การไปทัวร์อินเดียอาจจะทำให้คุณได้พบเจอกับการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่อย่างที่คาดไม่ถึง เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งไทยทั้งเทศต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเที่ยวอินเดียนั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ เปรียบเสมือนเป็นการเปิดประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา รวมถึงเป็นการเปิดโลกที่ทำให้เราเห็นมุมที่แตกต่างของวิถีชีวิตระหว่างความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรมจารีตประเพณี การมาทัวร์อินเดียจะทำให้เราได้สัมผัสกับสถานที่และบรรยากาศที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก ซึ่งจะทำให้คุณตกหลุมรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ข้อมูลเที่ยวทัวร์อินเดีย
ในปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก โดยอินเดียนั้นล้อมรอบไปด้วยชายฝั่งตะวันออกและตะวันตก ทางทิศใต้ติดกับอ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับและมหาสมุทรอินเดีย ส่วนทางตอนเหนือจะมีภูเขาสูงใหญ่และมีพรมแดนติดกับบังกลาเทศ จีน เนปาล ภูฏาน เมียนมา และปากีสถาน นอกจากนี้ยังมีที่ราบสูงคาบสมุทรและที่ราบชายฝั่ง ซึ่งมีแม่น้ำสายเล็กๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีหมู่เกาะหลัก 2 กลุ่ม ได้แก่ หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ในอ่าวเบงกอล และหมู่เกาะลักษทวีปในทะเลอาหรับ
ด้วยขนาดพื้นที่อันกว้างจึงทำให้อินเดียมีภูมิประเทศที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นการจะเที่ยวอินเดียให้ครบจบในไม่กี่วันจึงยากที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้สภาพอากาศของอินเดียในแต่ละภูมิภาคก็ค่อนข้างต่างกัน มีทั้งร้อนจัด หนาวจัด รวมถึงลมมรสุมต่างๆ ดังนั้นการวางแผนเที่ยวอินเดีย เราจึงควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ก่อนออกเดินทางด้วยเช่นกัน
ทัวร์อินเดียแนะนำตามเมืองยอดนิยม
1. ทัวร์ชัยปุระ
การไปทัวร์อินเดีย เยี่ยมชมมหานครสีชมพูอันงดงามแห่งนี้ถือเป็นพิกัดปักหมุดของเหล่านักเดินทาง เมืองชัยปุระหรือ Jaipur เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับ 10 ของเมืองในอินเดียเลยทีเดียว ดังนั้นเมืองนี้จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย สีชมพูที่สว่างไสวทำให้รัฐราชสถานแห่งนี้มีสีสันและกลายเป็นจุดหมายปลายทางแปลกใหม่ที่รู้จักกันในนาม 'เมืองสีชมพูของอินเดีย' หรือบางคนก็เรียกว่าเป็น ‘ปารีส’ แห่งอินเดียเลยทีเดียว ชัยปุระสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ภายใต้คำสั่งของ Rajput ruler Sawai Raja Jai Singh II โดยตัวเมืองล้อมรอบไปด้วยกำแพงเมืองและป้อมปราการหลายแห่ง ที่สำคัญโทนสีชมพูแสนโรแมนติกของอาคารต่างๆ นั้นมีอยู่คู่เมืองนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2419 โดยทาสีชมพูเพื่อต้อนรับเจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามีของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย การเที่ยวอินเดียโดยแวะที่เมืองนี้ ไม่ควรที่จะพลาดแลนด์มาร์กดังๆ เช่น พระราชวัง (City Palace) จันตาร์ มันตาร์ (Jantar Mantar) ฮาวา มาฮาล (Hawa Mahal) และป้อมแอมเบอร์ (Albert Fort) เป็นต้น
2. ทัวร์มุมไบ
หากต้องการทัวร์อินเดียในเมืองที่มีความหลากหลาย เราขอแนะนำให้คุณแวะมาเที่ยวอินเดียที่เมืองมุมไบแห่งนี้ เพราะมุมไบเป็นเมืองใหญ่อันดับ 1 ในแง่ประชากร แต่เล็กกว่าเดลีในแง่ขนาดของพื้นที่ เป็นแหล่งรวมความทันสมัย ความเป็นสากลมากที่สุดของอินเดีย เต็มไปด้วยร้านอาหารรสเลิศ โรงแรมหรูระดับห้าดาว ที่อยู่อาศัยที่หรูหราของดาราดังบอลลีวูด และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังมีผู้คนที่อยู่กันอย่างแออัดและใช้ชีวิตแบบตรงกันข้ามกับความหรูหราอีกมากมายด้วยเช่นกัน ด้วยความที่มุมไบเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดีย การเดินทางและการคมนาคมจึงสะดวกมากๆ เพียงแค่นั่งรถไฟใต้ดิน 15 นาทีก็จะพาคุณออกจากสลัมที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลกไปยังบ้านที่แพงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นอาคารสูง 27 ชั้นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ในทางตอนใต้ของมุมไบ สำหรับคนที่ชอบศิลปะ ต้องไม่พลาดแวะชมมรดกทางศิลปะอาร์ตเดโคที่น่าประทับใจอย่างเดโค ซาราเซนิก (Deco Saracenic) ซึ่งเป็นบ้านสวยๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนนมารีนไดรฟ์ในเซาท์บอมเบย์ โดยถือเป็นคอลเลกชันอาคารอาร์ตเดโคที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
3. ทัวร์นิวเดลี
การมาทัวร์อินเดียคงจะไม่ครบถ้วน หากไม่ได้มาเยือนเมืองหลวงของอินเดียอย่างเมืองนิวเดลีแห่งนี้ ภายในเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีประชากรมากถึงเกือบ 20 ล้านคน ดังนั้นนิวเดลีจึงทำให้คุณเที่ยวอินเดียได้อย่างครบรสอย่างแน่นอน นอกจากนี้เมืองเดลีก็เป็นเมืองที่เป็นทั้งศูนย์กลางทางศาสนาและประตูระหว่างพรมแดนประเทศที่สำคัญ มีแม่น้ำสายเก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์ และสำหรับคนที่มาเที่ยวอินเดียและเป็นสายช้อป ต้องไม่พลาดกับการช้อปปิ้งในกรุงนิวเดลี เพราะเมืองนี้มีตลาดที่คึกคักซึ่งมีสินค้าราคาถูกมากมาย แถมยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่คอยดับร้อนและรอคุณมาช้อปอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ผู้มาทัวร์อินเดียและแวะมาเดลีต่างก็ใช้เวลาอยู่ในเมืองใหญ่แห่งนี้ค่อนข้างนาน สถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดเช่น วัดดอกบัว (The Lotus Temple) ป้อมแดง (The Red Fort) กุตับมีนาร์ (Qutub Minar) สวนโลดิ (Lodi Gardens)
4. ทัวร์ไฮเดอราบัด
แม้หลายคนจะไม่คุ้นชื่อเมืองนี้ แต่บอกได้เลยว่า หากคุณได้แวะมาเที่ยวที่นี่จะต้องประทับใจอย่างแน่นอน เมืองไฮเดอราบัดเป็นเมืองหลวงของจังหวัดเตลังคานา อยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากถึง 400 ปี มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน ที่สำคัญเมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตของอินเดีย แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft India ก็ยังตั้งอยู่ในเมืองนี้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้เมืองไฮเดอราบัดจึงมีชื่อเล่นว่า "Cyberabad" ซึ่งความเจริญแบบนี้ทำให้เมืองนี้มีทุกสิ่งที่นักเดินทางต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และแหล่งบันเทิง นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจอยู่หลายแห่ง เช่น มัสยิดชาร์มินาร์ (Charminar) ป้อมกอลคอนดา (Golconda) พระราชวังมหาลา (Chowmahalla) และมัสยิดมักกะห์ (Makkah Masjid) เป็นต้น
5. ทัวร์โกลกาตา
เมืองโกลกาตาเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของอินเดียที่ต้องจดไว้ในลิสต์สำหรับทริปทัวร์อินเดีย การมาเที่ยวอินเดียและแวะมาเยือนเมืองนี้จะทำให้คุณได้พบกับวัฒนธรรมและสีสันของชีวิตแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน มหานครอายุกว่า 300 ปีแห่งนี้ถือเป็นเมืองหลวงทางปัญญา ศิลปะ และวัฒนธรรม นอกจากนี้ในอดีตโกลกาตาเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของอาณานิคมบริติชอินเดีย ดังนั้นจึงมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมจำนวนมากที่เหมาะกับการเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นอนุสรณ์วิคตอเรียที่คงไว้ด้วยประวัติศาสตร์และความสวยงาม วัดทักษิเณศวร กาลี วัดที่มีดีไซน์ทางสถาปัตยกรรมสวยสะดุดตา หรือจะแวะย่านไชน่าทาวน์ ซึ่งถือเป็นไชน่าทาวน์แห่งเดียวในอินเดีย แถมยังเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองอาหารแสนอร่อยอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวอินเดีย ยอดนิยม
1.ทัชมาฮาล (Taj Mahal)
ทัชมาฮาลตั้งอยู่ในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย เป็นส่วนหนึ่งของสามเหลี่ยมวัฒนธรรมที่เรียกว่าอัคราชัยปุระและนิวเดลี ห่างจากนิวเดลีเพียงไม่กี่ชั่วโมง เชื่อว่าหลายคนที่มาทัวร์อินเดียจะต้องอยากไปทัชมาฮาลอย่างแน่นอน เพราะเราเรียนรู้กันมาว่า นอกจากทัชมาฮาลจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังงดงามและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของความรักและความผูกพัน ปัจจุบันทัชมาฮาลแทบจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักสำหรับผู้มาทัวร์อินเดียก็ว่าได้ โดยทัชมาฮาลได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกและถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจที่สุดในโลกอีกด้วย
พิกัดท่องเที่ยว : Dharmapuri, Forest Colony, Tajganj, Agra, Uttar Pradesh 282001, India
2. แม่น้ำคงคา (Ganges River)
แม้ว่าแม่น้ำคงคาจะไม่ได้ดูใสไหลเย็นแบบแม่น้ำในประเทศสวิตฯ แต่แม่น้ำคงคาก็ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในการทัวร์อินเดียที่เราต้องปักหมุดเอาไว้ เพราะหากมาทัวร์อินเดียแล้วไม่ได้มายลโฉมแม่น้ำแห่งนี้ให้เห็นกับตาตัวเอง ก็ถือว่าพลาดของดีอย่างแน่นอน เพราะแม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในอินเดีย ถือเป็นกระดูกสันหลังของกิจกรรมทางศาสนาในอินเดีย โดยชาวฮินดูเชื่อว่าแม่น้ำคงคานั้นมีความศักดิ์สิทธิ์จนทำให้หลายคนเดินทางไปที่เมืองพาราณสีเพื่อล้างบาปในน้ำ ด้วยความสำคัญดังกล่าว ผู้คนนับล้านต่างก็มาเยี่ยมชมแม่น้ำคงคา ดังนั้นสายทัวร์อินเดียจึงไม่ควรพลาดในการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันทรงพลัง ณ แม่น้ำแห่งนี้
พิกัดท่องเที่ยว : Ganges River
