“แอลจีเรีย” ประเทศในแถบทวีปแอฟริกาที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กับดินแดนอื่น ๆ ของโลก หลายคนมักรู้สึกว่าเมื่อนึกถึงการท่องเที่ยวในทวีปนี้เป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้าใครมีโอกาสได้ทัวร์แอลจีเรียจะสัมผัสได้ถึงความน่าตื่นเต้น ความประทับใจ ไปจนถึงสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม วิถีชีวิตผู้คน และอีกหลายเรื่องราว เอาเป็นว่าถ้าสนใจลองมาศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ก่อนเที่ยวแอลจีเรียเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่กันเลย
ข้อมูลเที่ยวทัวร์แอลจีเรีย
ประเทศแอลจีเรีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย” (People's Democratic Republic of Algeria) ตั้งอยู่ในแถบทวีปแอฟริกาตอนเหนือ ถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่สุดในทวีป ทิศเหนือติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับตูนิเซีย ทิศตะวันออกติดกับประเทศลิเบีย ทิศใต้ติดกับประเทศไนเจอร์และมาลี ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับประเทศมอริเตเนีย ทิศตะวันตกติดกับประเทศซาฮาราตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับประเทศโมร็อกโก มีพื้นที่รวมประมาณ 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร ประชากรราว 44 ล้านคน ส่วนใหญ่ศาสนาอิสลามนิกายซุนนี เมืองหลวงชื่อ “กรุงแอลเจียร์” (Algiers) เคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสก่อนประกาศเอกราชเมื่อปี 1962 ปัจจุบันการทัวร์แอลจีเรียมีความน่าสนใจอย่างมาก
ทัวร์แอลจีเรียตามเมืองยอดนิยม
1. ทัวร์แอลจีเรีย เมืองแอลเจียร์ (Algiers)
เมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดของประเทศตั้งอยู่ทางตอนเหนือติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่งผลให้มีทิวทัศน์อันแสนงดงามเหมาะกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดด้วยบรรยากาศท้องทะเลสีคราม รวมถึงยังมีบรรดาสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสคลาสสิกให้ได้พบเห็นจากเมื่อครั้งเคยเป็นอาณานิคมด้วย ถือเป็นเมืองที่สำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี และยังผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ เอาไว้ได้อย่างลงตัวมาก
2. ทัวร์แอลจีเรีย เมืองออราน (Oran)
เยื้องมาทางฝั่งตะวันตกเป็นอีกเมืองในการทัวร์แอลจีเรียที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ด้วยทำเลติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่งผลให้บรรยากาศแทบไม่แตกต่าง เป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ นอกจากมีทะเลและที่พักสวยงามหลายแห่งแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกตามแบบฉบับยุโรปยุคเก่าให้ได้พบเห็นอีกด้วย ทัศนียภาพต้องถือว่างดงามและโดนใจใครหลายคนแบบไม่ต้องสงสัยเลย
3. ทัวร์แอลจีเรีย เมืองคอนสแตนติน (Constantine)
ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ห่างจากกรุงแอลเจียร์ออกไปประมาณ 320 กิโลเมตร เมืองขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศที่มีความโดดเด่นในด้านของประวัติศาสตร์อันแสนยาวนาน มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาข้อมูลน่าสนใจ และยังได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองแห่งสะพานเนื่องจากมีสะพานหลายแห่งเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างภูเขากับเมืองด้วย เดิมถูกสร้างโดยชาวอาหรับก่อนจักรพรรดิคอนสแตนตินจะบูรณะขึ้นมาใหม่ จึงถูกใช้เป็นชื่อเรียกมาจนถึงปัจจุบัน
4. ทัวร์แอลจีเรีย เมืองเซตีฟ (Sétif)
หนึ่งในเมืองสำคัญทางฝั่งตะวันออกและน่าแวะมามาก ๆ หากเที่ยวแอลจีเรีย เหตุเพราะนี่คือเมืองหลวงทางการค้า มีอาคารขนาดใหญ่ถูกก่อสร้างจำนวนมาก ให้ความเจริญ ทันสมัย แต่อีกมุมก็ยังผสานความคลาสสิกของบรรดาอาคารเก่าเอาไว้ได้อย่างลงตัว ตัวเมืองตั้งอยู่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,100 เมตร มีหลายจุดเหมาะกับการท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
5. ทัวร์แอลจีเรีย เมืองทเลมเซน (Tlemcen)
ทัวร์แอลจีเรียกับเมืองทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดดเด่นด้วยการเป็นดินแดนที่มีปลูกต้นมะกอก และทำไร่องุ่นกันเยอะมาก รวมถึงยังมีอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง พรม ที่ถูกส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย บรรยากาศภายในเมืองยังคงความเป็นอาคารสไตล์ยุโรปคลาสสิกเอาไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย ถือเป็นอีกศูนย์กลางด้านการค้าตั้งแต่อดีตมาจนถึงยุคปัจจุบันคงไม่ใช่เรื่องผิดเท่าใดนัก
สถานที่ท่องเที่ยวทัวร์แอลจีเรีย ยอดนิยม
1. Roman Ruins
ซากเมืองเก่าโรมันเป็นซากปรักหักพังที่บ่งบอกถึงอดีตแห่งความรุ่งเรือง ตั้งอยู่ห่างจากเมือง Batna ออกไปราว 35 กิโลเมตร ติดกับชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยังพบเจอถึงความเด่นชัดได้หลายมิติทั้งแนวกำแพง เสาหิน หรือถ้าอยากได้วิวสวย ๆ มองออกไปในทะเลก็อยู่ไม่ไกลกันเลยด้วยซ้ำ ดีงามและคลาสสิกจนถึงขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกไปเรียบร้อยเมื่อปี ค.ศ. 1982
2. Kasbah of Algiers Miscellaneous
เมืองโบราณแห่งศาสนาอิสลามตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งทะเลที่ถูกยกย่องว่ามีวิวดีที่สุดแห่งท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สามารถมองเห็นเกาะแก่งต่าง ๆ ซึ่งในอดีตเคยเป็นพื้นที่ค้าขายของพ่อค้าชาวอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตศักราช ยังคงพบเจอซากป้อมปราการ มัสยิดเก่า รวมถึงพระราชวังตามสถาปัตยกรรมแบบออตโตมัน และโครงสร้างเมืองแบบดั้งเดิมได้อีกด้วย มีความเก่าแก่เหมาะกับการทัวร์แอลจีเรียอย่างยิ่ง
3. Djemila
เที่ยวแอลจีเรียสัมผัสกับเมืองโบราณซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 900 เมตร ความงดงามของเมืองแห่งนี้ทุกคนจะยังคงพบเจอกับซากอารยธรรมที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองอย่างมาก เป็นการวางรูปแบบผังเมืองสไตล์โรมันกับพื้นที่ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงให้ความแปลกตาและไม่เหมือนใครอย่างยิ่ง พบเจอซากปรักหักพังของจัตุรัสเมือง มหาวิหาร ประตูชัย และสภาพบ้านเรือนต่าง ๆ
4. The Ahaggar Montains
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คุ้นกันในชื่อ “เทือกเขาอาฮัคการ์” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศซึ่งถือเป็นจุดใจกลางของทะเลทรายซาฮารา ทะเลทรายขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ห่างจากเมืองหลวงออกไปกว่า 1,500 กิโลเมตร เป็นที่อยู่ของชนเผ่าเร่ร่อน “ตวาเร็ค” หรือกลุ่มชนเบดูอิน ดำรงชีวิตด้วยการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงยังมียอดเขาสูงสุดของประเทศอย่างตาฮัทตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณนี้ด้วยเช่นกัน
5. Tassili n'Ajjer
ทัวร์แอลจีเรียไปกับดินแดนอันแสนน่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจัดว่ามีลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตาและงดงามเกินบรรยายอย่างยิ่ง เหตุผลมาจากหินทรายขนาดยักษ์ถูกกัดกร่อนจากธรรมชาติจนเกิดเป็นรูปร่างต่าง ๆ มากไปกว่านั้นยังจะได้พบเจอกับภาพเขียนของคนยุคโบราณซึ่งถูกวาดเอาไว้ตามถ้ำหินจำนวนกว่า 15,000 ภาพ บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในยุคดังกล่าวได้อย่างดีเยี่ยม
สภาพอากาศและฤดูกาลที่แอลจีเรีย
อีกสิ่งที่มีความสำคัญมากในการทัวร์แอลจีเรียนั่นคือ การทำความเข้าใจเรื่องสภาพอากาศและฤดูกาลต่าง ๆ เพื่อการเตรียมความพร้อมอย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงการเกิดอันตรายและยังทำให้คุณเดินทางได้อย่างมั่นใจ ซึ่งฤดูกาลในแอลจีเรียปกติแล้วแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ดังนี้
ฤดูร้อน
ด้วยภูมิประเทศติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือ บวกกับตอนล่างเป็นทะเลทราย ทำให้ประเทศแอลจีเรียมีฤดูร้อนที่ยาวนานมากตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน – เดือนกันยายน โดยช่วงที่ร้อนจัดจะอยู่ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมไปจนถึงปลายเดือนสิงหาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 30-38 องศาเซลเซียส แต่บางช่วงอาจพุ่งสูงได้ถึง 43 องศาเซลเซียส กันเลยทีเดียว
ฤดูฝน
เป็นช่วงสั้น ๆ ที่มักเกิดขึ้นหลังจากสภาพอากาศร้อนจัดได้ผ่านพ้นไป ประมาณเดือนพฤศจิกายน - เดือนมกราคม จะเป็นช่วงที่ฝนตกหนักมาก เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผู้คนในประเทศ แต่บางครั้งก็อาจนำมาซึ่งอุทกภัยจึงไม่ค่อยแนะนำให้เที่ยวแอลจีเรียในช่วงนี้มากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 30 องศาเซลเซียส ถือว่าไม่ร้อนจนเกินไปนัก
ฤดูหนาว
อาจไม่เชิงเป็นอากาศหนาวเย็นเสียทีเดียว แต่สำหรับเมืองที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นอุณหภูมิประมาณ 22-28 องศาเซลเซียส ก็ถือว่าเป็นอากาศดี ๆ ที่ผู้คนอยากพบเจอแล้ว ซึ่งในประเทศแอลจีเรียมักเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนธันวาคมถึงช่วงต้นเดือนมีนาคม จัดว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ร้อนไม่หนาวมากเกินไป ใครอยากแวะเวียนก็มาสัมผัสกับความแตกต่างของประเทศนี้กันได้เลย
เที่ยวทัวร์แอลจีเรีย ใช้งบเท่าไหร่
สำหรับการเดินทางไปทัวร์แอลจีเรียการวางแผนด้านงบประมาณเป็นอีกสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพื่อให้มั่นใจว่าการเที่ยวในทริปนี้จะไม่มีปัญหาอื่นใดให้ต้องกังวลภายหลัง ซึ่งสกุลเงินแอลจีเรียที่ใช้ในปัจจุบันคือ ดีนาร์แอลจีเรีย (DZD) เฉลี่ยแล้ว 1 DZD เท่ากับ 0.25 บาท ไทย
อย่างไรก็ตามด้วยสกุลเงินดังกล่าวไม่ถือเป็นสกุลเงินหลักของโลก ดังนั้นหากใครวางแผนเที่ยวแอลจีเรียอยากแนะนำให้แลกเป็นเงินยูโร (EUR) หรือเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ไปก่อน จากนั้นค่อยหาแลกตามธนาคาร โรงแรม ร้านอาหาร หรือจุดแลกเงินต่าง ๆ จะดีที่สุด ซึ่งงบประเมินเบื้องต้นมีดังนี้
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ ในการเดินทางเริ่มต้นสำหรับค่าเครื่องบินขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและลักษณะเดินทาง ราคาเริ่มต้นอาจอยู่ประมาณ 25,000 บาท ไปจนถึง 50,000 บาทขึ้นไป ต่อเที่ยวบิน สำหรับที่นั่งชั้นประหยัดปกติ
- ค่าเดินทางภายในประเทศ สำหรับระบบขนส่งในประเทศนี้ส่วนมากจะใช้การเดินทางโดยรถประจำทาง แต่ถ้าเน้นความสะดวกของนักท่องเที่ยวแนะนำให้เช่าแท็กซี่ หรือเหมารถพร้อมคนขับจะดีที่สุด ถ้าเป็นรถแท็กซี่ในตัวเมืองต่อเที่ยวอยู่ประมาณ 50-100 บาท
- ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก อาหารต่อมื้อหากทานฟาสต์ฟู๊ด หรือร้านสตรีทฟู๊ดทั่วไปเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่มื้อละ 100 บาท แต่ถ้าเป็นร้านอาหารระดับปานกลางอาจอยู่ที่มื้อละ 300 บาท ตัวอย่างราคาอาหาร เครื่องดื่ม เช่น นม 1 ลิตร ประมาณ 27 บาท ไข่ไก่ 10 ฟอง ประมาณ 50 บาท เบียร์ท้องถิ่น ประมาณ 50 บาท เป็นต้น
- ค่าที่พัก กรณีเลือกพักกับโฮสเทลราคาต่อคืนราว 400 บาท โรงแรมระดับ 3 ดาว ราคาต่อคืนราว 1,000 บาท แต่ถ้าโรงแรมหรูหราราคาก็อาจเพิ่มขึ้นตามความต้องการของผู้เข้าพัก
- ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ
โดยสรุปเบื้องต้นการไปทัวร์แอลจีเรียคุณควรมีการเตรียมงบเอาไว้ใช้จ่ายประมาณ 70,000 บาท (หากได้ตั๋วเครื่องบินราคาประมาณ 20,000 บาทเศษ)
อาหารแอลจีเรีย ที่ไปแล้วควรลอง
1. Couscous
ถือเป็นอาหารแอลจีเรียที่มีชื่อเสียงมากสุด ใครทัวร์แอลจีเรียต้องมีโอกาสได้ลิ้มลอง นิยมทานกันทุกวันศุกร์ตามประเพณีแบบดั้งเดิมทำจากแป้งเซโมลิน่านึ่งประมาณ 10 นาที จากนั้นเสิร์ฟพร้อมสตูเนื้อ และผักต่าง ๆ เช่น แครอท แครอท ซูกินี ทั้งนี้แต่ละภูมิภาคอาจมีความแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม
2. Tajin Zitoun
อาการที่ผู้คนในประเทศจะนิยมทานกันมากโดยเฉพาะช่วงเดือนรอมฎอน เป็นอาหารที่ทำจาก Kefta (เนื้อวัว เนื้อแกะ ปลา หรือไก่ นำมาสับปรุงรสด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศปั้นเป็นก้อน ผสมกับมันฝรั่ง เห็ด ปรุงรสด้วยอบเชยและน้ำมันมะกอกนำไปตุ๋นเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมถึงใจ ต้องลองแล้วจะหลงรัก
3. Dolma
อาหารสุดคลาสสิกที่หลายคนย้อนกลับไปสมัยออตโตมัน ทำจากผักหลายชนิดนำมาควักเอาไส้ด้านในออกแล้วใส่เนื้อสัตว์ที่ผ่านการสับและปรุงรสเข้าไปแทนที่ ซึ่งผักยอดนิยมมักเป็นบวบขาว และมันฝรั่ง แต่ถ้าใครอยากใช้แครอท พริกเม็ดใหญ่ หรือมะเขือเทศก็ได้ นิยมทำทานกันในช่วงเดือนรอมฎอน
4. Rechta
บะหมี่แห่งสไตล์แอลจีเรียเสิร์ฟพร้อมน้ำซุป ทานง่ายสำหรับคนเที่ยวแอลจีเรียแล้วกลัวหาของอร่อยทานไม่ได้ นำบะหมี่ที่ได้จากแป้งเซโมลิน่าไปปรุงรสกับซอสขาว อบเชย จากนั้นโรยหน้าด้วยไก่และผัก ซึ่งปกติมักเป็นผักกาดกับบวบ รสชาติดีแถมใครก็ทานได้ไม่ต้องกังวลใจเลย
5. Chtitha Batata
ซุปมะเขือเทศและมันฝรั่ง แม้ดูธรรมดาแต่รสชาติเข้าขั้นอร่อยมากนำมันฝรั่งปรุงรสในซอสสีแดงซึ่งเป็นส่วนผสมของหัวหอมกับมะเขือเทศปั่นละเอียด ผงปาปริกา และถั่วชิกพี อาจเติมเนื้อสัตว์ลงไปได้ตามชอบ ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และยี่หร่า เมื่อซุปเข้มข้นจึงเทมันฝรั่งต้มสุกลงไปเคี่ยวจนได้ที่
แหล่งช้อปปิ้งในแอลจีเรีย ยอดนิยม
1. Park Mall
ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ในเมืองเซตีฟ แม้อาคารภายนอกอาจดูเหมือนตึกสำนักงานแต่จริงแล้วด้านบนคือโรงแรมที่พักสูดหรูหรา ส่วนด้านล่างก็มีห้างให้ได้เดินเล่นช้อปปิ้งกันเพลิน สินค้าเด่น ๆ มักเป็นพวกของเล่นและเกมสำหรับเด็ก รวมถึงยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ สินค้าแฟชั่น และอื่น ๆ ให้ได้เลือกสรรกันเยอะมาก มาช้อปกันได้ตามสะดวกเลย
2. Bab Ezzouar Commercial Center
ใครทัวร์แอลจีเรียแล้วมั่นใจเลยว่าต้องมีโอกาสแวะไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่านเมืองหลวงแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2010 มีขนาดใหญ่โตและเต็มไปด้วยร้านค้าให้ได้เลือกสรรกันแบบจุใจไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ของที่ระลึก ไปจนถึงร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ต่าง ๆ ก็มีเยอะมากทีเดียว
3. Saida Souk
ตลาดเก่าแก่ที่ยังคงเปิดขายสินค้าแบบชาวบ้านอนแสนเรียบง่ายให้กับผู้คนและนักท่องเที่ยวได้ซื้อหาพร้อมจับจองเป็นเจ้าของกันมานานมาก โดดเด่นด้วยบรรยากาศอันแสนเรียบง่าย ผู้คนมักนำของที่ตนเองมีออกมาวางขายด้วยราคาแบบเบา ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า งานแฮนด์เมด และอื่น ๆ อีกสารพัด ชอบแบบไหนเลือกเลย
4. City Center
แม้เป็นห้างสรรพสินค้าเล็ก ๆ ขนาด 3 ชั้น แต่ก็มีสินค้าให้เลือกสรรกันแบบจุใจมาก อารมณ์คล้ายกับห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตที่จะเน้นพวกของกินของใช้ภายในบ้าน สมุนไพร ผัก ผลไม้ สินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ แถมยังมีร้านอาหารและโซนให้นั่งทานอาหารกันแบบสุดชิลอีกด้วย พื้นที่จอดรถกว้างขวาง ไม่ต้องกังวลกับการเดินทาง เที่ยวแอลจีเรียก็แวะมาชื้อได้
5. Garden City Mall
ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งแรกในประเทศแอลจีเรีย การออกแบบตกแต่งได้รับแรงบันดาลใจจากงานสถาปัตยกรรมในเมืองหลวงให้ดีไซน์แบบพิเศษและเข้ากับภาพลักษณ์ ภายในเต็มไปด้วยร้านค้าหลากประเภท หลายแบรนด์ ให้คุณได้เดินเลือกซื้อกันแบบจุใจ ทั้งสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า แฟชั่น กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา ของเล่น อุปกรณ์ไอที และอื่น ๆ อีกเยอะมาก
โรงแรมและที่พักในแอลจีเรียแนะนำ
1. IBIRIS
โรงแรมระดับ 3 ดาวในเมืองออราน ใช้การออกแบบสไตล์โมเดิร์นผสานกับความคลาสสิกในแบบอิสลามได้อย่างน่าประทับใจ โทนสีน้ำตาลเป็นธีมเอกลักษณ์ ภายในห้องพักกว้างขวาง และยังมีพื้นที่บนดาดฟ้าสำหรับพักผ่อนชมวิวตอนเย็นหรือยามค่ำคืนอีกด้วย ตอบโจทย์การพักผ่อนสำหรับทัวร์แอลจีเรียมาก
2. Rue d'Or Hotel
โรงแรมในเมืองเซตีฟที่ใช้การดีไซน์ในรูปแบบอาคารยุคกึ่งเก่ากึ่งใหม่ได้แบบน่าประทับใจ บริเวณชั้น 1 เป็นล็อบบี้จึงตกแต่งให้หรูหรามากเป็นพิเศษ ห้องพักมีให้เลือกหลากสไตล์ส่วนใหญ่เน้นการตกแต่งแบบอิสลาม มีการสร้างโค้งและสีสันที่ชัดเจน ให้ความพิเศษอีกรูปแบบที่คุณต้องหลงรัก
3. Lamaraz Hotels
ที่พักแอลจีเรียสุดหรูหราย่านใจกลางเมืองหลวงที่พร้อมให้คุณสัมผัสกับความพิเศษในทุกมิติ ตกแต่งในธีมโมเดิร์นทั้งภายในและภายนอก มีสระว่ายน้ำในร่ม บางห้องมีอ่างอาบน้ำเพื่อความผ่อนคลาย วิวระเบียง หรือวิวดาดฟ้าสวย ๆ มองเห็นเมืองอัลเจอร์ก็ดีงามและน่าเข้าพักแบบสุด ๆ ไปเลย
4. Calypso Home Oran
ที่พักในเมืองออรานเน้นการตกแต่งแบบโมเดิร์นสุดทันสมัย ผสานความเป็นบูติกช่วยเพิ่มความน่าเข้าพักไปอีกระดับ ห้องพักมีหลากสไตล์ให้เลือกภายในมีโทนสีเทา ขาว ดำ เพื่อให้ผู้เข้าพักสัมผัสถึงมิติแห่งรสนิยมสุดแสนพิเศษ หรูหราในราคาจับต้องได้ วิวเมืองก็สวยงามและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
5. Hôtel Sidi Yahia
เที่ยวแอลจีเรียแล้วเลือกพักในย่านเมืองอัลเจอร์ก็เป็นอีกตัวเลือกน่าสนใจ อาคารเน้นออกแบบด้วยกระจก ขนาดใหญ่โต ห้องพักกว้างขวาง สามารถมองเห็นวิวสูงของเมืองจากหน้าต่างห้องได้ทันที ที่สำคัญยังสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกทั้งรถบัสหรือจะนั่งรถไฟก็ไม่ต้องกังวลใจใด ๆ ทั้งสิ้นเลย
แนะนำของฝาก แอลจีเรีย
1. ผ้าห่มทอ
ถือเป็นงานวิจิตรของชาวพื้นเมืองในแอฟริกาที่นิยมทำกันมาอย่างยาวนาน และผ้าห่มทอของแอลจีเรียก็นับเป็นของขึ้นชื่อที่ยังคงสืบทอดการทำแบบดั้งเดิมไว้อยู่ ลวดลายสวยงาม คุณภาพสุดประณีต เป็นของฝากหรือใช้เองก็ดีงามมาก
2. เซรามิค
ใครเป็นคนชอบสะสมถ้วยชามสวย ๆ หรืออยากให้บ้านมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ทานอาหาร ไว้รับแขก หากมีโอกาสทัวร์แอลจีเรียแนะนำว่าควรค่ากับการซื้อกลับไปใช้เป็นอย่างยิ่ง เนื้อวัสดุแข็งแรงทนทาน แถมยังจัดเต็มลายสวย ๆ เยอะมาก
3. อินทผาลัม
เป็นผลไม้ที่แม้จะพบได้ทั่วไปในแถบแอฟริกาเหนือ แต่ไหน ๆ ก็มีโอกาสมาเที่ยวแอลจีเรียทั้งทีคงไม่พลาดในการซื้อกลับไปอย่างแน่นอน ความหวานกลมกล่อม บวกกับเนื้อนุ่มไม่แข็งกระด้างมากเกินไปคือเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้ใครต่างก็หลงรัก
4. กล่องหนัง
อุตสาหกรรมหนังถือเป็นหนึ่งในประเภทสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานของที่นี่ แต่ถ้าคุณคือนักท่องเที่ยวการซื้อกล่องหนังสักใบเอากลับไปใช้งานก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ มีหลากสไตล์ หลายสีสัน ชอบแบบไหนจัดไปเลย
5. แม่เหล็กติดตู้เย็น
ของฝากแอลจีเรียสุดคลาสสิกที่มีวางขายกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปธงชาติ รูปสถานที่สำคัญ และอื่น ๆ ตอบโจทย์การไปเที่ยวและอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกเผื่อวันหนึ่งได้กลับมาย้อนนึกถึงประสบการณ์อันแสนพิเศษของตนเอง หรือจะติดตู้เย็นไว้ก็สวย
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลอันน่าสนใจสำหรับคนที่อยากมีโอกาสเปิดประสบการณ์ทัวร์แอลจีเรียสักครั้งในชีวิต มั่นใจเลยว่าหากคุณศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดจะไม่มีปัญหาอื่นใดให้ต้องกังวลแน่ สามารถเที่ยวแอลจีเรียได้แบบสบายใจ และยังได้พบเจอกับวัฒนธรรม ความแตกต่าง วิถีชีวิต และผู้คนในอีกมุมหนึ่งของโลกซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย