“บัลแกเรีย” ประเทศในทวีปยุโรปที่หลายคนอาจพอคุ้นเคยกันอยู่บ้าง ถือเป็นอีกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมากในปัจจุบันที่อยากมีโอกาสไปเที่ยวบัลแกเรียเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ และอีกหลาย ๆ ด้านที่น่าสนใจ ซึ่งคนไทยที่กำลังมองหาทัวร์บัลแกเรีย หรืออยากทำความรู้จักกับประเทศนี้ให้มากขึ้นเพื่อวางแผนเดินทางอย่างเหมาะสมต้องไม่พลาดเป็นอันขาด มีข้อมูลน่าสนใจมาบอกต่อเยอะมาก
ข้อมูลเที่ยวทัวร์บัลแกเรีย
บัลแกเรีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐบัลแกเรีย” (Republic of Bulgaria) ตั้งอยู่ในแถบยุโรปตะวันออกเฉียงใต้บริเวณคาบสมุทรบอลข่านตะวันออก ขนาดพื้นที่ 110,994 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือติดกับประเทศโรมาเนีย ทิศตะวันตกติดกับประเทศเซอร์เบีย และมาซิโดเนียเหนือ ทิศใต้ติดกับประเทศกรีซและตุรกี เมืองหลวงชื่อ “กรุงโซเฟีย” จำนวนประชากรราว 6.8 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์บัลแกเรีย นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โทดอกซ์ ปกครองในระบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุขสูงสุด ประวัติศาสตร์ของประเทศนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ยุค ค.ศ. 681 ในฐานะของจักรวรรดิบัลแกเรียที่ 1 ก่อนมีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยกระทั่งใช้วิธีปกครองรูปแบบรัฐในปัจจุบันเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1990 ถือเป็นประเทศกำลังพัฒนาในทวีปยุโรปมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ในระดับบน-ปานกลาง ใครสนใจทัวร์บัลแกเรียไม่ควรพลาดเด็ดขาด
ทัวร์บัลแกเรียตามเมืองยอดนิยม
1. ทัวร์บัลแกเรียเมืองโซเฟีย (Sofia)
เมืองหลวงของประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานและถือเป็นหนึ่งในเมืองหลวงเก่าแก่สุดของทวีปยุโรป ตามประวัติการตั้งถิ่นฐานต้องย้อนไปนานกว่า 7,000 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันถือเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดและประชากรเยอะสุดของประเทศ โดดเด่นด้วยภูมิทัศน์อันแสนร่มรื่นจากแนวเทือกเขาวิโตซา ผู้คนอาศัยรวมกันหลายเชื้อชาติหลากวัฒนธรรมแต่ผสานกันได้อย่างลงตัว สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมักเป็นสถาปัตยกรรมโบราณ เช่น “Alexander Nevsky Cathedral” อาสนวิหารสำคัญของประเทศ จึงเปรียบได้กับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งกันเลยทีเดียว
2. ทัวร์บัลแกเรียเมืองวาร์นา (Varna)
เมืองขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ได้รับความนิยมในการทัวร์บัลแกเรียจากนักท่องเที่ยวด้วยทำเลอยู่ติดกับทะเลดำ จึงมีรีสอร์ตสวยงามหลายแห่งให้ได้เข้าพัก ยิ่งในช่วงฤดูร้อนผู้คนในประเทศมักแวะเวียนกันมาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย โดดเด่นด้วยชายหาดและท้องทะเลอันแสนงดงาม ส่วนในเวลากลางคืนยังจัดเต็มแสงสีเสียงของผับ บาร์ และร้านอาหารจำนวนมาก ก่อตั้งขึ้นยุค 600 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์น่าสนใจให้ได้แวะไปหลายแห่งด้วย
3. ทัวร์บัลแกเรียเมืองพลอฟดิฟ (Plovdiv)
อีกเมืองที่ควรค่ากับการเที่ยวบัลแกเรีย และเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งอยู่ในช่วงยุคหินจึงนับเป็นอีกเมืองที่มีความเก่าแก่มากสุดในโลก ศูนย์กลางของระบบเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การขนส่ง การศึกษา ไม่แพ้เมืองหลงของประเทศ ภายในเมืองจึงยังคงบรรยากาศแห่งความคลาสสิกเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งสถาปัตยกรรมแบบยุโรปยุคโบราณ ศิลปวัตถุต่าง ๆ มีทำเลตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของทิวเขารอโดพี จึงได้รับการขนานนามว่าเมืองภูเขา 7 ลูก สวยงามและน่าสนใจมาก
4. ทัวร์บัลแกเรียเมืองบูร์กาส (Burgas)
อีกเมืองที่มีความพิเศษไม่แพ้ใครสำหรับคนที่อยากทัวร์บัลแกเรีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองวาร์นาบนชายฝั่งทะเลดำ และมีขนาดใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ ประชากรส่วนมากอาศัยอยู่ในเขตเมืองจึงมีความเจริญทั้งในด้านเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม อาคารต่าง ๆ ดูทันสมัยแต่ก็ยังผสานสถาปัตยกรรมคลาสสิกเอาไว้แบบลงตัวมาก มีความสำคัญในเชิงอุตสาหกรรม การขนส่ง และยังเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวสำหรับผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทำเลโอบล้อมด้วยทะเลสาบบูร์กาส ใครชอบตกปลาหรืออาหารทะเลอร่อย ๆ ห้ามพลาด
5. ทัวร์บัลแกเรียเมืองฮาสโกโว (Haskovo)
เมืองทางตอนใต้ของประเทศที่มีพรมแดนติดกับกรีซและตุรกี หากย้อนประวัติศาสตร์กลับไปถือว่ามีอายุยืนยาวมากกว่า 5,000 ปีก่อนคริสตกาล และเมื่อปี ค.ศ. 1985 พึ่งมีการฉลองครบรอบ 1,000 ปี ในฐานะของการก่อตั้งเมืองอย่างเป็นทางการ ระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่มาจากสิ่งทอและอุตสาหกรรมอาหาร ช่วงปี ค.ศ. 2013 ทางเมืองได้มีการนำเอาระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ด้วยการสร้างภาพถ่ายเก่ามาเชื่อมโยงกันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวอันแสนพิเศษ ปัจจุบันจึงถือเป็นอีกเมืองที่นักท่องเที่ยวจะได้รับความสะดวกสบาย พร้อมความทันสมัยอย่างมาก
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์บัลแกเรีย ยอดนิยม
1. ถ้ำเดเวทาชกา (Devetaki Cave)
ใครเป็นสายธรรมชาติแนะนำให้ไปเที่ยวบัลแกเรียที่ถ้ำแห่งนี้กันได้เลยตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเดเวทาชกา (Devetaki Village) ความยิ่งใหญ่สัมผัสได้ตั้งแต่ปากถ้ำขนาด 35 เมตร สูง 30 เมตร ด้านในมีโถงขนาดใหญ่สูง 60 เมตร และยังเต็มไปด้วยค้างคาวกว่า 35,000 สายพันธุ์ โดยเฉพาะค้างคาวยุโรปที่มักจำศีลกันจำนวนมาก อีกที่เที่ยวแห่งความแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร
2. อารามรีลา (Rila Monastery)
ถือเป็นอารามที่มีขนาดใหญ่และโด่งดังมากสุดของกลุ่มอารามนิกายอีสเทิร์นออร์โทดอกซ์อันถือเป็นศาสนาที่ผู้คนในบัลแกเรียนับถือมากที่สุด ถูกสร้างขึ้นมายาวนานหลายศตวรรษบริเวณเขารีลาซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปกติ 1,147 เมตร ภายในมีความงดงามด้วยการตกแต่งที่คงความคลาสสิกเอาไว้แบบไม่เสื่อมคลายทำให้ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกเรียบร้อย
3. อัฒจันทร์รูปครึ่งวงกลม (Amphitheater)
สถานที่เที่ยวโบราณและตอบโจทย์การไปทัวร์บัลแกเรียในสไตล์เมืองเก่าอย่างยิ่ง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาดีสซามบาส (Dzhambaz Tepe) และเนินเขาทักซิม (Taksim Tepe) ใจกลางเมืองพลอฟดิฟ ถูกสร้างขึ้นช่างประมาณทศวรรษ 90 ยุคที่จักรพรรดิดอมิติอานุสยังคงปกครอง ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งและยังใช้จัดงานแสดงดนตรีฤดูร้อนและงานเฉลิมฉลองอื่น ๆ ด้วย จุผู้คนได้ประมาณ 5,000 คน เลยทีเดียว
4. กลุ่มหินและป้อมปราการเบโลกราดชิค (Belogradchik Rocks and Fortress)
ความแปลกตาไม่เหมือนใครนั่นคือกลุ่มหินหน้าตาประหลาดมีรูปร่างต่าง ๆ หลายรูปทรง หลากสีสัน เชื่อมโยงถึงกัน บางก้อนมีขนาดสูงถึง 200 เมตร ขณะที่บางก้อนก็มีตำนานเล่าขานกันมาช้านาน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อย ส่วนบริเวณใกล้เคียงคือป้อมปราการที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเมืองในยุคสงครามโรมัน จัดว่ามีความเก่าแก่และงดงามอย่างยิ่ง ใครทัวร์บัลแกเรียแล้วต่างก็ต้องแวะมาเห็นด้วยตนเองให้จงได้
5. ดวงตาพระเจ้า (Eyes of God)
อีกสถานที่เที่ยวสุด Unseen ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านคาลุคโคโว (Karlukovo) เป็นถ้ำที่มีปากทางเข้า 2 ด้านฝั่งตรงข้ามกัน ความยาว 262 เมตร ซึ่งไฮไลท์ที่ใครต่างก็ต้องมาเห็นด้วยตนเองและถ่ายรูปเก็บไว้คือตรงรูเพดานของถ้ำที่มีลักษณะคล้ายดวงตา 2 ข้าง จึงได้ฉายาตามชื่อสถานที่เที่ยว ส่วนใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ชอบปีนหน้าผาที่นี่คืออีกจุดยอดนิยมของเหล่านักผจญภัยที่มักมาท้าทายทักษะของตนเองกันอยู่ตลอด
สภาพอากาศและฤดูกาลที่บัลแกเรีย
ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาบวกกับมีพื้นที่ติดทะเล ทำให้สภาพอากาศโดยรวมของประเทศบัลแกเรียมีถือว่าเหมาะสมกับการใช้ชีวิตอย่างยิ่งแม้บางช่วงอาจอากาศเย็นกว่าปกติแต่ไม่ถึงกับหนาวจัด แบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล ประกอบไปด้วย
ฤดูใบไม้ผลิ
อยู่ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม แม้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิแต่สภาพอากาศของประเทศก็ยังถือว่าเย็นโดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาสูง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปแช่สปาและพักผ่อนตามรีสอร์ตบนภูเขา รวมถึงแช่น้ำพุร้อนซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-19 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน
อยู่ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม ถือเป็นระยะเวลาที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมทัวร์บัลแกเรีย ด้วยสภาพอากาศแดดจัดแต่ไม่ร้อนจนเกินไป บริเวณเมืองริมชายฝั่งจึงเต็มไปด้วยผู้คนมหาศาลโดยเฉพาะบริเวณทะเลดำและตอนใต้ ไม่ค่อยเจอคลื่นใหญ่ ทำกิจกรรมได้สนุกอุณหภูมิเฉลี่ยราว 15-24 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้ร่วง
อยู่ในช่วงระหว่างเดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน ยังคงเป็นช่วงที่ผู้คนนิยมเที่ยวบัลแกเรียเพราะได้รับการยกย่องให้เป็น “ฤดูแห่งกำมะหยี่” ใบไม้ดอกไม้จะเปลี่ยนเป็นสีส้มทองให้ความสวยงามแปลกตา บวกกับลักษณะของสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ด้วยแล้วทุกอย่างแลดูเข้ากันลงตัวเกินบรรยาย กิจกรรมกลางแจ้งอย่างจักรยาน ปีนเขา ได้รับความนิยมสุด อุณหภูมิเฉลี่ยราว 10-19 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว
อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ สภาพอากาศมีความหนาวเย็นจัด บางพื้นที่โดยเฉพาะเทือกเขาสูงอาจมีหิมะจำนวนมากและอุณหภูมิลดต่ำได้ถึง -15 องศาเซลเซียส แต่โดยทั่วไปแล้วอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ราว ๆ 0 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวนิยมใช้ช่วงเวลาในการอยู่ที่สกีรีสอร์ตเพื่อทำกิจกรรมท่ามกลางหิมะสีขาวโพลนสุดงดงาม
เที่ยวทัวร์บัลแกเรีย ใช้งบเท่าไหร่
สำหรับคนที่มีงบน้อยแต่อยากเที่ยวยุโรปบอกเลยว่าทัวร์บัลแกเรียจัดเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ไม่ว่าการเที่ยวด้วยตนเองหรือมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ก็ตาม โดยค่าเงินของประเทศนี้คือ เลฟบัลแกเรีย (BGN) โดย 1 BGN เทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินไทยราว 19 บาท แต่การจะเดินทางไปเที่ยวที่นี่ต้องทำการแลกเงินเป็นยูโร EUR หรือ ดอลลาร์สหรัฐ USD ก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยไปแลกกับธนาคารหรือจุดแลกเงินภายในประเทศ เช่นกันก่อนเดินทางกลับอย่าลืมแลกคืนเป็นสกุลเงินดังกล่าวด้วย โดยเฉลี่ยแล้วงบสำหรับเที่ยวบัลแกเรียแบ่งออกได้ตามนี้
- ค่าเครื่องบินไป-กลับ ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลา เริ่มได้ตั้งแต่หลัก 19,000 ปลาย ๆ ไปจนถึง 60,000 บาท สำหรับตั๋วที่นั่งปกติ
- ค่าอาหาร-เครื่องดื่ม ค่าครองชีพในบัลแกเรียถือว่าไม่สูงมากนัก ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่แพงมากไป เช่น นม 1 ลิตร ประมาณ 50 บาท เบียร์ 1 ขวด 35-50 บาท อาหารร้านทั่วไป 1 มื้อประมาณ 200-300 บาท
- ค่าเดินทาง หากเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เช่น รถบัสประจำทาง ค่าตั๋วเฉลี่ยต่อเที่ยวประมาณ 20 บาท ค่าแท็กซี่เริ่มต้นประมาณ 38 บาท และคิดกิโลเมตรละ 19 บาท
- ค่าที่พัก หากเป็นโฮสเทลทั่วไปราคาเฉลี่ยคืนละ 1,000 บาท โรงแรมระดับ 3 ดาว เฉลี่ยคืนละ 2,000 บาท โรงแรมระดับ 5 ดาว มีตั้งแต่ 5,000 ไปจนถึงหลายหมื่นบาท
- ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
อาหารบัลแกเรีย ที่ไปแล้วควรลอง
1. Tarator
ทุกคนคุ้นเคยดีว่าชาวบัลแกเรียนิยมทานโยเกิร์ต นี่จึงเป็นอาหารยอดฮิตสำหรับคนทัวร์บัลแกเรียไม่ควรพลาด เป็นลักษณะของซุปโยเกิร์ตเย็นสีขาวอัดแน่นด้วยโยเกิร์ตธรรมชาติรวมถึงส่วนผสมอีกหลายชนิด อาทิ วอลนัท พริกไทย ครีมชีส กระเทียม ผักชีฝรั่ง และสมุนไพรอื่น ๆ นิยมทานกันช่วงฤดูร้อนเป็นอาหารจานแรก รวมถึงเสิร์ฟเคียงอาหารมื้อหลักก็ดีงามมาก
2. Banitsa
ขนมอบแบบดั้งเดิมของชาวบัลแกเรีย มีส่วนผสมหลักเป็นแป้งกับไข่ไก่ตีจนเข้าที่ตามด้วยเฟต้าชีส โยเกิร์ต นำไปอบทานคู่กับอาหารอื่น ๆ ในมื้อเช้าอร่อยมาก มีทั้งความมัน เนื้อสัมผัสดีเยี่ยมอย่าบอกใคร แถมยังมีหลากรูปแบบทั้งขดเป็นวงกลมหรือทำใส่ถาดแล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม กรอบนอกนุ่มในความฟินที่ไม่อยากให้พลาด
3. Meshana Skara
หากแปลแบบเข้าใจง่ายมันก็คือ Mixed Grill ซึ่งเป็นการนำเอาเนื้อสัตว์มาย่างตามสูตรของชาวบัลแกเรียนั่นเอง มีเนื้อหลายส่วนถูกนำมาใส่ในเมนูชั้นเลิศซึ่งปกติแล้วจะประกอบไปด้วย สเต็กหมู เคบับเช กิวเต และเนื้อหมูเสียบไม้ ทานคู่กับเฟรนช์ฟรายส์หรือผักเคียงอื่น ๆ ได้ตามชอบ ย่างจนสุกกำลังดี กลิ่นควันหอมฟุ้งทั่วโต๊ะ
4. Sarmi
อาหารที่อยากให้ลองหากได้เที่ยวบัลแกเรีย เป็นกะหล่ำปลียัดไส้ซึ่งส่วนผสมด้านในมีทั้งข้าว เครื่องเทศ และเนื้อสับ คลุกเคล้าจนเข้าที่แล้วห่อด้วยกะหล่ำปลี แต่ถ้าใครไม่อยากทานเนื้อสัตว์จะเป็นผักล้วนก็ไม่มีปัญหา ต้มจนได้ที่ทานคู่กับอาหารมื้อหลักอื่น ๆ อร่อยเลิศมาก มักเป็นหนึ่งในเมนูของคืนวันคริสต์มาสอีฟด้วยนะ
5. Moussaka
ใครมีโอกาสมาเยือนประเทศแถบคาบสมุนบอลข่านจะพบเจอได้บ่อย แต่ที่บัลแกเรียแปลกแหวกแนวมากกว่าตรงที่เขาจะเลือกใช้มันฝรั่งเป็นวัตถุดิบหลัก ตามด้วยเนื้อบด ไข่ หัวหอม นม และเครื่องเทศ อบจนได้ที่ ราดโยเกิร์ตด้านบนเพิ่มความเปรี้ยวอีกเล็กน้อย ถือเป็นอีกไฮไลท์ชั้นยอดที่ควรค่ากับการลองชิมสักครั้งอย่างยิ่ง
แหล่งช้อปปิ้งในบัลแกเรีย ยอดนิยม
1. Zhenski Pazar Women's Market
ตลาดใหญ่ใจกลางกรุงโซเฟียด้วยชื่อที่บ่งบอกถึงความสนุกของสาว ๆ ที่ได้มาเดินช้อปคงอธิบายได้ชัดเจน ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1878 หลังบัลแกเรียได้รับการปลดปล่อยจากอาณาจักรออตโตมัน ถือเป็นตลาดกลางแจ้งอายุเก่าแก่สุดของเมือง สามารถเดินหาของพื้นถิ่นได้ตามชอบไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ผักสด ของทานเล่น งานเซรามิค หรือแม้แต่โยเกิร์ตแสนอร่อย
2. Mall of Sofia
ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในกรุงโซเฟียที่อยากแวะซื้อของฝาก ของแบรนด์เนมต่าง ๆ ในการทัวร์บัลแกเรียจัดไปเลย ไม่ผิดหวังแน่ ภายใต้คอนเซปต์ทุกสิ่งที่คุณต้องการสามารถมาจับจ่ายได้ที่นี่ แถมยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านของฝาก โรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และอีกสารพัด มั่นใจเลยว่าเดินทั้งวันก็ไม่มีเบื่อแน่สำหรับห้างแห่งนี้
3. Serdika Mall
ยังอยู่ในย่านใจกลางเมืองของกรุงโซเฟีย นี่คือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกแห่งที่คุณสามารถเดินช้อปปิ้งได้แบบจัดเต็ม มีห้างร้านเปิดเรียงรายกันมากกว่า 210 ร้าน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2010 ตลอด 5 ชั้น คุณสามารถจับจ่ายในทุกสิ่งที่คาดหวังทั้งแบรนด์เนม ของฝาก ของที่ระลึก ของพื้นถิ่น และอีกสารพัด มาห้างเดียวจบ ครบทุกสิ่ง
4. Burgas Plaza Mall
แวะมาช้อปปิ้งกันที่เมืองบาร์กัสกันบ้าง ที่นี่คือแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่สุดแห่งแรกในเมือง อัดแน่นไปด้วยร้านค้าหลากสไตล์ มีสินค้าทุกสิ่งเลือกสรรกันได้แบบจุใจไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพสูง สินค้าพื้นถิ่นสำหรับเป็นของฝาก ร้านอาหาร และความบันเทิงแบบครบถ้วน ไปทัวร์บัลแกเรียกันทั้งครอบครัวก็ไม่มีเบื่อแน่คอนเฟิร์ม
5. Iliyantsi Open-Air Market
ตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่สุดของกรุงโซเฟีย ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 160,000 ตารางเมตร สร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1960 ปัจจุบันยังคงตลาดค้าส่งที่มีความทันสมัย ร้านรวงต่าง ๆ เปิดตั้งขายเรียงรายกันมากกว่า 1,500 ร้าน มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ของเล่น ของใช้ครัวเรือน สินค้าอุตสาหกรรม และอื่น ๆ อีกเพียบ
โรงแรมและที่พักในบัลแกเรียแนะนำ
1. Alchemist von Goldenbvrg
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Belashtitsa ห่างจากตัวเมืองพลอฟดีฟออกไปเพียง 10 นาที บริเวณเชิงเขา Rhodopes ซึ่งเป็นภูเขาที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของบัลแกเรีย โดดเด่นด้วยการออกแบบที่พักดุจปราสาทแห่งเทพนิยาย ภายในตกแต่งตามสไตล์บัลแกเรียนสุดคลาสสิก สีสันสดใส สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และวิวสวย ๆ จากห้องพักเกินบรรยาย
2. Plovdiv City Center Hotel
ที่พักระดับ 3 ดาว ใช้การตกแต่งให้มีความคลาสสิกในสไตล์บัลกาเรียแต่ก็ยังคงผสานกลิ่นอายโมเดิร์นเอาไว้ได้แบบลงตัว มีประเภทห้องพักให้เลือกกันแบบจัดเต็มเน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายตาตัดกับสีไม้โอ้คลงตัวในทุกมิติ ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองพลอฟดีฟจึงสะดวกต่อการเดินทางไปทัวร์บัลแกเรียในบริเวณอื่นต่อแบบไม่ต้องยุ่งยาก
3. Boutique Splendid Hotel
โรงแรมในบัลแกเรียที่มีการออกแบบตัวอาคารให้คงความคลาสสิกสไตล์ยุโรปดั้งเดิมเอาไว้ ส่วนภายในห้องพักก็ยังมีมนต์ขลังให้คุณสัมผัสถึงกลิ่นอายเรื่องราวของเมืองวาร์นาแบบไม่เสื่อมคลาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน สีสันที่ใช้ในการตกแต่ง ใครหลงใหลในสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ยังไงก็ไม่ควรพลาดหากได้เที่ยวที่เมืองวาร์นา
4. WN LAB Hotel
ที่พักบัลแกเรียในกรุงโซเฟีย เน้นความโมเดิร์นตั้งแต่การออกแบบตัวอาคารแต่ยังคงมีบางจุดเสริมความคลาสสิกเอาไว้ได้แบบลงตัวมาก ภายในห้องพักใช้โทนสีขาวเป็นธีมหลักตัดกับพื้นลายไม้ และผนังอิฐมอญในบางจุด สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของเมืองได้จากระเบียงส่วนตัว แถมยังไม่ไกลจากการขนส่งสาธารณะ เดินทางง่ายมาก
5. Boutique Hotel L do Rado
โรงแรมในกรุงโซเฟียสไตล์โมเดิร์นบูติกที่แฝงเสน่ห์ความคลาสสิกดั้งเดิมที่หลายคนชื่นชอบและความทันสมัยเอาไว้ได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ ตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ ห้องอาหาร ไปจนถึงห้องพักใช้ธีมสีน้ำตาลลายไม้เพิ่มเติมด้วยเฟอร์นิเจอร์และของใช้ทีเลือกโทนได้แบบใกล้เคียง การเดินทางไม่ไกลจากจุดเชื่อมต่อขนส่งสาธารณะมากนัก
แนะนำของฝาก บัลแกเรีย
1. น้ำมันดอกกุหลาบ
นี่คือสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมากสุดของประเทศ และมีตลาดขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีความสมบูรณ์แบบทั้งเอาไว้ใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณ เสริมสุขภาพ และผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน แถมราคาไม่แรงอีกต่างหาก
2. งานเซรามิค
ผลงานเซรามิคหรืองานเครื่องปั้นดินเผาที่มีการดีไซน์ลวดลายให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ผลิตอย่างพิถีพิถัน คืออีกความน่าสนใจที่ควรค่าในการซื้อกลับไปฝากผู้คนอย่างยิ่ง
3. ครีมผลิตจากโยเกิร์ต
ทุกคนที่ทัวร์บัลแกเรียจะสังเกตว่าประเทศนี้รักในโยเกิร์ตมาก และของฝาก บัลแกเรียอีกชิ้นที่ตอบโจทย์สาว ๆ ต้องยกให้ครีมที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตเลย อัดแน่นไปด้วยโปรไบโอติกกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวเปล่งปลั่ง สวยน่ามอง
4. ไวน์
สินค้าที่กำลังโด่งดังและได้รับคำชื่นชมอย่างมากถึงขั้นตอนการผลิตอันแสนพิถีพิถัน มีคุณภาพสูง แต่ราคาสบายกระเป๋า ด้วยสภาพอากาศที่เหมาะกับการปลูกไร่องุ่น ทำให้ผลผลิตที่ออกมาดีงามและอร่อยมากขอบอกเลย
5. ผ้าทอ
ไม่ว่าจะเป็นผ้าทอขนสัตว์ ผ้าพันคอ หรือผ้าปูโต๊ะ ล้วนเป็นอีกงานฝีมือชั้นยอดในการซื้อกลับไปใช้งานอย่างมาก ถักและดูแลคุณภาพโดยช่างฝีมือ เลือกได้หลากลวดลาย หลายสไตล์ตามที่ชอบ รับรองไม่มีคำว่าผิดหวังแน่
นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่น่าสนใจสำหรับคนที่วางแผนอยากเที่ยวบัลแกเรีย เปิดประสบการณ์ใหม่กับประเทศในทวีปยุโรปที่คงพอคุ้นหูกันบ้าง เตรียมงบไปหลัก 60,000 – 70,000 บาท ก็สามารถเที่ยวในราคาสบาย ๆ ได้แล้ว หรือใครยังไม่ชัวร์เรื่องการเดินทางจะไปกับทัวร์บัลแกเรียก็เป็นอีกตัวเลือกอันแสนยอดเยี่ยม คุมงบง่าย ปลอดภัย สนุกจัดเต็มแบบไร้กังวล