3. ทะเลสาบปางกง (Pangong Lake, Ladakh)
แม้ว่าผู้คนที่มาทัวร์อินเดียต่างก็พูดถึงสถาปัตยกรรมอันงดงามที่มีอยู่ทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์อินเดียบางคนอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศและไปชมธรรมชาติสวยๆ แทน ดังนั้นการมาทัวร์อินเดียและแวะที่ทะเลสาบปางกงจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน ทะเลสาบปางกงเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยในเมืองลาดัก อยู่ระหว่างอินเดียและทิเบต อาจจะเดินทางลำบากแต่สายธรรมชาติที่มาทัวร์อินเดียหลายคน ต่างก็มุ่งหน้ามายังลาดักโดยเฉพาะเพื่อมายลโฉมความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงทะเลสาบได้โดยการขับรถ 4-5 ชั่วโมงจากตัวเมือง ผ่านชาง ลา (Changla Pass) อันงดงามเพื่อมาเที่ยวชมน้ำทะเลสีฟ้าที่สวยสะกดจิตและฝูงนกอพยพจำนวนมากได้ที่นี่
พิกัดท่องเที่ยว : Pangong Tso
4.วัดอักชาร์ดัม (Akshardham)
การแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแวะไหว้พระถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์อินเดีย เพราะอินเดียเป็นต้นกำเนิดแห่งศาสนาที่หลากหลาย ดังนั้นหากมีโอกาสมาเที่ยวอินเดียและแวะเมืองนิวเดลี คุณจึงไม่ควรพลาดการเข้าชมวัดที่สวยงามอลังการอย่าง ‘วัดอักชาร์ดัม’ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2548 มีรูปเคารพมากกว่า 200 รูป โดยสร้างเพื่ออุทิศให้กับศาสนาฮินดูและมักจะมีการสวดมนต์และงานเฉลิมฉลองต่างๆ จัดขึ้นตลอดทั้งปี
พิกัดท่องเที่ยว : Noida Mor, Pandav Nagar, New Delhi, Delhi 110092, India
5.ถ้ำอชันตาและถ้ำเอลโลรา (Ajanta and Ellora Caves)
หากมองหาทริปทัวร์อินเดียที่แปลกใหม่ ขอแนะนำให้แวะมาเที่ยวที่ถ้ำแห่งนี้ รับรองเลยว่าคุณจะได้เที่ยวอินเดียในมุมใหม่อย่างแน่นอน ถ้ำอชันตาตั้งอยู่ที่เมืองออรังกาบัด เป็นถ้ำที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว บริเวณถ้ำอชันตาส่วนใหญ่ประกอบด้วยอนุสาวรีย์หินตัดที่อุทิศให้กับประเพณีทางพุทธศาสนาโบราณ ในขณะที่ถ้ำเอลโลรามีอนุสรณ์สถานฮินดู พุทธ และเชนที่สร้างขึ้นในสมัยจักรวรรดิรัชตระกุตา ดังนั้นบอกเลยว่าหากอยากได้ฟีลทัวร์อินเดียแบบย้อนยุคผจญภัย ที่นี่คือที่ๆ ใช่สำหรับคุณอย่างแน่นอน
พิกัดท่องเที่ยว : Ellora Cave Rd, Ellora, Maharashtra 431102, India
อาหารอินเดียแนะนำ ที่ต้องลอง
1.ข้าวหมกไก่ (Chicken Briyani)
เที่ยวอินเดียอย่างเหน็ดเหนื่อย ต้องไม่ลืมแวะชิมอาหารจานเด็ดเพื่อเพิ่มพลังอย่างข้าวหมกไก่สไตล์อินเดีย โดยคำว่า Biryani มาจากคำภาษาเปอร์เซีย Birian ซึ่งแปลว่า 'ผัดก่อนหุง' หลายคนจึงเชื่อว่าข้าวหมกบริยานีมีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซียและถูกชาวมุกัลพานำมายังอินเดีย ต่อมาได้รับการปรับปรุงสูตรจากครัวราชวงศ์โมกุล จึงทำให้อาหารจานเด็ดจานนี้ถูกปรุงด้วยเครื่องเทศและข้าวหอม kewra ที่มีกลิ่นหอมจนไม่อาจต้านทานได้
2. โมโม่ (Momo)
ใครมาทัวร์อินเดียแล้วเห็นอาหารจานเด็ดอย่างโมโม่ ก็มักจะนึกว่าเป็นอาหารจีนอย่างแน่นอน เพราะหน้าตานั้นเหมือนเกี๊ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆ โมโม่นั้นเป็นอาหารทิเบตที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน และต่อมาก็มีการนำมาประยุกต์ให้เป็นอาหารจานอร่อยในอินเดีย โดยอาจจะสอดไส้แกะหรือจามรีแทนไส้หมูแบบที่เราคุ้นเคย
3. แกงไก่ (Chicken Tikka Masala)
เพียงแค่รูปแกงไก่ทิกก้ามาซาล่าติดอยู่หน้าร้านอาหาร ก็ทำเอาสายทัวร์อินเดียอย่างเราท้องร้องกันเป็นแถบๆ เพราะภาพแกงไก่สีสันจัดจ้านนั้นน่าลิ้มลองเสียจริงๆ โดยเมนูนี้ประกอบด้วยชิ้นไก่หมักย่างในน้ำเกรวี่รสเผ็ดเข้มข้น โดยสีน้ำเกรวี่มักจะเป็นสีครีมและสีส้มซึ่งทำให้ดูน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง
4. ปานีปูรี (Pani Puri)
หากไปเที่ยวอินเดีย คุณจะได้พบเจอกับปานีปูรี ขนมที่หน้าตาแปลกๆ ซึ่งทำจากปูริหรือขนมปังกลมกลวงๆ ที่ทอดจนกรอบแล้วยัดไส้ด้วยน้ำปรุงรสที่เรียกว่าปานี ซึ่งให้รสชาติกลมกล่อม ที่สำคัญไปทัวร์อินเดียนั้นหาซื้อขนมปานีปูรีได้ง่ายอย่างแน่นอนเพราะเป็นสตรีทฟู้ดยอดนิยม
5. ชาท (Chaat)
ขนมอร่อยสำหรับคนที่ไปทัวร์อินเดียต้องลิ้มลอง ชาทนั้นมาจากคำภาษาฮินดีสามคำที่แปลว่า 'อาหารอันโอชะ' 'เลียนิ้ว' และ 'กินอย่างเอร็ดอร่อย' เป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมของมันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ขนมปังทอดกรอบ และถั่วชิกพี โรยด้วยใบผักชีสด โยเกิร์ต ขิงแห้งและซอสมะขาม หาทานได้ง่ายมาก หากไปเที่ยวอินเดียย่านสตรีทฟู้ดมักจะเจอขนมชาทตั้งแผงขายอยู่มากมาย
แนะนำของฝาก อินเดีย
• ผ้าคลุมไหล่แพชมินา (Pashmina) เป็นของฝากยอดฮิตจากทริปทัวร์อินเดีย เพราะผ้าคลุมแพชมินานั้นทำมาจากขนแกะของแพะแพชมินา ให้ความรู้สึกละเอียด นุ่มและเบาสบายมากๆ
• พรมแคชเมียร์ ของฝากชิ้นเด็ดอีกอย่างที่หาซื้อได้ง่ายแถมยังดีต่อใจอีกด้วย เพราะทำด้วยมืออย่างประณีตและงดงาม
• ส่าหรี เครื่องแต่งกายที่งดงามประจำชาติอย่างส่าหรี ถือเป็นของฝากจากทริปทัวร์อินเดียที่สร้างความประทับใจได้อย่างแน่นอน เพราะมีดีไซน์มากมายให้เลือกมากกว่า 25 แบบ
• รองเท้าอินเดีย ถือเป็นรองเท้าที่มีเอกลักษณ์และมีสีสวยสดงดงาม มักจะมีลายปักสวยๆ แต่ที่สำคัญอย่าลืมเช็คไซส์ก่อนซื้อเสมอ
• ชาอินเดีย ของฝากชิ้นเบาๆ แต่ให้รสชาติที่กลมกล่อม เพราะอินเดียขึ้นชื่อในเรื่องของชาอยู่แล้ว แนะนำให้ซื้อชาชื่อดัง เช่น ชาอัสสัม ชาดาร์จีลิ่ง
สภาพอากาศอินเดีย
การไปทัวร์อินเดีย หากเลือกไปผิดฤดูกาล อาจจะหมดสนุกเอาได้ง่ายๆ เพราะอาจจะเจอกับมรสุม ฝนตกหนัก หรืออากาศร้อนจัดจนทำให้ไม่อยากออกไปเที่ยวที่ไหน ดังนั้นการวางแผนทัวร์อินเดียที่ดี เราจึงควรศึกษาสภาพอากาศก่อนตัดสินใจเลือกเดือนที่จะเดินทางไปเที่ยวอินเดีย
• ฤดูหนาว เดือนธันวาคมและมกราคมเป็นเดือนที่หนาวที่สุด อุณหภูมิจะค่อยๆ ลดลง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10 – 15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงขึ้นทางทิศตะวันออกและใต้
• ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม อุณหภูมิสูงกว่า 32 องศาเซลเซียส หลายแห่งมักจะเกิน 40 หรืออาจแตะถึง 50 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่
• ฤดูมรสุม มรสุมฤดูร้อนตะวันตกเฉียงใต้ กินระยะเวลาถึง 4 เดือน จะอยู่ในช่วงมิถุนายน – กันยายน จึงทำให้การเที่ยวอินเดียหมดสนุก ด้วยพายุฝนฟ้าคะนองที่ครอบงำสภาพอากาศของอินเดีย
• ฤดูใบไม้ร่วง (หลังมรสุม) เป็นช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ช่วงนี้อากาศจะแห้ง เย็น ลมพัดผ่านเทือกเขาหิมาลัยและไหลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ทั่วประเทศ ส่งผลให้ท้องฟ้าแจ่มใสและมีแดดจัด อุณหภูมิจะอยู่ที่ 28 ถึง 34 องศาเซลเซียส
โรงแรมและที่พักอินเดีย แนะนำ
ภาพจาก : Zostel Mumbai
• Zostel Mumbai สายประหยัด แต่เน้นความสบายและความเป็นส่วนตัว ขอแนะนำ Zostel ที่อยู่ในมุมไบ ห้องเดี่ยวมีห้องน้ำส่วนตัว แถมมีแอร์ ราคาเริ่มต้นเพียง 890 บาท
พิกัดที่พัก : Karotra Niwas, off Military Road, near Prime Academy School, Marol, Andheri East, Mumbai, Maharashtra 400059, India
• Hotel Arya Niwas ไปเที่ยวชัยปุระ ขอแนะนำที่นี่ เพราะราคาดีแถมยังสะดวกสบายอีกด้วย โดยราคาเริ่มต้นเพียง 880 บาท ได้ทั้งห้องส่วนตัว มีแอร์และห้องน้ำในตัว ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกด้วย
พิกัดที่พัก : Sansar Chandra Rd, behind Amber Tower, Pink City, Jaipur, Rajasthan 302001, India
• Hotel Bricks, Karol Bagh ที่พักราคาย่อมเยาประจำเมืองนิว เดลีแห่งนี้ ราคาเริ่มต้นเพียง 685 บาท มีทั้งแอร์และห้องน้ำส่วนตัว แถมยังอยู่ใกล้ตลาดอีกด้วย
พิกัดที่พัก : T - 2404, Faiz Rd, Karol Bagh, New Delhi, Delhi 110005, India
แหล่งช้อปปิ้งอินเดีย ที่ต้องไป
• โคลาบาคอสเวย์ (Colaba Causeway) มาทัวร์มุมไบต้องแวะมาช้อปในย่านนี้ เพราะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ละลายทรัพย์อย่างครบวงจร โดยด้านในมีแผงขายของ พร้อมกับสินค้าแทบทุกประเภทให้เลือก
พิกัดช้อปปิ้ง : Mumbai, Maharashtra, India
• ตลาดจันทร์เพ็ญ (Janpath Market) หากมองหางานคราฟต์แล้วมาเที่ยวที่เดลี ต้องแวะมาตลาดแห่งนี้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งงานฝีมือที่น่าสนใจ เช่น ภาพวาด เครื่องหนัง เครื่องประดับ รองเท้า งานฝีมือ เสื้อผ้า
พิกัดช้อปปิ้ง : J6H9+JGJ, Janpath Rd, Janpath, Connaught Place, New Delhi, Delhi 110001, India
• ตลาดใหม่ (New Market) เป็นหนึ่งในตลาดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่ในโกลกาตา มีร้านค้ากว่า 2,000 ร้าน ขายสินค้าทุกประเภท มีร้านดังอย่าง Jamdani, Tant, Tasar Silk ที่มีชื่อเสียงอยู่ที่นี่ด้วย
พิกัดช้อปปิ้ง : Dharmatala, Taltala, Kolkata, West Bengal, India
เที่ยวอินเดียเดือนไหนดี
ช่วงไฮซีซันที่เหมาะกับการเที่ยวคือ ธันวาคมถึงมีนาคม อากาศกำลังสบายๆ เหมาะกับการไปเที่ยวชายหาด เที่ยวป่าเขา และทัวร์วัด นอกจากนี้หากต้องการเที่ยวอินเดียในโซนเทือกเขาหิมาลัย ควรไปช่วยมิถุนายน – พฤศจิกายน เพราะฝนเริ่มจางหาย อากาศกำลังเย็นสบายพอดีๆ
หากคิดจะมาเที่ยวอินเดีย สิ่งสำคัญคือ การเลือกเดือนที่มีอากาศกำลังสบายๆ และอย่างที่เราได้แนะนำไปข้างต้น ช่วงหน้าหนาวบรรยากาศจะดีเป็นพิเศษ ดังนั้นแนะนำการเยี่ยมชมอินเดียในช่วงปลายปีและต้นปี ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นถึงอบอุ่น ท้องฟ้าสดใส แต่หากไม่ถูกกับอากาศหนาวจัด ควรหลีกเลี่ยงเดือนธันวาคมและมกราคม และต้องไม่ลืมว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นในเดือนเมษายนและพฤษภาคมอาจส่งผลต่อการเดินทาง เพราะว่าอาจมีความชื้นและพายุฝนฟ้าคะนองสูง