ใครที่วางแผนจะไปเที่ยวยุโรป อยากให้ลองคิดถึงการทัวร์เอสโตเนียเพิ่มอีกสักแห่ง เพราะประเทศในยุโรปเหนือแห่งนี้นอกจากจะมีพรมแดนติดกับฟินแลนด์ สวีเดน รัสเซียและลัตเวียแล้ว ยังเป็นประเทศที่สวยงามเต็มไปด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ แถมการไปทัวร์เอสโตเนียยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่เพื่อพบกับศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์ของกรุงทาลลินน์ และประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งที่มีเอกลักษณ์ยาวนานนับพันปีผ่านการเที่ยวเอสโตเนียที่ไม่เหมือนใคร
ข้อมูลเที่ยวทัวร์เอสโตเนีย
หากคุณกำลังมองหาเพชรเม็ดงามที่แฝงตัวอยู่ในยุโรป คำตอบที่ดีที่สุดคือการออกเดินทางไปทัวร์เอสโตเนียแบบเจาะลึกนั่นเอง เพราะเอสโตเนียเป็นประเทศริมทะเลบอลติกในยุโรปที่งดงาม แม้จะมีพื้นที่เพียงแค่ 45,339 ตารางกิโลเมตร แต่ก็เป็นประเทศที่ทันสมัย เอสโตเนียมีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคไวกิ้ง แถมยังเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ดึกดำบรรพ์อย่าง Homo sapiens ตั้งแต่ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล ประชากรพื้นเมืองในยุคกลางของเอสโตเนียเป็นหนึ่งในอารยธรรมนอกรีตแห่งสุดท้ายในยุโรปที่หันมานับถือศาสนาคริสต์ การทัวร์เอสโตเนียจะเปิดโลกใบใหม่ และทำให้ใครต่อใครต่างก็ต้องหลงเสน่ห์กับเมืองโบราณแบบเทพนิยายแห่งนี้อย่างแน่นอน
ทัวร์เอสโตเนียตามเมืองยอดนิยม
ทาลลินน์ (Tallinn)
นักเดินทางที่อยากทัวร์เอสโตเนียเพื่อตามรอยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ขอแนะนำเมืองทาลลินน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงและอยู่ทางเหนือสุดของเมืองหลวงทั้งสามของทะเลบอลติก ทาลลินน์เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความเก่าแก่และใหม่ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวจากยุคกลางและทิวทัศน์ที่สวยงาม มีย่านที่น่าสนใจเช่น ย่านโบฮีเมียน ย่าน Rotermann และแลนด์มาร์กอีกหลายแห่ง ซึ่งรับรองได้เลยว่าจะทำให้ทริปเอสโตเนียของคุณสนุกสนานอย่างแน่นอน
ทาร์ทู (Tartu)
หากสนใจเมืองที่โดดเด่นในด้านการศึกษา ขอแนะนำการมาทัวร์เอสโตเนียอย่างเมืองทาร์ทูจะตอบโจทย์ความสงสัยของคุณได้มากที่สุด เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 แถมยังมีบรรยากาศดีๆ จนทำให้สามารถเดินเที่ยวได้แบบทั้งวันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทางเดินริมน้ำ สถาปัตยกรรมไม้ และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเอสโตเนียในเมืองทาร์ทู
นาร์วา (Narva)
อยากไปทัวร์เอสโตเนียในเมืองที่มีปราสาทสวยๆ นาร์วาน่าจะเป็นเมืองที่ใช่มากที่สุด นาร์วาตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ประชากรจำนวนมากพูดภาษารัสเซียได้คล่องแคล่ว สำหรับคนที่มาเที่ยวเอสโตเนียและต้องการชมปราสาทงามๆ นาร์วาเป็นที่ตั้งของปราสาทนาร์วา ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับป้อมปราการอิวานโกรอดของรัสเซีย รับรองว่าสวยถูกใจอย่างแน่นอน
ภาณุ (Parnu)
ถือเป็นอีกเมืองที่ใหญ่และน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มาทัวร์เอสโตเนียและมองหาที่เที่ยวแบบชายทะเล ภาณุเป็นเมืองที่ใช่อย่างแน่นอน เมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศและเป็นเมืองยอดฮิตสำหรับนักเดินทางที่มาเที่ยวเอสโตเนียด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นเมืองชายฝั่ง จึงทำให้มีชายหาดที่ติดกับทะเลบอลติกในบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก
สีลาแม (Sillamae)
ว่ากันว่าหากอยากไปทัวร์เอสโตเนียในเมืองที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์มากที่สุด แนะนำให้แวะที่เมืองสีลาแมแห่งนี้ เมืองนี้แม้จะเป็นเมืองใหม่ที่สร้างขึ้นในทศวรรษที่ 1960 แต่ตัวเมืองก็สวยและงดงามมากๆ เพราะการออกแบบดีไซน์อาคารและเมืองใช้สถาปัตยกรรมแบบสตาลิน ตัวเมืองตั้งอยู่บนชายฝั่งตามแนวอ่าวฟินแลนด์ ดังนั้นหากมาเที่ยวเอสโตเนียแล้ว อยากเลยไปฟินแลนด์จึงไม่ใช่เรื่องยาก แลนด์มาร์กที่ควรแวะเยี่ยมชมได้แก่ Kulturzentrum Sillamae และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม Sillamae
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์เอสโตเนีย ยอดนิยม
เขตเมืองเก่าทาลลินน์ (Tallinn's Old Town)
ไม่ว่าจะมีเวลามากหรือน้อย นักเดินทางที่มาทัวร์เอสโตเนียจะต้องแวะมาเที่ยวย่านเมืองเก่าของทาลลินน์ให้ได้ เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในใจกลางเมือง Hanseatic ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีที่สุดในโลก บรรยากาศเมืองเก่าจะทำให้การเที่ยวเอสโตเนียของคุณโรแมนติกมากขึ้น ด้วยบรรยากาศสวยงาม ลองเดินตามท้องถนนที่ปูด้วยหินแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีโบสถ์ยุคกลางที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก ที่สำคัญการเที่ยวเอสโตเนียในทาลลินน์ยังทำให้คุณได้เจอกับ Raeapteek หนึ่งในร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปอีกด้วย
เลนนุสดัม (Lennusadam Seaplane Harbour)
สำหรับทริปทัวร์เอสโตเนียที่มองหาความแปลกใหม่จะต้องไม่พลาดการเยี่ยมชมเลนนุสดัมแห่งนี้ เพราะที่นี่ป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับรางวัล โดยจะมีการเก็บรักษาวัตถุโบราณและเรือเดินทะเลประมาณ 200 ชิ้นในโรงเก็บเครื่องบินน้ำอันเก่าแก่ การเที่ยวเอสโตเนียผ่านพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเรือดำน้ำในยุคทศวรรษที่ 1930 เรือตัดน้ำแข็งพลังไอน้ำอายุ 100 ปี รวมถึงได้ชมซากเรือที่เก่าแก่ที่สุดในเอสโตเนียได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ปราสาทคูเรสซารี เอพิสโกพัล (Kuressaare Episcopal Castle)
ศึกษาประวัติศาสตร์ผ่านการเที่ยวเอสโตเนียที่ปราสาทอันเก่าแก่แห่งนี้ ตัวปราสาทสร้างเสร็จตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1380 ที่น่าสนใจก็คือ ที่นี่มีป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในภูมิภาคบอลติก ปราสาทคูเรสซาเร เอพิสโกพัลมีคูน้ำล้อมรอบ นอกจากนี้ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตเมื่อหลายร้อยปีก่อนอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเอสโตเนีย (Estonian National Museum)
การมาทัวร์เอสโตเนียแบบเจาะลึกจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เรื่องราวในการก่อร่างสร้างชาติที่เจริญก้าวหน้าได้ขนาดนี้ ดังนั้นการแวะพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเอสโตเนียจึงถือเป็นสิ่งที่ต้องทำอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีนิทรรศการถาวรที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเอสโตเนีย ขอแนะนำนิทรรศการถาวรหลักอย่าง "Encounters" ที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับชีวิตของชาวเอสโตเนียและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ตั้งแต่ยุคน้ำแข็งจนถึงยุคปัจจุบัน
เมืองเก่าฮับซาลู (Haapsalu Old Town)
นอกจากเมืองหลวงอย่างทาลลินน์แล้ว ลองทัวร์เอสโตเนียในเมืองรอบข้างอย่างฮับซาลูดูบ้าง แล้วคุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน ฮับซาลูเป็นเมืองชายทะเลที่งดงามราวกับภาพวาด แต่ที่สำคัญคือ ที่นี่เป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทร นอกจากนี้การเดินเที่ยวในย่านเมืองเก่าของฮับซาลู จะทำให้เราได้เที่ยวเอสโตเนียแบบย้อนยุค เพราะที่นี่มีถนนยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี แถมยังมีปราสาทฮับซาลูที่สร้างขึ้นสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ที่แสนจะงดงามให้เราได้แวะชมอีกด้วย
สภาพอากาศและฤดูกาลที่เอสโตเนีย
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
การเที่ยวเอสโตเนียในช่วงต้นมีนาคมอาจจะพบกับสภาพอากาศที่แปรปรวนบ้าง เพราะอาจจะเจอทั้งอากาศหนาว และฝนที่โปรยปราย บางช่วงก็อาจจะมีหิมะและลมแรงแบบที่คาดเดาไม่ได้ แต่พอเข้าช่วงเมษายนอุณหภูมิจะสูงขึ้น น้ำแข็งในทะเล แม่น้ำ และทะเลสาบเริ่มละลายจนอาจจะเกิดน้ำท่วมได้ อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดคือ -7 สูงสุดคือ 7 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)
แม้จะเป็นหน้าร้อนแต่การเที่ยวเอสโตเนียในช่วงนี้ถือว่าดีมาก เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 21 องศาเซลเซียส สูงสุดเพียงแค่ 26 องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่ในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายนอาจจะมีสายฝนโปรยปรายมาบ้าง
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
ใครที่มาทัวร์เอสโตเนียในช่วงนี้ก็ยังเที่ยวเอสโตเนียได้แบบชิลล์ๆ เพราะอากาศยังคงอบอุ่น แต่ในเดือนตุลาคมอาจจะมีหมอกสีขาวเป็นครั้งคราวและมีเมฆมากเป็นบางส่วน ตุลาคมจะมีฝนตกปรอยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งหากมาเที่ยวเอสโตเนียในช่วงนี้แนะนำให้ติดร่มมาด้วย พอเข้าพฤศจิกายนอุณหภูมิจะลดลงมากและมีลมแรง อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดคือ -1 สูงสุดคือ 15 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
สำหรับการมาเที่ยวเอสโตเนียในหน้าหนาว แนะนำให้พกเสื้อกันหนาวแบบทนอุณหภูมิติดลบได้ เพราะการทัวร์เอสโตเนียช่วงนี้จะต้องเจอกับอากาศหนาวเย็นรุนแรงในบางภูมิภาคของประเทศ อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนที่หนาวที่สุดอยู่ที่ประมาณ -9 องศาเซลเซียส หิมะจะเริ่มตกประมาณกลางเดือนธันวาคมและบางทีก็ยาวไปถึงกลางเดือนมีนาคม
เที่ยวทัวร์เอสโตเนีย ใช้งบเท่าไหร่
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับสำหรับการทัวร์เอสโตเนียจะอยู่ระดับเดียวกับยุโรปประเทศอื่นๆ โดยมักจะเริ่มต้นที่ 3 หมื่นกว่าบาท แต่หากวางแผนมาเที่ยวเอสโตเนียล่วงหน้านานๆ อาจจะหาตั๋วที่ถูกกว่าราคานี้ได้
- ค่ากิน หมดห่วงกับการมาทัวร์เอสโตเนียแล้วต้องประหยัดค่ากิน เพราะอาหารที่นี่ถือว่าราคาไม่ทิ้งห่างจากประเทศในแถบเอเชียมากนัก โดยอาหารยอดฮิตอย่างแมคโดนัลด์ ชีสเบอร์เกอร์ตกอันละ 86 บาทเท่านั้น ส่วนอาหารจานเดียวสำหรับ 1 คนก็ไม่เกิน 250 บาท ด้วยราคาที่ไม่แพงจึงทำให้คนมาเที่ยวเอสโตเนียหมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอาหารไปได้เลย
- ค่าที่พัก สำหรับนักเดินทางที่มาทัวร์เอสโตเนีย แต่อยากพักสบายๆ ในโรงแรมระดับกลางราคาไม่แพง ถือว่าอุ่นใจได้ เพราะที่พักทั่วไปราคาเริ่มต้นตั้งแต่พันกว่าบาท ส่วนใครที่เน้นนอนหรูอยู่สบาย มาเที่ยวเอสโตเนียแบบเน้นพักโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาว ห้องพักอาจจะเริ่มตั้งแต่ 7,000 บาท ไปจนถึงหลักหมื่น
- ค่าเดินทางและค่าเข้าชมสถานที่ การคมนาคมในเมืองหลักๆ อย่างทาลลินน์ถือว่าประหยัดและสะดวก โดยตั๋วรถสำหรับผู้ใหญ่ราคาจะเริ่มต้นที่ 56 บาท ส่วนใครที่อยากทำโรดทริป ค่าเช่ารถที่นี่ก็ไม่แพง เริ่มต้นราวๆ 1,000 บาทเท่านั้น สำหรับค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ราคาจะแตกต่างกัน เช่น พิพิธภัณฑ์หลักในเมืองจะอยู่ที่ราวๆ 300 – 400 บาท
อาหารเอสโตเนีย ที่ไปเที่ยวแล้วควรลอง
- สเต๊กหมูป่า (Wild Boar) สำหรับคนที่มาทัวร์เอสโตเนียแล้วอยากลองอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย แนะนำให้ชิมสเต๊กหมูป่า แต่อาจจะแตกต่างจากเนื้อหมูทั่วไปอยู่สักหน่อย เนื่องจากเนื้อหมูป่าจะค่อนข้างหนึบแต่ก็อร่อยแบบหยุดไม่อยู่เลยทีเดียว
- สลัดมันฝรั่งเอสโตเนีย (Eesti Kartulisalat) นักเดินทางที่มาเที่ยวเอสโตเนียแล้วกำลังไดเอ็ทอยู่ ลองมองหาสลัดมันฝรั่งเอสโตเนียแสนอร่อยทานดู เพราะในสลัดมันฝรั่งจะมีทั้งแคร์รอต ไข่ต้มขูด แตงกวา และไส้กรอกรมควัน ราดด้วยครีมเปรี้ยวและซอสมายองเนส รับรองว่าอิ่มอร่อยและไม่อ้วนอีกด้วย
- ซุปถั่วกับขาหมูรมควัน (Hernesupp Suitsukodiga) หากไปทัวร์เอสโตเนียในช่วงหน้าหนาว อย่าลืมสั่งซุปร้อนๆ แบบดั้งเดิมเพื่อคลายหนาว เมนูนี้ทำมาจากการต้มหัวหอม กระเทียม และกระดูกหมูรมควัน อาจจะใส่ถั่วแห้งและแคร์รอตลงไปด้วยในบางสูตร
- แซนด์วิชปลา (Vürtsikilu Suupiste) มาทัวร์เอสโตเนียทั้งทีก็ต้องทานอาหารเอสโตเนียยอดนิยมอย่างเมนูแซนด์วิชปลาแสนอร่อย เมนูนี้ทำจากขนมปังข้าวไรย์ทาครีมชีสผสมกับกระเทียมบดในปริมาณที่พอเหมาะ และจะใส่เนื้อปลาทะเลดอง ไข่ขาวต้มหั่นแว่น ต้นหอม และผักชีลาว ซึ่งกลมกล่อมและเข้ากันได้เป็นอย่างดี
- หมูย่างกับกะหล่ำปลีดอง (Seapraad ja Hautatud Hapukapsad) ทัวร์เอสโตเนียจนเหนื่อยล้า อย่าลืมโหลดโปรตีนเสริมเพิ่มพลังจากเมนูหมูย่างกับกะหล่ำปลีดอง โดยสูตรของที่นี่จะนำหมูไปย่างในเตาอบจนเนื้อสุกแต่นุ่มชุ่มฉ่ำ จากนั้นเสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลีดองแสนอร่อย
แหล่งช้อปปิ้งในเอสโตเนีย ยอดนิยม
โซลาริส เซ็นเตอร์ (Solaris Center)
การช้อปปิ้งหลังจากทัวร์เอสโตเนียนั้นจะฟินสุดๆ หากแวะมาช้อปที่โซลาริสในเมืองทาลลินน์ ที่นี่ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่ แถมมีแต่แบรนด์แฟชั่นชื่อดังให้เราได้เลือกช้อปอีกด้วย ภายในมีร้านอาหารและโรงภาพยนตร์ให้ได้ผ่อนคลายวันเหนื่อยล้าได้อย่างสบายใจ
วิรุ เคสคัส (Viru Keskus)
ศูนย์การค้าสุดฮิปแห่งนี้ได้รับความนิยมจากชาวเมืองทาลลินน์มากๆ เพราะเป็นศูนย์กลางของแฟชั่นนิสต้าและนักช้อปที่มองหาแบรนด์ดังและคอลเลกชั่นเด็ดๆ ที่สำคัญเดินทางง่ายเพราะเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ โดยมีสถานีรถประจำทางอยู่ด้านล่าง ภายในมีสินค้าและร้านค้ามากมายทั้งเครื่องสำอาง น้ำหอม เสื้อผ้า ของเล่น รวมไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตที่ชั้นใต้ดิน
ตลาดบัลติจามา
คนที่มาทัวร์เอสโตเนียแล้วมองหาการช้อปปิ้งอันเป็นเอกลักษณ์ ขอแนะนำตลาดบัลจามาแห่งนี้ เพราะที่นี่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ถูกเรียกในอีกชื่อว่าตลาดสถานีบอลติก ตลาด 3 ชั้นแห่งนี้มีร้านค้าเกือบ 300 ร้านที่ขายผลิตผลในท้องถิ่น ผลไม้ และผลิตภัณฑ์ทำมือ บอกเลยว่าหากมองหาของกิน งานคราฟต์ หรือของฝากที่นี่มีให้ครบ
ลูนาเคสคัส (Lounakeskus)
สำหรับคนที่เดินทางต่างเมืองไปเที่ยวยังเมืองทาร์ทู แนะนำให้แวะช้อปปิ้งที่ลูนาเคสคัส เพราะที่นี่ทั้งใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดาห้างสรรพสินค้าของเมืองทางตอนใต้ในเอสโตเนีย ภายในมีร้านค้ากว่า 160 ร้าน นอกจากนี้ยังมีลานสเก็ตน้ำแข็ง ตลาด โรงภาพยนตร์ และร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
แอสทริ เซ็นเตอร์ (Astri Centre)
หากไปเยือนเมืองนาร์วาแล้วอยากช้อปปิ้ง ขอแนะนำศูนย์การค้าแอสทริ ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่และเป็นแหล่งรวมความบันเทิงแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดใน Ida-Viru ภายในมีร้านค้ามากกว่า 90 ร้านค้า นอกจากนี้ยังมีโรงภาพยนตร์และลานโบว์ลิ่งอีกด้วย
โรงแรมและที่พักในเอสโตเนียแนะนำ
Schlössle Hotel
เน้นมาทัวร์ทาร์ลินน์แบบนอนหรูอยู่สบาย โรงแรม Schlössle Hotel ถือว่าตอบโจทย์ได้แน่นอน เพราะที่นี่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ในอาคารสมัยศตวรรษที่ 13 และ 14 ที่รีโนเวทไว้อย่างสวยงาม แถมโลเคชันยังเดินทางสะดวก เพราะตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเก่า ราคาห้องพักคืนละ 8,000 บาท
Hilton Tallinn Park
ถือเป็นโรงแรมยอดนิยมที่นักเดินทางมั่นใจในคุณภาพห้องและการบริการได้อย่าง 100% ข้อดีของที่นี่คือ อยู่ติดกับ Tallinn International Bus Station มั่นใจว่าเดินทางสะดวกแน่นอน นอกจากนี้ในโรงแรมยังมี Eforea Spa ที่มาพร้อมกับสระว่ายน้ำยาว ห้องซาวน่า และทรีทเมนต์ดีๆ อัตราค่าที่พักเริ่มต้นที่ 10,000 บาทต่อคืน
Hektor Container Hotel
