นักเดินทางที่อยากสัมผัสกับความแปลกใหม่ การมาทัวร์ลิทัวเนียจะเติมเต็มสิ่งที่คุณกำลังมองหาได้อย่างแน่นอน แม้ว่าลิทัวเนียเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ก็เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ โดยลิทัวเนียเป็นหนึ่งในรัฐบอลติก และเป็นรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป แถมยังมีอาณาเขตที่ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์เพราะมีพรมแดนร่วมกับลัตเวีย เบลารุส โปแลนด์ และรัสเซีย ดังนั้นการมาเที่ยวลิทัวเนียจึงถือเป็นการเปิดโลกใหม่ที่เติมพลังให้กับการเดินทางได้อย่างแน่นอน
ข้อมูลเที่ยวทัวร์ลิทัวเนีย
น่าสงสัยเสียเหลือเกินว่าการไปทัวร์ลิทัวเนีย ประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรน้อยกว่า 3 ล้านคนนั้นจะน่าสนุกและตื่นเต้นตามที่นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ โจษจันกันอยู่หรือไม่ สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนมาทัวร์ลิทัวเนียก็คือ ภูมิประเทศที่งดงาม ซึ่งมาพร้อมกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบแสนสวย และชายทะเลที่มีหาดทรายซึ่งมีสิ่งเร้นลับอย่างอำพันแฝงอยู่ และแม้จะเคยถูกปกครองภายใต้สหภาพโซเวียตมาเกือบ 50 ปี แต่ก็มั่นใจในความปลอดภัยในเรื่องการเที่ยวลิทัวเนียได้ เพราะปัจจุบันลิทัวเนียได้เป็นสมาชิกของ EU แล้ว แถมประเทศนี้ยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจนประชาชนสามารถใช้ไวไฟฟรีๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
ทัวร์ลิทัวเนียตามเมืองยอดนิยม
วิลนีอุส (Vilnius)
การมาทัวร์ลิทัวเนียจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้ตะลุยเที่ยวเมืองหลวงอย่างวิลนีอุส เมืองหลวงที่สวยงามแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ แถมมีโบสถ์มากมายถึง 30 แห่ง นอกจากนี้สัญลักษณ์หลักของเมืองคือปราสาท Gediminas ซึ่งสร้างบนเนินเขาใจกลางเมือง สำหรับคนที่อยากเที่ยวลิทัวเนียพร้อมชมวิวงามๆ ต้องแวะมาที่แม่น้ำเนริส ซึ่งจะแบ่งเมืองหลวงออกเป็น 2 ฝั่งได้แก่ ฝั่งเมืองเก่า และฝั่งวิลนีอุสที่ได้รับการปรับปรุงให้ดูทันสมัยและน่าเที่ยวยิ่งขึ้น
เคานาส (Kaunas)
ถือเป็นอีกเมืองสำหรับการทัวร์ลิทัวเนียที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในลิทัวเนีย ขึ้นชื่อในเรื่องสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่งดงาม โดยสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ที่เราเห็นนั้นล้วนสร้างขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ส่วนใครเป็นสายถ่ายรูป ก็สามารถเที่ยวลิทัวเนียแบบฟินๆ ได้ด้วยการเดินชมย่านเมืองเก่าพร้อมถ่ายรูปฉากหลังสวยๆ เช่น อาคารสไตล์โกธิค โบสถ์ Vytautas และบ้าน Perkunas
ไคลเพดา (Klaipeda)
ไคลเพดาเป็นเมืองสวยที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ดังนั้นนักเดินทางที่วางแผนทริปทัวร์ลิทัวเนียต้องไม่ลืมที่จะใส่ไคลเพดาไว้ในลิสต์ เมืองนี้ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นประตูสู่ทะเลบอลติก มีท่าเรือตั้งอยู่หลายแห่ง ซึ่งทำให้คนที่มาเที่ยวลิทัวเนียมักจะแวะล่องเรือไปตามแม่น้ำ Dane ได้อย่างสนุกสนาน ส่วนใครที่อินเลิฟกับการเดินชมเมืองโบราณ รับรองได้เลยว่าการทัวร์ลิทัวเนียที่เมืองไคลเพดาจะต้องตอบโจทย์อย่างแน่นอน เพราะที่นี่มีย่านเมืองเก่าที่มีบรรยากาศโดดเด่นและเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างไม้ที่แปลกตา และบ้านสีพาสเทลที่เรียงรายอยู่มากมาย
ซิ่วเหลีย (Siauliai)
สายทัวร์ลิทัวเนียที่เตรียมตัวมาปั่นจักรยานเพื่อสำรวจเมืองจะต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะเป็นเมืองใหญ่ แต่ก็มีชื่อเสียงในด้านการปั่นจักรยานชมเมือง เนื่องจากเมืองนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงงานจักรยานที่ส่งออกไปทั่วโลก ที่สำคัญเมืองสวยๆ แห่งนี้ยังโด่งดังในเรื่องช็อกโกแลตแสนอร่อยอีกด้วย นักเดินทางที่มาเที่ยวลิทัวเนียและเป็น chocolate lover จะต้องแวะมาเยือนที่นี่ให้ได้ เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของช็อกโกแลตแบรนด์ดังอย่าง Ruta ซึ่งเปิดโรงงานช็อกโกแลตในปี 1913 และยังคงผลิตช็อกโกแลตมาจนถึงทุกวันนี้
ปาลังกา (Palanga)
อยากสูดอากาศดีๆ พร้อมบรรยากาศแบบชายหาด การมาเที่ยวลิทัวเนียและแวะเมืองปาลังกาจะต้องโดนใจคุณอย่างแน่นอน ปาลังกาเป็นเมืองที่อยู่ติดทะเลและมีรีสอร์ทอยู่หลายแห่ง บอกได้เลยว่าการมาเที่ยวลิทัวเนียที่เมืองนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน โดยชาวลิทัวเนียและชาวยุโรปมักจะแห่แหนกันไปที่ชายฝั่งปาลังกาในช่วงวันหยุดฤดูร้อน เพราะบรรยากาศดี มีแสงแดดส่องถึง ปาลังกาเป็นเมืองที่สวยงาม ซึ่งปัจจุบันได้รับการปรับโฉมให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ลิทัวเนีย ยอดนิยม
โบสถ์เซนต์แอนน์ (The Church of St. Anne)
มาทัวร์ลิทัวเนียทั้งทีก็ต้องแวะแลนด์มาร์กดังที่อยู่ในเมืองหลวงอย่างโบสถ์เซนต์แอนน์เป็นลำดับแรกๆ โบสถ์แห่งนี้สวยงามมากๆ จนมีข่าวลือว่าท่านนโปเลียน โบนปาร์ต ต้องการย้ายโบสถ์ที่สวยงามแห่งนี้ไปตั้งที่ฝรั่งเศสแทน ตัวโบสถ์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวิลเนีย โดยโบสถ์เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 1500 ความงดงามของโบสถ์มาจากการออกแบบตามสถาปัตยกรรมแบบโกธิก
เดอะกลาสควอเตอร์ (Glass Quarter)
วันเที่ยวลิทัวเนียแบบสบายๆ ไม่เน้นเดินทางไกล แนะนำให้ลองแวะมาในย่านสวยๆ อย่างเดอะกลาสควอเตอร์ เดิมทีย่านนี้เป็นย่านของชาวยิวที่มีทั้งช่างทอง ช่างเป่าแก้ว ช่างฝีมือ และนักการเงินอาศัยอยู่ ต่อมาในปี 2018 ได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มมีร้านค้า ร้านบูติก ผู้ค้าอัญมณี ดีไซเนอร์และร้านกาแฟเข้ามาเปิดกันมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ย่านเดอะกลาสควอเตอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสดใสและพลังงานบวกของเมืองวิลนีอุส ดังนั้นหากอยากพักกายจากการทัวร์ลิทัวเนีย ขอแนะนำให้ลองแวะมาใช้วันหยุดที่นี่
นั่งรถไฟกระเช้าไฟฟ้า Žaliakalnis
สำหรับวันทัวร์ลิทัวเนียแบบนอกเมืองอย่างการไปเยือนเคานาส หากอยากทัวร์ลิทัวเนียด้วยวิธีที่แปลกใหม่ แนะนำให้ลองนั่งรถไฟกระเช้าไฟฟ้า Žaliakalnis เพราะถือเป็นหนึ่งในวิธีที่แสนจะเพลิดเพลินในการเดินทางรอบเมือง กระเช้าไฟฟ้าคันเล็กทั้งน่ารักและเหมาะกับการถ่ายรูปอย่างที่สุด
เนินเขาแห่งแม่มด (Hill of Witches)
นักเดินทางที่เบื่อกับการทัวร์ลิทัวเนียแบบเดิมๆ แนะนำให้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่กับการไปเที่ยวนอกเมืองเพื่อแวะชมเนินเขาแห่งแม่มดอันเลื่องชื่อ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในป่าที่เมือง Juodkrante โดยภายในจะเป็นเส้นทางประติมากรรมกลางแจ้งของศิลปะพื้นบ้านที่ทำด้วยไม้ตามตำนานแม่มดอันโด่งดัง เส้นทางสำรวจที่น่าสนใจ ซึ่งต้องผ่านป่าดูแล้วมีมนต์ขลัง โดยเส้นทางนี้จะพานักท่องเที่ยวเดินทางผ่านตำนานและเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งถือเป็นการเที่ยวลิทัวเนียในมุมมองใหม่อีกด้วย
ยูโรปา ปาร์ค (Europa Park)
สร้างรสชาติอันแปลกใหม่ให้กับการทัวร์ลิทัวเนียด้วยการแวะชมยูโรปา ปาร์ค ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ก่อตั้งโดย Gintaras Karosas ในปี 1991 และครอบคลุมพื้นที่ 55 เฮกตาร์ อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน Joneikiškes แต่ที่น่าสนใจก็คือ ภายในมีประติมากรรมมากกว่า 100 ชิ้นที่สร้างสรรค์โดยศิลปินจาก 32 ประเทศ หนึ่งในนั้นคือ ผลงานของศิลปินร่วมสมัยชื่อดังอย่าง Magdalena Abakanowicz, Sol LeWitt และ Dennis Oppenheim
สภาพอากาศและฤดูกาลที่ลิทัวเนีย
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม) หากมาทัวร์ลิทัวเนียในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บางครั้งอาจเจอลมหรือฝนมาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม อุณหภูมิถือว่าค่อนข้างเย็น โดยเดือนมีนาคมจะอยู่ที่ประมาณ 1 องศาเซลเซียส แต่พอเข้าเดือนพฤษภาคมอากาศก็จะอุ่นขึ้น โดยจะอยู่ที่ประมาณ 12 องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่หากมาเที่ยวลิทัวเนียในช่วงนี้ก็อาจจะเจอกับฝนที่ตกชุกในบางวันได้ ฝนเริ่มโปรยปรายในเดือนกรกฎาคม และต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นฤดูร้อน โดยอากาศจะอุ่นขึ้น สำหรับคนที่จะมาทัวร์ลิทัวเนียแต่ไม่ชอบอากาศร้อน แนะนำให้เลี่ยงเดือนกรกฎาคมเนื่องจากเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุด อากาศโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15 – 18 องศาเซลเซียส
- ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) สำหรับคนที่มาทัวร์ลิทัวเนียในช่วงนี้ อาจจะต้องพบกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในกลางวันบางช่วงอาจจะมีหมอกลง บางครั้งในเดือนตุลาคมอาจจะเจอลูกเห็บและหิมะได้ อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนกันยายนประมาณ 3 - 12 องศาเซลเซียส
- ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีหิมะตกหนัก ดังนั้นหากวางแผนจะมาเที่ยวลิทัวเนียโดยเฉพาะในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวและอุปกรณ์กันหนาวที่รับมือกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงถึง -20°C ได้ ฤดูหนาวของลิทัวเนียอาจจะหนาวจัดเนื่องจากลมชายฝั่ง อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวประมาณ -5 องศาเซลเซียส ในเวลากลางวัน และ -10 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน เดือนที่หนาวเย็นที่สุดคือเดือนมกราคม
เที่ยวทัวร์ลิทัวเนีย ใช้งบเท่าไหร่
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับสำหรับการทัวร์ลิทัวเนียไม่ได้ทิ้งห่างจากประเทศอื่นเท่าไหร่ โดยมักจะเริ่มต้นที่ 3 หมื่นกว่าบาท
- ค่ากิน ค่าครองชีพของลิทัวเนียถือว่าไม่สูงมากนัก ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ลิทัวเนียจึงสบายใจเรื่องค่าอาหารได้ โดยอาหารจะตกอยู่ที่จานละ 8 ยูโรหรือ 298 บาท ส่วนฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์ ราคาประมาณ 6 ยูโรหรือ 223 บาท สำหรับมื้ออาหารแบบคอมโบ ซึ่งหากเทียบแล้วก็พอๆ กับแมคโดนัลด์ในเมืองไทย
- ค่าที่พัก หากเน้นมาทัวร์ลิทัวเนียแล้วนอนพักในโรงแรมที่มีชื่อเสียงแบบ 4 – 5 ดาว ค่าห้องก็อาจจะเหยียบหลักหมื่น แต่หากเป็นโรงแรมระดับกลางๆ ค่าที่พักมักจะเริ่มต้นตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป
- ค่าเดินทางและค่าเข้าชมสถานที่ การขนส่งสาธารณะในลิทัวเนียมีความปลอดภัย สะอาด และเชื่อถือได้ ราคาแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง แต่ในเมืองหลวงค่ารถเริ่มต้นที่ราคา 0.65 ยูโร หรือ 24 บาท ต่อ 30 นาที หากนักเดินทางที่มาทัวร์ลิทัวเนียเน้นขึ้นรถสาธารณะเยอะ แนะนำให้ซื้อพาสแบบรายวัน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 5 ยูโร หรือ 186 บาท
อาหารลิทัวเนีย ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
คิบินาอิ (Kibinai)
ทัวร์ลิทัวเนียจนเหนื่อยและอยากหาของว่างเบาๆ เสริมพลัง ขอแนะนำคิบินาอิ ซึ่งหาซื้อได้จากร้านเบเกอรี่ทั่วเมือง คิบินาอิเป็นขนมอบที่ใส่ไส้ และยังสามารถใส่เครื่องปรุงต่างๆ ได้ โดยทั่วไปนิยมใส่ไส้หมูหรือไก่ สำหรับคนที่เป็นมังสวิรัติ แนะนำให้เลือกซื้อไส้เห็ด
ขนมปังแท่งทอด (Kepta Duona)
แนะนำอาหารรองท้องยอดนิยมสำหรับคนที่มาเที่ยวลิทัวเนีย แนะนำให้ขนมปังแท่งทอด โดยขนมปังลิทัวเนียจะมีความพิเศษและเข้มข้นกว่าขนมปังที่เราเคยรับประทานทั่วไป เพราะเขาใช้ขนมปังข้าวไรย์สีเข้มหั่นเป็นเส้นแล้วทอด และมักจะใส่ซอสชีสโรยอยู่ด้านบน ทำให้รสชาติเข้มข้น เหมาะกับวันที่ทัวร์ลิทัวเนียจนเหนื่อยและทานมื้อใหญ่ๆ ไม่ไหว
คร็อกเก้ (Croquettes)
หากมีโอกาสแวะร้านอาหารลิทัวเนีย ต้องไม่ลืมที่จะลองส่งคร็อกเก้มาเป็นเครื่องเคียงอาหารจานหลัก สำหรับคนที่เหนื่อยจากการเที่ยวลิทัวเนีย และทานค่อนข้างน้อย หากชิมเมนูนี้ไปไม่กี่ชิ้นก็แทบจะอิ่มท้องได้เลย
ปลาเฮอริ่ง (Herring)
คนที่มาทัวร์ลิทัวเนียน่าจะพอทราบดีอยู่แล้วว่า ประเทศนี้ติดกับชายฝั่ง ดังนั้นเมนูอาหารแทบจะทุกแห่งจึงมักจะมีปลาเฮอริ่งให้คุณได้ลิ้มลอง มีทั้งแบบเค็ม รมควัน หรืออบก็ได้ โดยส่วนใหญ่มักจะเสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงมากมายจนมองแทบไม่เห็นตัวปลา แต่หากไม่ชอบความคาวของปลาชนิดนี้ แนะนำให้สั่งเป็นเนื้อประเภทอื่นแทน
ติงกินีส (Tinginys)
หลังจากอิ่มจากเมนูหลักแล้ว ก็ต้องมาปิดท้ายด้วยของหวาน จึงจะคอมพลีทการเดินทางท่องเที่ยวลิทัวเนียอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเมนูนี้เป็นขนมลิทัวเนียแสนอร่อย มีรสชาติที่กลมกล่อมแบบที่จะต้องสั่งเพิ่มมาเป็นจานที่สอง ส่วนประกอบหลักจะมีช็อกโกแลตและบิสกิต
แหล่งช้อปปิ้งในลิทัวเนีย ยอดนิยม
อโครโปลิส (AKROPOLIS)
นักท่องเที่ยวที่แวะมายังเคานาสสามารถสนุกสนานไปกับการช้อปปิ้งได้ที่ห้างดังอย่าง “อโครโปลิส” ห้างแห่งนี้ถือเป็นห้างใหญ่ที่สุดประจำเมือง และใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศเลยทีเดียว ดังนั้นหากจะช้อปสินค้าแบรนด์ดัง หรือจะซื้อของฝากให้คนไกลบ้าน ที่อโครโปลิสมีทุกสิ่งให้คุณได้เลือกช้อปปิ้งอย่างเต็มที่
เมก้า (Mega)
แม้จะเป็นห้างใหม่ที่มาทีหลัง แต่ก็ถือเป็นห้างที่ผู้คนในเมืองเคานาสชื่นชอบเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่เริ่มล้ากับการเที่ยวลิทัวเนียเชิงประวัติศาสตร์ แนะนำให้มาช้อปคลายเครียดได้ที่นี่ เพราะห้างแห่งนี้มีร้านค้าและร้านอาหารกว่า 130 ร้าน นอกจากนี้ยังมีสถานบันเทิงแบบครบวงจรอีกด้วย อาทิเช่น โรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์ โรงโบว์ลิ่ง ศูนย์สุขภาพ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ รับรองว่าสามารถมาเที่ยวได้ทั้งวันเลยทีเดียว
ถนนพีเลียส (Piliest Street)
วกกลับมาเที่ยวที่เมืองหลวงกันบ้าง แม้จะเที่ยวลิทัวเนียมาหลายเมือง แต่ก็คงไม่มีที่ไหนช้อปปิ้งได้สนุกเท่ากับถนนสายช้อปปิ้งแห่งนี้อีกแล้ว เพราะในย่านนี้มีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านบูติก ร้านหนังสือ คาเฟ่ รวมไปถึงร้านดังอย่าง AJ Chocolate ยอดนิยมที่มีเค้กแสนอร่อยคอยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยือน
คัลวาริจู ทูร์กัส (Kalvariuj)
สำหรับคนที่มาเที่ยวลิทัวเนียแล้วอยากสัมผัสกับแหล่งช้อปปิ้งแบบพื้นเมือง แนะนำให้ลองแวะมาที่ตลาดคัลวาริจู ทูร์กัส เพราะที่นี่เป็นตลาดผักที่ใหญ่ที่สุดในเมืองวิลนีอุส นอกจากจะสามารถหาซื้อผักและผลไม้ตามฤดูกาลได้ที่นี่แล้ว ภายในตลาดยังมีของขายประเภทอื่นๆ เช่น ชีส เนื้อ เสื้อผ้า ขนมอบ และของใช้ในครัวเรือนอื่น ๆ แถมราคายังเป็นมิตรกับงบประมาณอีกด้วย
ถนน Didžioji และศาลากลาง (Didžioji Street & Town Hall)
นักช้อปสายแบรนด์เนม แนะนำให้แวะมาที่ย่านศาลากลางของเมืองเก่าวิลนีอุส นอกจากเป็นย่านที่มีสถาปัตยกรรมเมืองเก่าที่งดงามแล้ว ที่นี่ยังมีสินค้าแบรนด์ดังมากมาย เช่น MaxMara , Burberry และ Hugo Boss และหากเริ่มเหนื่อยกับการช้อปปิ้ง แถวนี้ก็มีคาเฟ่ดีๆ ให้แวะพักกายอีกด้วย
โรงแรมและที่พักในลิทัวเนียแนะนำ
Hotel Pacai, Vilnius, a Member of Design Hotels
สำหรับใครที่มาทัวร์ลิทัวเนียแล้วมองหาที่พักที่มีสไตล์และตกแต่งอย่างงดงาม โรงแรม Hotel Pacai ถือว่าตรงใจคุณอย่างแน่นอน Hotel Pacai เป็นโรงแรมมีดีไซน์ระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ในอาคารโบราณสไตล์บาโรก ซึ่งมีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงปี 1677 แต่ด้วยความที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ห้องพักแต่ละห้องจึงสวยงามราวกับเข้าพักที่พระราชวังเลยทีเดียว ค่าที่พักเริ่มต้นคืนละ 10,000 บาท
Radisson Collection Astorija Hotel, Vilnius
อยากพักผ่อนอย่างมั่นใจตามมาตรฐานโรงแรมระดับโลก แนะนำ Radisson แห่งนี้ ด้วยโลเคชันที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าของ Vilnius ทำให้คุณสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ที่สำคัญโรงแรมมีระดับแห่งนี้ราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 6,000 บาทเท่านั้น
Narutis Hotel
ถือเป็นอีกโรงแรมในย่าน Old town ที่ควรค่าแก่การพักผ่อนมากๆ โดยโรงแรม Narutis Hotel ตั้งอยู่บนถนนสายหลักของ Old Town ทำให้สามารถเดินเที่ยวได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ที่สำคัญห้องพักยังตกแต่งไว้อย่างสวยงามน่าอยู่อีกด้วย ค่าที่พักเริ่มต้นคืนละ 7,800 บาท
Kaunas
สำหรับคนที่มาพักค้างคืนที่เมืองเคานาส แนะนำให้จองที่พักที่โรงแรม Kaunas ได้เลย เพราะโรงแรมนี้ออกแบบได้หรูหราและคลาสสิกมาก เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวแห่งที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวสะดวกมากยิ่งขึ้น ค่าที่พักเริ่มต้นคืนละ 3,500 บาท
Radisson Hotel Kaunas
โรงแรม Radisson สาขาเมืองเคานาสถือเป็นโรงแรมยอดนิยม เพราะเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โดยห่างจาก Laisves Aleja ซึ่งมีคาเฟ่และร้านอาหารเพียง 185 เมตร และห่างจากห้างดังอย่าง Akropolis Shopping Centre เพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ผู้เข้าพักยังสามารถใช้บริการห้องซาวน่าได้ฟรีอีกด้วย
แนะนำของฝาก ลิทัวเนีย
Uoga Uoga
หากกำลังมองหาของฝากให้เพื่อนหรือญาติผู้หญิง แนะนำสกินแคร์แบรนด์ Uoga Uoga ซึ่งแปลว่า "เบอร์รี เบอร์รี" โดยแบรนด์นี้โด่งดังในเรื่องการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ มีสินค้าหลากหลายมากๆ ตั้งแต่เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ไปจนถึงแชมพู แถมยังมีขายในซูเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย
เข็มขัดทอ
อยากได้สินค้าแฮนด์เมดที่น่าประทับใจ เข็มขัดทอหรือผ้าคาดเอวทอแบบลิทัวเนียถือเป็นของฝากที่ทรงคุณค่าและน่าสนใจมากๆ โดยส่วนใหญ่การดีไซน์ของเข็มขัดชนิดนี้จะได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องแต่งกายพื้นบ้านของชาวลิทัวเนีย นอกจากนี้ตัวเข็มขัดมักเลือกใช้สีสันที่สดใส แถมหาซื้อได้ตามตลาดนัดกลางแจ้งอีกด้วย
เค้กต้นไม้ (Sakotis)
หลายคนทนความคิ้วท์ไม่ไหว จึงต้องซื้อเค้กต้นไม้ลิทัวเนียหรือซาโกทิสกลับไปฝากคนที่บ้าน ตัวเค้กกลวงและมีหนามแหลม ซึ่งไม่ได้อ่อนยวบเหมือนเค้กทั่วไป ดังนั้นพกเดินทางได้อย่างสะดวก สามารถหาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตและตลาดกลางแจ้ง
ช็อกโกแลต Ruta
ช็อกโกแลตแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วลิทัวเนีย มีหลากหลายแพ็กเกจและหลากหลายรสชาติให้เลือกซื้อ ที่สำคัญราคาไม่แรงแถมยังพกพาใส่กระเป๋าได้ง่ายอีกด้วย
ไวน์ผลไม้
ลิทัวเนียผลิตไวน์เบอร์รีและไวน์ผลไม้ที่มีรสหวานกว่าไวน์องุ่น ดังนั้นสายหวานหรือสาวๆ ที่อยากลองดื่มไวน์แบบทานง่ายๆ จะเหมาะกับไวน์ชนิดนี้เป็นอย่างยิ่ง
แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ ที่น่ารัก แต่ลิทัวเนียก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย จะน่าเสียดายมากๆ หากผู้มาเยือนลิทัวเนียให้ความสนใจเพียงแค่การเยี่ยมเยียนเมืองหลวงอย่างวิลนีอุส เพราะแท้จริงแล้วประเทศบอลติกแห่งนี้มีอะไรมากกว่าเมืองหลวงที่แสนจะโด่งดัง ดังนั้นแนะนำให้วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เผื่อโอกาสในการไปยลโฉมเมืองรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเมืองชายฝั่งที่สวยงาม หรือตะลุยผจญภัยไปกับอุทยานแห่งชาติที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม