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติด้วย
4. ทัวร์มอนเตเนโกรเมืองเพอราสต์ (Perast)
เมืองเก่าเล็ก ๆ บนอ่าวกอเตอร์ต้องใช้วิธีขับรถไปจากเมืองกอเตอร์เท่านั้น คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ได้กลิ่นอายแห่งความเมดิเตอร์เรเนียนมีภูเขาขนาดใหญ่หลายลูกตั้งตระหง่าน ตัดกับแม่น้ำและทะเลอันเปรียบดังภาพวาดก็ไม่ปาน อร่อยไปกับรสชาติอาหารทะเลสด ๆ ด้วยเมนูที่รังสรรค์ทั้งจากฝีมือของชาวพื้นเมืองและร้านอาหารชั้นเลิศ ดีงามสุด ๆ ไปเลย
5. ทัวร์มอนเตเนโกรเมืองบาร์ (Bar)
อีกความพิเศษของเมืองชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศ และยังถือเป็นท่าเรือสำคัญในการขนส่งสินค้า ด้วยลักษณะพื้นที่ติดทะเลเอเดรียติคจึงเป็นอีกศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ชายหาดขาว น้ำทะเลฟ้าคราม พร้อมให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมกันตามชอบ มีที่พักสวย ๆ ในราคาสบายกระเป๋าให้เลือกจองกันเยอะมาก หรืออยากชมสถาปัตยกรรมยุคกลางก็งดงามไม่แพ้เมืองอื่นเช่นกัน
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์มอนเตเนโกร ยอดนิยม
1. กำแพงเมืองและป้อมปราการกอเตอร์ (Kotor Wall)
เป็นไฮไลท์ที่ใครไปทัวร์มอนเตเนโกรไม่ควรพลาดเด็ดขาด เป็นสถาปัตยกรรมอันแสนเก่าแก่ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีตเมื่อราว 2,000 ปี ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการถูกรุกรานจากศัตรู ซึ่งปัจจุบันยังคงถูกจัดเป็นกำแพงเมืองเก่าที่มีความสมบูรณ์มากสุดแห่งหนึ่งในยุโรป สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนกำแพงได้ สัมผัสวิวมุมสูงของบ้านเรือนโทนสีส้มสุดงดงาม และวิวอ่าวกอเตอร์ได้แบบเต็มตา
2. โบสถ์เลดี้ ออฟ เดอะ ร็อกส์ (Our Lady of the Rocks)
โบสถ์พระแม่มารีที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ กลางอ่าวกอเตอร์ซึ่งเป็นพื้นที่แยกออกมาจากชายฝั่ง ถูกสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบเซอร์เบีย ชาวมอนเตเนโกรมีความเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคนในเมืองกอเตอร์ไม่ว่าจะเรื่องภัยสงครามหรือภัยธรรมชาติ และด้วยการแยกออกไปอยู่กลางอ่าวทำให้บริเวณนี้มีความเงียบสงบ สวยงาม เต็มไปด้วยมนต์ขลังแห่งความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
3. บุดวา ริเวียร่า (Budva Riviera)
หากชอบเที่ยวมอนเตเนโกรในสไตล์สายลมแสงแดด ชายหาดในเมืองบุดวาแห่งนี้คืออีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์อย่างมาก เป็นชายหาดริมทะเลเอเดรียติคที่มีความยาวมากกว่า 35 กิโลเมตร จึงไม่แปลกที่จะถูกยกให้เป็นชายหาดที่มีความสวยงามมากสุดของประเทศ ซึ่งตลอดเส้นทางยังมีการแบ่งออกเป็นหาดย่อย ๆ เรียกตามชื่ออื่นอีกด้วย จัดเป็นอีกสถานที่ยอดฮิตของทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวในการพักผ่อน
4. อุทยานแห่งชาติลูฟเซน (Lovcen National Park)