มองหาโรงแรมราคาไม่แรง แต่เน้นอยู่สบายและปลอดภัย Hektor Container Hotel คือ คำตอบที่ดีอย่างแน่นอน เพราะค่าห้องเริ่มต้นเพียง 2,400 บาท แต่ตัวโรงแรมสวยงามมากๆ จนได้รีวิวเกือบเต็ม 10 นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในย่านที่มีชีวิตชีวาและฮิปสุดๆ อีกด้วย
Dorpat Hotel
สำหรับนักเดินทางที่ออกมาเที่ยวเมืองทาร์ทู แนะนำให้บุ๊ก Dorpat Hotel ไว้เลย เพราะที่นี่โลเคชันดีมากๆ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเก่าแบบเดินได้ใน 10 นาที มีสถานีรถประจำทางอยู่ใกล้เพียง 100 เมตร แถมอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอีกด้วย ราคาห้องพักคืนละ 5,000 บาท
Lydia Hotel
ถือเป็นที่พักอีกแห่งในเมืองทาร์ทูที่น่าเช็กอิน เพราะ Lydia Hotel รายล้อมรอบไปด้วยสถานที่ประวัติศาสตร์ในย่านเมืองเก่า ซึ่งมีสถาปัตยกรรมร่วมสมัย แถมโรงแรมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สปาพร้อมห้องซาวน่าและห้องออกกำลังกาย ส่วนการเดินทางก็สะดวกมากๆ เพราะอยู่ใกล้แลนด์มาร์กอย่างศาลาว่าการ https://bit.ly/3MBVsPu
แนะนำของฝาก เอสโตเนีย
- สินค้าจากไหมพรม เนื่องจากประเทศนี้มีอากาศหนาว ดังนั้นจึงมีสินค้าทำมือจากไหมพรมให้ช้อปเยอะมาก เช่น หมวก ถุงมือ เสื้อสเวตเตอร์ลายสวยๆ ไม่ซ้ำใคร รับรองว่าผู้รับจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน
- ผลิตภัณฑ์จากไม้จูนิเปอร์ ในเมืองไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับไม้ชนิดนี้ แต่ไม้จูนิเปอร์ถือเป็นไม้ที่ทนมากๆ และมีอยู่มากมายในแถบบอลติก ซึ่งในเอสโตเนียเองก็ปลูกกันเยอะ ดังนั้นหากไปตามร้านค้าเราจะเห็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้จูนิเปอร์วางขายอยู่มากมาย แนะนำให้ซื้อช้อนส้อม จานชาม เพราะนำกลับมาได้ง่าย
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากมองหาของฝากที่จะให้กับเพื่อนสายดริงก์หรือสายปาร์ตี้ ขอแนะนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ขึ้นชื่อของเอสโตเนีย อาทิเช่น วานา ทาลลินน์ ซึ่งเป็นเหล้าเอสโตเนียดั้งเดิม เหล้าชนิดนี้จะมีรสชาติที่หวานและเข้มข้น แถมราคายังถูกมากๆ เริ่มต้นที่ 200 กว่าบาทเท่านั้น
- ช็อกโกแลตและลูกอม Kalev สายหวานต้องไม่พลาดกับขนมแสนอร่อยอย่างช็อกโกแลตและลูกอม Kalev สินค้าแบรนด์นี้มีมายาวนานย้อนหลังไปถึงปี 1806 ขอแนะนำไวต์ช็อกโกแลตที่ขายดีที่สุดกับช็อกโกแลตบลูเบอร์รีที่แสนอร่อย
- ตุ๊กตาไวกิ้ง เนื่องจากเอสโตเนียมีตำนานไวกิ้งมาอย่างยาวนาน ดังนั้นหากไปตามร้านขายของที่ระลึก เรามักจะพบเห็นตุ๊กตาไวกิ้งน่ารักๆ วางขายอยู่มากมาย ขอแนะนำเป็นตุ๊กตารูปปั้นไม้เล็กๆ สูงประมาณ 6 นิ้ว สวมเสื้อผ้าสักหลาดหรือขนแกะ ซึ่งเป็นสินค้าทำมือ พกเก็บใส่กระเป๋าเดินทางได้ง่ายและไม่แพงอีกด้วย
หากคุณเคยไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของยุโรป เช่น ปารีส โรม เวนิส มาหมดแล้ว บอกเลยว่าการเปลี่ยนบรรยากาศมาเยือนเอสโตเนียจะสร้างประสบการณ์ที่ล้ำค่าได้อย่างแน่นอน เพราะเอสโตเนียเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ ซึ่งรวมไปถึงการพักผ่อนบนชายหาด ที่สำคัญหากวางแพลนทัวร์เอสโตเนียดีๆ คุณจะพบว่าการจัดทริปเอสโตเนียนั้นราคาประหยัดพอๆ กับการเดินทางไปเกาหลีหรือญี่ปุ่นเลยทีเดียว