ความงดงามจากธรรมชาติยังคงเป็นสิ่งน่าสนใจเสมอ ลองแวะมาเที่ยวกันที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับพันธุ์ไม้นานาชนิดรวมแล้วกว่า 1,158 สายพันธุ์ ขณะที่บนยอดเขาสูงภายในอุทยานแห่งชาติยังเป็นสุสานของเจ้าชายเพตาร์ เพโตรวิค นีกอส (Petar II Petrovic Njegos) นักกวีและนักปรัชญาที่โด่งดังสุดของมอนเตเนโกร ขณะที่สภาพอากาศมีทั้งแบบพื้นทวีปและแบบมหาสมุทรซึ่งให้ความแตกต่างได้อย่างลงตัว
5. น้ำตกไนแองการ่าแห่งมอนเตเนโกร (Niagara Waterfalls of Montenegro)
ปกติทุกคนจะคุ้นชื่อของน้ำตกไนแองการ่าว่าอยู่บริเวณทวีปอเมริกาเหนือระหว่างประเทศสหรัฐฯ กับ แคนาดา มีความยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ที่มอนเตเนโกรก็มีให้ได้สัมผัสเช่นกัน ตั้งอยู่ในเมืองหลวงอย่างพอดกอรีตซาด้วย แม้ขนาดอาจไม่ได้ใหญ่โตเท่ากัน แต่เรื่องความสวยงามไม่เป็นสองรองใครแน่ โดยเฉพาะลักษณะที่เหมือนถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ เลยทีเดียว
สภาพอากาศและฤดูกาลที่มอนเตเนโกร
สำหรับใครที่วางแผนทัวร์มอนเตเนโกร เรื่องของการตรวจสอบสภาพอากาศและฤดูกาลก็สำคัญมากเพื่อเตรียมตนเองให้พร้อมในทุกด้าน และด้วยความที่เป็นประเทศติดทะเลฝั่งหนึ่งและแผ่นดินใหญ่อีกฝั่งจึงมีความน่าสนใจมาก แบ่งออกได้ 4 ฤดูกาล ดังนี้
ฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม บริเวณชายฝั่งลมสงบ แต่อาจมีฝนตกในบางวัน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ 16-24 องศาเซลเซียส ขณะที่ในฝั่งเมืองโดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาสูงอากาศมีความเย็นอยู่บ้าง แต่ไม่เท่ากับช่วงหน้าหนาว ดอกไม้ต่าง ๆ เริ่มผลิบานมองเห็นความงดงามอุณหภูมิเฉลี่ยบริเวณนี้อยู่ราว 10-15 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน
ช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม บริเวณชายฝั่งจะสภาพอากาศร้อนแห้ง มีลมและฝนตกบ้างในบางระยะ แต่ในน้ำทะเลยังคงเย็นอยู่นิดหน่อย อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ 28 องศาเซลเซียส หรือบางวันอาจสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส ส่วนแถมเมืองจะอุณหภูมิต่ำกว่าเล็กน้อยประมาณ 25 องศาเซลเซียส จัดว่าเย็นสบายและไม่ร้อนเกินไป
ฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงระหว่างเดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีและมีผลไม้หลากชนิดสุกได้ที่พร้อมเพิ่มวิตามินให้กับร่างกาย ทางชายฝั่งยังคงมีความอบอุ่นไม่ถึงกับหนาวเย็นมากเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยราว 20 องศาเซลเซียส ส่วนทางฝั่งเมืองอากาศมักเริ่มเย็นลงแต่ไม่ถึงกับหนาว อาจมีฝนโปรยปรายบ้าง อุณหภูมิเฉลี่ยราว 11-15 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว
ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ หากเป็นบริเวณชายฝั่งสภาพอากาศไม่ถึงกับหนาวจัด และยังคงมีความอบอุ่นอยู่พอควร อุณหภูมิเฉลี่ยอาจอยู่ราว 10 องศาเซลเซียส บางวันสามารถลดต่ำลงได้ แต่ในแถบเมืองและบริเวณเทือกเขาจะมีสภาพอากาศหนาวจัด หิมะตก เหมาะกับคนชอบเล่นสกี อุณหภูมิต่ำสุดอาจลดลงได้ถึง -10 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว
เที่ยวมอนเตเนโกร ใช้งบเท่าไหร่
ในการไปทัวร์มอนเตเนโกร หากรู้จักวางแผนด้านการเงินที่ดีจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในทุกด้านได้อย่างดี ซึ่งจุดเด่นอย่างหนึ่งสำหรับใครที่เลือกเที่ยวมอนเตเนโกรคือ ประเทศนี้มีการใช้สกุลเงินยูโร (EUR) จึงไม่ต้องยุ่งยากในเรื่องการเปลี่ยนสกุลเงินมากนัก สามารถแลกจากประเทศไทยได้เลย ขณะที่ค่าใช้จ่ายประเมินเบื้องต้นมีดังนี้
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการเดินทาง ราคาเริ่มต้นอาจอยู่ราว 20,000 บาท ไปจนถึง 60,000 บาท
- การเดินทางในประเทศ หากโดยสารด้วยรถบัสประจำทางค่าตั๋วเฉลี่ยเที่ยวละ 1 EUR ส่วนเดินทางด้วยแท็กซี่ราคาเริ่มต้น 1 EUR และคำนวณตามระยะทางกิโลเมตรละ 0.80 EUR
- ค่าอาหาร เครื่องดื่ม หากเป็นมื้ออาหารตามร้านสะดวกซื้อ ร้านริมทางทั่วไป เฉลี่ยตกมื้อละ 5 EUR ส่วนร้านอาหารเฉลี่ยมื้อละ 11 EUR น้ำดื่มขวดละ 0.75 EUR นมกล่อง 1.10 EUR เบียร์เฉลี่ยขวดละ 2.50 EUR
- ค่าที่พัก หากเลือกพักแนวโฮสเทลราคาเฉลี่ยคืนละ 16 EUR พักโรงแรมระดับ 3 ดาว ราคาเฉลี่ยคืนละ 40 EUR ส่วนใครเลือกพักโรงแรมระดับ 5 ดาว ราคาก็สูงอีกประมาณ 1-2 เท่าตัว
- ค่าเข้าชมสถานที่ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง
อาหารมอนเตเนโกร ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
1. Njeguši Prosciutto
เป็นลักษณะของแฮมแห้งและชีสมอนเตเนโกร ถือเป็นอาหารที่มักได้ทานเฉพาะเทศกาลสำคัญหรือวันพิเศษ เนื่องจากต้องใช้ขาหลังหมูหมักเกลือ 3 สัปดาห์ จากนั้นผึ่งให้แห้งอีก 3 สัปดาห์ ปิดท้ายด้วยการรมควันต่อรวม ๆ แล้วเกือบ 4 เดือน ชาวพื้นถิ่นส่วนใหญ่นิยมทานแฮมสูตรพิเศษนี้กับขนมปังสด ชีสแผ่น องุ่น มะกอก
2. Brav u Mlijeku
อธิบายง่าย ๆ มันคือ “ขาแกะในนม” จัดเป็นอาหารพื้นถิ่นที่ได้รับความนิยมมากสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่แถบตอนเหนือบริเวณที่ราบสูง วิธีปรุงแบบดั้งเดิมจะใช้หม้อทรงระฆังตั้งบนไฟถ่านหินเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนได้ที่ เนื้อแกะจะละลายผสมกับนมและเครื่องเทศ เช่น โรสแมรี่ กระเทียม รากยี่หร่า ผักชีฝรั่ง ทานกับขนมปังกรอบดีงามมาก
3. Kačamak with kajmak
เป็นอาหารสไตล์มอนเตเนโกรที่ขึ้นชื่อในเรื่องความพิถีพิถันและต้องใช้เวลาพอสมควร เมนูนี้บางคนอาจเรียกแนว ๆ โจ๊กแห้งสไตล์บอลข่าน พวกเขาจะทำการต้มข้าว ข้าวโพด และมันฝรั่ง เมื่อนิ่มแล้วก็บดจนละเอียด ผสมกับชีส นมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต อร่อยไปอีกแบบเหมือนกัน
4. Buzara
ด้วยภูมิประเทศที่มีทั้งชายฝั่งและภูเขา หากใครมาทัวร์มอนเตเนโกรแถบชายฝั่งอยากแนะนำให้ลองเมนูนี้เลย วัตถุดิบหลักเป็นซีฟู๊ดทั้งกุ้ง หอยลาย หมึก ผ่านการปรุงด้วยซอสไวน์แดงหรือไวน์ขาว คลุกเคล้าได้ที่โรยเกลือและกระเทียมเล็กน้อย อร่อยมากทีเดียวสำหรับค่ำคืนในช่วงหน้าร้อน
5. Palačinke
แพนเค้กสไตล์มอนเตเนโกร แตกต่างจากแพนเค้กทั่วไปคือแป้งออกไปทางกรอบ คนในท้องถิ่นนิยมทานคู่กับช็อกโกแลต แยม กล้วย หรือถั่วบัตเตอร์ ขณะที่บางคนอาจแค่โรยน้ำตาลลงไปก็อิ่มอร่อยได้ทันที ความเรียบง่ายสุดลงตัวที่อยากให้ลองพิสูจน์กัน
แหล่งช้อปปิ้งในมอนเตเนโกร ยอดนิยม
1. Delta City
ทัวร์มอนเตเนโกรในเมืองหลงแล้วอยากช้อปปิ้งกันแบบจุใจ นี่คือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มีทุกสิ่งให้เลือกสรร และยังเป็นห้างแห่งแรกที่รวมเอาทุกความบันเทิงมาไว้ให้กับชาวเมืองและนักท่องเที่ยวขนานแท้ ทั้งสินค้าแบรนด์เนม ของที่ระลึก เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ร้านอาหาร รวมถึงความบันเทิงอื่น ๆ อีกไม่รู้จบ
2. The Capital Plaza
ศูนย์การค้าแห่งใหม่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวของมอนเตเนโกร ตั้งอยู่บริเวณ George Washington Boulevard อันถือเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของเมืองหลวง คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานจำนวนมาก ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จึงจัดเต็มแบรนด์ระดับ Hi-End มาไว้ให้เลือกสรรกันจุใจ ชอบแบบไหนตามสะดวกเลย
3. Shopping Center Kamelija
เที่ยวมอนเตเนโกรในเมืองกอเตอร์แวะมาช้อปปิ้งที่นี่กันได้เลย หนึ่งในศูนย์การค้าและแหล่งช้อปปิ้งดีสุดของเมือง มีร้านค้าหลากหลายให้ได้เลือกสรรทั้งสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ของเล่นเด็ก ร้านขายกระเป๋า รวมถึงความบันเทิงอื่น ๆ ที่คุณเข้ามาสัมผัสกันได้ตามสะดวก อาทิ ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ เดินกันได้ทุกซอกมุม
4. Kotor Farmers Market
อยากสัมผัสบรรยากาศตลาดแบบบ้าน ๆ แนะนำให้แวะมายังตลาดเกษตรกรแห่งนี้เลย ตั้งอยู่ด้านในประตูเมืองเก่าจึงให้บรรยากาศสุดคลาสสิก ชาวบ้านต่างนำเอาผลผลิตของตนเองออกมาวางจำหน่ายให้ซื้อหากันเพลิน ผัก ผลไม้ ชีส เนื้อสัตว์ ดอกไม้ อุปกรณ์ในครัวเรือน เครื่องประดับ สินค้าที่ระลึก งานแฮนด์เมด และอื่น ๆ อีกสารพัด
5. Mall of Montenegro
ศูนย์การค้าขนาดใหญ่อีกแห่งในเมืองหลวงของประเทศ ภายในเป็นศูนย์รวมความสะดวกแบบครบครันไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เดินช้อปปิ้ง แหล่งความบันเทิง รวมถึงยังมีพื้นที่โรงแรมสำหรับคนที่เข้ามาพักอีกด้วย ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นตลาดแบบเปิดก่อนอาคารของห้างจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเพื่อทำประโยชน์ ลองแวะไปช้อปกันได้หากมีโอกาส
โรงแรมและที่พักในมอนเตเนโกรแนะนำ
1. Garni Hotel Kruso
ตั้งอยู่ในเมือง Herceg Novi เมืองชายฝั่งของประเทศซึ่งอัดแน่นไปด้วยจิตวิญญาณอันแสนเริงร่า โรงแรมแห่งนี้จึงเปรียบได้กับตัวแทนที่อยากให้ทุกคนได้ใกล้ชิดกับชาวเมือง สร้างแล้วเสร็จได้ไม่นานจึงมั่นใจเรื่องความสะดวก สะอาด และความครบครันในทุกมิติ ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเน้นโทนสีเทาสบายตา น่าเข้ามาพักผ่อนอย่างยิ่ง
2. Hotel Ajana
โรงแรมอีกแห่งของเมืองชายฝั่งอย่าง Ulcinj ใช้การตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น แต่ยังไม่ลืมโทนสีส้มอิฐแบบยุโรปยุคดั้งเดิม โดยเฉพาะภายในห้องพักมีการเติมสีน้ำตาลเพื่อเข้ากับธีมสุดพิเศษนี้ สระว่ายน้ำกลางแจ้งด้านหน้าให้ทุกคนผ่อนคลายกันตามอัธยาศัย มุมสวนอันแสนร่มรื่นและเงียบสงบ พักผ่อนกันได้ทุกอิริยาบถ
3. Holiday Park Olive Tree
ทัวร์มอนเตเนโกรในเมือง Ulcinj นี่คือที่พักอีกแห่งห้ามพลาด ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าไม่ไกลจากศูนย์กลางเมืองมากนัก แต่คุณ๗ได้สัมผัสกับบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ โอบล้อมด้วยสวนต้นไม้อันเขียวขจีและร่มรื่น สระว่ายน้ำกลางแจ้งมองเห็นวิวทะเล เน้นห้องพักไม้สไตล์คลาสสิกอารมณ์กลางป่า ดีงามมากขอบอกเลย
4. Hotel Dominus
ตั้งอยู่ในแถบ Bijelo Polje ตอนเหนือของประเทศสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวมอนเตเนโกรด้วยสไตล์ใกล้ชิดธรรมชาติที่นี่พร้อมตอบโจทย์มาก การออกแบบมีความคลาสสิกของบ้านสไตล์ยุโรปที่ผสมผสานความโมเดิร์นได้แบบลงตัว ภายในห้องพักกว้างขวาง มีพื้นที่สุดชิลให้ได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัยด้วย
5. Boscovich Boutique Hotel
ที่พักมอนเตเนโกรในเมืองหลวง ใช้การตกแต่งแบบยุโรปคลาสสิกผสานกับความโมเดิร์นได้ลงตัวไร้ที่ติ ตั้งตระหง่านมองเห็นชัดเจน เป็นสไตล์บูติกที่ภายในห้องพักใช้โทนเทาดำเป็นธีมหลักให้ดูน่าค้นหา ขนาดห้องกว้างขวาง แถมไม่ไกลจากขนส่งสาธารณะอีกด้วย
แนะนำของฝาก มอนเตเนโกร
1. ไวน์
อีกประเทศในยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตไวน์ชั้นยอด ด้วยมีแหล่งปลูกองุ่นที่อยู่ในสภาพอากาศอันแสนลงตัว ทำให้ผลลัพธ์ของรสชาติที่ได้มีความอร่อย กลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาวหรือไวน์แดงก็ดีงาม ดื่มคู่กับอาหารรสเลิศบอกเลยว่าประทับใจแน่นอน
2. แฮม
หรือที่ชาวมอนเตเนโกรเรียกว่า Njeguši Prosciutto อาหารแสนอร่อยที่ผ่านกรรมวิธียาวนานกว่า 4 เดือน จนได้เป็นแฮมรสชาติแสนอร่อย เค็มกำลังดี จะทานเล่น ๆ หรือทานคู่กับชีส ผลไม้รสเปรี้ยวก็ตามสะดวก ใครได้ลองต้องซื้อทุกราย
3. สินค้าแบรนด์เนมอิตาลี
ด้วยความที่ทั้ง 2 ประเทศไม่ได้อยู่ไกลกันนักทำให้สินค้าแบรนด์เนมของอิตาลีถูกวางจำหน่ายที่ประเทศนี้ได้ในราคาแบบเบา ๆ ถูกกว่าเมืองไทยเยอะมาก ใครเป็นแฟนของแบรนด์อิตาลีอยู่แล้วทัวร์มอนเตเนโกรทั้งทียังไงก็ไม่ควรพลาด
4. น้ำมันมะกอก
ด้วยความที่ประเทศนี้มีต้นมะกอกอยู่เยอะมาก น้ำมันมะกอกจึงเป็นอีกของฝากมอนเตเนโกรที่ควรค่ากับการได้ซื้อกลับมาอย่างยิ่ง แถมความเก๋คือมีการทำสีสันให้แตกต่างจากน้ำมันมะกอกทั่วไป เช่น สีชมพู สีแดง สีเขียว สีฟ้า แปลกใหม่โดนใจมาก
5. แม่เหล็ก / พวงกุญแจ
ของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเที่ยวมอนเตเนโกรสำหรับทุกคนที่อยากมีติดไม้ติดมือกลับไปให้กับคนในออฟฟิศ หรือคนรอบข้างด้วยราคาสบายกระเป๋า ที่นี่มีทั้งแม่เหล็กติดตู้เย็นและพวงกุญแจลายสวยเลือกได้ตามชอบ คุณภาพดีมาก
นี่คือข้อมูลอันน่าสนใจทั้งหมดสำหรับคนที่วางแผนอยากเที่ยวมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นอีกประเทศที่น่าสนใจและพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับทุกคนอย่างยิ่ง ซึ่งการเลือกทัวร์มอนเตเนโกรคือวิธีที่ตอบโจทย์และสะดวกมากที่สุด กำหนดงบประมาณได้ชัดเจน เดินทางสะดวก พักผ่อนกับโรงแรมคุณภาพ แถมยังปลอดภัยในทุกช่วงเวลาอีกด้วย